เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 13, 2024, 03:26:02 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ของเก่า เราลืม : "สงครามดาบปลายปืนที่นครศรีธรรมราช"  (อ่าน 10872 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 06:33:16 PM »




เอามาให้อ่านกันนะครับจากเวปแห่งหนึ่ง...รำลึกถึงอดีตและความกล้าหาญ.....

เมื่อญี่ปุ่นได้ก่อสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้นในปลายปี พ.ศ.2484 นั้น กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่ภาคใต้ของไทยเพื่อรุกไปโจมตีมลายูและพม่าจุดที่ญี่ปุ่นบุกขึ้นนั้น ได้แก่จังหวัดปัตตานี สงขลา ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และนครศรีธรรมราช จุดจุดที่กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกต่างก็ถูกกำลังของกองทัพบกไทยต่อต้านอย่างเหนียวแน่นและทรหดเป็นที่สุด หลายคนคงเคยได้ยิน วีรกรรมของกองบินน้อยที่ 5 ประจวบคีรีขันธ์ วีรกรรมยุวชนทหารจังหวัดชุมพร ที่ได้กลายมาเป็นภาพยนต์.......

แต่จะมีใครสักคนในยุคปัจจุบันที่จะรู้บ้างว่า.....ยังมีวีรกรรมของทหารสังกัดมณฑลทหารบกที่ 6 จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่นับเป็นเกียรติประวัติความกล้าหาญของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกครั้งหนึ่งที่จะต้องดำรงอยู่ในประวัติศาสตร์ไม่มีวันรู้เลือน......


พลตรี ชาย อุบลเดชประชารักษ์ ได้เล่าไว้ในหนังสืออนุสรณ์ เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ พันเอก อมร อมรเสนีย์ (หลวงอมรเสนีย์ ทศ อัมรานนท์)เมื่อนานกว่า 30 ปีมาแล้ว สามารถสรุปเรื่องราวต่างๆ ได้ว่า.....
บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 06:38:18 PM »



1. ทราบข่าว.......
ในวันที่ 8 ธันวาคม 2484 เวลาประมาณ 06.00 น. พลตรีหลวงเสนาณรงค์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 6 นครศรีธรรมราช ได้รับโทรเลข ซึ่งนายไปรษณีย์จังหวัดนครศรีธรรมราชได้นำมาส่งให้ที่บ้านพัก ความว่าญี่ปุ่นได้ส่งเรือรบประมาณ 15 ลำ มาที่ชายทะเลสงขลา และลำเลียงพลขึ้นบก เมื่อเวลา 04.00 น. ภายหลังที่ได้รับข่าวจาก หลวงอรรถโกวิทวที อัยการจังหวัดสงขลา ซึ่งแลเห็นเรือรบจำนวนมากจอดอยู่นอกฝั่งสงขลาและเตรียมยกพลขึ้นบกที่บ้านสำโรงและบ้านเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา......

2. รวมพล......
ภายหลังที่ได้รับโทรเลขฉบับนั้น ท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 6 จึงสั่งการให้แตรเดี่ยว ณ กองรักษาการณ์ประจำกองบัญชาการ เป็นสัญญาณเหตุสำคัญให้กับ ร.พัน 39 เพื่อเตรียมตัวรวมพลที่จะไปช่วยหยุดยั้งกองทัพญี่ปุ่นที่จังหวัดสงขลา และเตรียมรับมือกับกองทัพญี่ปุ่นที่คาดว่าอาจจะบุกขึ้นนครศรีธรรมราชด้วย.......


3. เหตุการณ์แปรเปลี่ยน......
ในขณะที่ ผบ.มณฑล ได้สั่งการและมอบหมายหน้าที่ต่างๆ เพื่อเตรียมรับศึกอยู่อย่างรีบเร่งนั้น....ก็ได้รับแจ้งข่าวจาก พลฯ จ้อน ใจซื่อ และ
พลฯ เติม ลูกเสือ สังกัด หน่วย ป.พัน 15 ซึ่งเป็นเวรตรวจเหตุการณ์ที่บ้านท่าแพ (ใกล้กับค่ายวชิราวุธ) ได้พาร่างอันโชกเลือดไปด้วยคมดาบซามูไรกว่า 10 แผล เข้ามาแจ้งข่าวว่า ได้พบกองทหารญี่ปุ่นกำลังยกพลขึ้นจากเรือรบ และลำเลียงกำลังด้วยเรือท้องแบนมาตามคลองท่าแพ จะขึ้นที่ท่าแพ ในขณะที่จะพยายามกลับมารายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก็ถูกทหารญี่ปุ่นบุกขึ้นมาทำร้าย แต่ได้พยามยามหลบหนีมาได้.......

เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เข้าสู่สถานการณ์ฉุกเฉิน.....ผบ.มณฑล จึงสั่งระงับการไปช่วยจังหวัดสงขลา ให้ทหารทั้งหมดกลับมารวมกันเพื่อต้านทานกองทัพญี่ปุ่น โดยสั่งการให้เปิดคลังแสงอย่างรีบด่วนและสั่งจ่ายอาวุธปืนเล็ก ปืนกล และกระสุนปืน ให้แก่ทุกคนที่ยังไม่มีอาวุธประจำกายและประกาศให้ทุกคนทำการสู้อย่างเต็มกำลัง มิให้ทหารญี่ปุ่นบุกยึดโรงทหารและค่ายทหารได้เป็นอันขาด....และสั่งให้ ร.พัน 39 รีบไปเสริมกับกำลังของทหารปืนใหญ่ ป.พัน 15 ที่กำลังยิงต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์
บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 06:43:23 PM »

4. ป.พัน 15........

ย้อนกลับมาทาง ป.พัน15 ในเวลา 6.30 น. ผู้บังคับกองรักษาการณ์ภายนอก ของ ป.พัน 15 ซึ่งอยู่แนวหน้าสุด ได้ทราบถึงการยกพลขึ้นบกของทหารญี่ปุ่น ซึ่งมีกำลังประมาณ 1 กองพล ได้ทยอยลงจากเรือระบายพลเพื่อขึ้นฝั่งที่ท่าแพ จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้รวบรวมกำลังพลจากกองรักษาการณ์ เข้ายับยั้งต่อสู้ข้าศึก โดยจ่าสิบตรี ผ่อง พ่วงดวงงาม ผู้บังคับกองรักษาการณ์ภายนอก ได้นำทหารในกองรักษาการณ์ไปต่อต้านข้าศึกเป็นกองแรก ทำให้ ป.พัน 15 ได้มีเวลาเตรียมตัวและปรับกำลังได้ทันเวลา โดยทางทหารไทยได้เปิดฉากยิงต่อสู้อย่างรุนแรงเด็ดขาด เพราะถือว่ากองทัพญี่ปุ่นละเมิดอธิปไตยของไทยอย่างร้ายแรง ทำให้กระสุนนัดแรกๆ ของทหารญี่ปุ่นที่ยิงขู่ขึ้นฟ้า.....ลดองศาลงมาเป็นกระสุนสังหาร.....

ส่งผลให้ทหารกองรักษาการณ์กองแรกของ ป.พัน 15 ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตไปหลายนาย........แต่กำลังพลทั้งหมดของกองพัน ก็สามารถจัดกำลังตั้งรับที่หน่วยของตนได้.....


5. ประจำการรบ......

ร้อยตรีประยงค์ ไกรกิตติ ผู้บังคับหมวด กองร้อยที่ 1 ป.พัน 15 ได้อำนวยการให้ทหารนำปืนใหญ่ออกมาตั้งยิงได้สำเร็จ.....โดยได้นำ ปืน ป.105 จำนวน 4 กระบอก และ ป.63 จำนวน 2 กระบอก ออกมาจากโรงเก็บออกมาตั้งยิงบริเวณด้านหน้า และทหารปืนใหญ่เมื่อตั้งยิงได้แล้ว ก็ส่งกระสุนเข้าถล่มทหารญี่ปุ่น.....อำนาจการยิงของ ป.พัน 15 กองร้อยที่ 1 นั้นรุนแรงมาก.....กระสุนได้ตกไปถึงเรือระบายพล และเรือคุ้มกันที่จอดลอยลำอยู่ ซึ่งใช้ปืนใหญ่ประจำเรือยิงสนับสนุนเข้ามาในค่ายวชิราวุธ โดยกระสุนบางส่วนได้ตกมาในบริเวณโรงนอนทหาร และโรงอาหารหลายนัด ซึ่งกองเรือคุ้มกันเมื่อได้รับการยิงตอบโต้จากปืนใหญ่ของ ป.พัน15 จึงได้หยุดยิง และปรับองศาการยิงมาที่ ป.พัน 15 แทน

จากการยิงสนับสนุนอย่างรุนแรงของ ป.พัน 15 ได้ส่งผลให้เรือลำเลียงพลท้องแบนที่จะเข้าสู่ท่าแพจมไปหลายลำ สามารถระงับการยกพลขึ้นบกระลอกสองได้ชั่วคราว ทหารญี่ปุ่นจำนวนมากจึงระดมการยิง หมายที่จะดับปืนใหญ่ทั้ง 4 กระบอกของไทยให้ได้....   
บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 06:46:14 PM »



6. ปืนใหญ่ดับ.....

ทางด้านกองร้อยหนึ่ง ทหารญี่ปุ่นได้รุกเข้ามาใกล้กับแนวรั้วไร่กสิกรรมของ ป.พัน15 ที่ทางฝ่ายไทยยึดเป็นที่มั่นเพื่อคุ้มกันปืนใหญ่อยู่ เมื่อมีทหารญี่ปุ่นบุกเข้ามาใกล้เช่นนั้นทาง ผบ.ร้อยจึงสั่งให้ปืนใหญ่ 2 กระบอกทำการยิงสกัดกั้น แต่ไม่สามารถต้านทานทหารญี่ปุ่นอันมีจำนวนมากได้ จนทหารญี่ปุ่นบุกเข้ามาถึงระยะ 50 เมตร ปืนใหญ่จึงไม่สามารถทำการยิงได้อีก พลประจำปืนก็ต้องใช้อาวุธปืนเล็กยาวยิงร่วมกับทหารราบ และได้มีกระสุนปืนใหญ่จากเรือคุ้มกันที่ลอยลำอยู่ตกลงมาในหน่วยปืนใหญ่หลายนัด......ส่งผลให้ ร้อยตรีประยงค์ ไกรกิตติ รวมถึงนายสิบ และพลทหารประจำปืนใหญ่เสียชีวิตไปถึง 10 นาย....

กองร้อยที่ 2 ได้พยายามลากปืนใหญ่ ป.105 จำนวน 1 กระบอก ซึ่งไปนำคืนมาจากร้านงานฉลองรัฐธรรมนูญ มาตั้งยิงใกล้กับคลังกระสุน แต่เนื่องจากกองร้อยที่ 2 มีทหารอยู่น้อย เนื่องจากต้องไปรักษาการณ์ภายนอก จึงมีทหารไม่พอจะทำหน้าที่พลประจำปืน ประกอบกับกองร้อย 2 อยู่ใกล้กับทางท่าแพมากพอทางฝ่ายญี่ปุ่นเริ่มเคลื่อนที่และยิงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้กองร้อยที่ 2 หมดความสามารถที่ทหารจะเข้าไปลากปืนใหญ่เอามาตั้งยิงสนับสนุนได้ จึงใช้ปืนเล็กยาวยิงต่อสู้ฝ่ายทหารญี่ปุ่นที่เริ่มรุกเข้ามา......

พันเอก หลวงอมรเสนีย์ ผู้บังคับการทหารปืนใหญ่ พร้อมกับ พันตรี หลวงราญรอนสงคราม รองเสนาธิการมณฑลทหารบก ได้นำทหารในกองบัญชาการไปจัดขบวนรบในแนวหน้า และได้อำนวยการรบอยู่ตลอดเวลา.....

จนในที่สุด พันตรี หลวงราญรอนสงคราม ก็ถูกกระสุนปืนของทหารญี่ปุ่นถึงแก่กรรมลง.....
บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 06:53:37 PM »

7. กำลังสนับสนุน......

ย้อมกลับมาที่ ร.พัน 39 เมื่อ ผบ.มณฑล ของหน่วยทหารภาคใต้...ได้รับรายงานแล้ว ก็จัดกำลัง ร.พัน 39 เข้าเสริมกำลังของ ป.พัน 15 โดย พันโท หลวงประหารริปูราบ ผู้บังคับการ ร.พัน 39 ได้นำกำลังทหาร กองร้อยที่ 1 และ หมวด ส. ยกไปต้านทานทหารญี่ปุ่น โดยวางกำลังรบเป็นสองแนว แนวแรกคือ แนวบ้านพักนายทหาร ป.พัน 15 และโรงพักทหาร รวมไปถึงแนวรั้วไร่กสิกรรม ส่วนแนวที่ 2 คือ บริเวณตลาดท่าแพ เมื่อกำลังทหารจาก ร.พัน 39 เมื่อเข้าสนับสนุนทหารปืนใหญ่ ก็ได้แบ่งกำลังให้กองพันทหารพาหนะเป็นปีกขวา กองพันทหารสื่อสารป้องกันปีกซ้าย และให้หน่วยยุวชนทหารเป็นแนวหนุน แล้วเปิดฉากการยิงต้านทานทหารญี่ปุ่นที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่า ซึ่งกำลังดาหน้าเข้ามา ด้วยอาวุธทุกชนิดที่มี จากระยะที่ห่างกันเพียงประมาณ 100 เมตร

ร้อยเอก ชาย ไชยกาล นายทหารคนสนิทของผู้บัญชาการ ได้นำปืนกลหนัก ที่ได้รับมอบจาก ร.พัน 39 มาเสริมกำลังของ ป.พัน 15 ซึ่งขณะนั้นไม่มีปืนกลหนักมาสนับสนุนทำให้ทหารต้องใช้เพียงปืนเล็กยาวยิงต่อต้านทหารญี่ปุ่น เมื่อปืนกลหนักจาก ร.พัน 39 และกำลังสนับสนุนจากทหารราบมาถึง ทำให้การรุกเข้ามาของทหารญี่ปุ่นจึงหยุดชะงักลง....แต่พันโท หลวงประหารริปูราบ ที่อำนวยการรบอยู่ก็ถูกยิงกระสุนทะลุหมวกเหล็ก แต่ลูกกระสุนแฉลบไป ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ร้อยเอก สวัสดิ์ บูรณะสมิต ผบ. กองร้อยที่ 1 นำทหารราบหมวดแรก จาก ร.พัน 39 บุกไปแนวหน้า เพื่อช่วยสนับสนุนทหารปืนใหญ่ยิงต่อสู้ จนผู้ใต้บังคับบัญชาเสียชีวิตและบาดเจ็บจนไม่สามารถทำการรบได้....ร้อยเอก สวัสดิ์ บูรณะสมิต จึงทำหน้าที่พลยิงปืนกลหนักต่อไปด้วยตนเอง....และถูกสะเก็ดระเบิดของกระสุนปืนใหญ่ข้าศึกจนบาดเจ็บสาหัส.....

ทำให้สิบตรี เจริญ สินสมบัติ ที่ถูกทางด้านปีกขวาของแนวยิง และถูกยิงจากปืนกลของฝ่ายทหารญี่ปุ่นจนแขนซ้ายเกือบขาดจากร่าง และยึดแนวที่มั่นอยู่จึงเข้าไปทำหน้าที่พลยิงปืนกลหนักแทน....ขณะยิงตอบโต้ก็ถูกยิงจากทหารญี่ปุ่นอีกครั้งที่ขมับ....จนเสียชีวิต

ทางด้านซ้ายของแนวยิง สิบตรี ขัน ศรีดี ผู้บังคับหมู่ 2 ได้นำกำลังเข้าสนับสนุนทางด้านซ้ายของหมวด และถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ขณะนั้นกองทหารญี่ปุ่นได้รุกเข้ามาทางด้านซ้าย และได้ยิงพลประจำปืนกลเบาและขว้างระเบิดใส่จนเสียชีวิตทั้งหมด สิบตรี ขัน ศรีดี จึงได้เข้าประจำปืนกลเบาและยิงต่อสู้จนกระสุนหมด และนำปืนถอยมาด้านหลังเพื่อเอากระสุนจากพลประจำปืนที่เสียชีวิต จึงถูกรุมยิงจากทหารญี่ปุ่นถึงแก่ชีวิต....

สิบตรี พ่วง พารา รองผู้บังคับหมวด 1 ได้นำปืนกลหนัก จาก ร.พัน 39 ขึ้นไปสนับสนุนในแนวหน้า ท่ามกลางการระดมยิงอย่างหนาแน่นของทหารญี่ปุ่นที่ต้องการไม่ให้ทางฝ่ายไทยทำการยิงปืนกลสนับสนุนได้ สิบตรี พ่วง พารา และทหารในหมู่ได้ใช้ปืนเล็กยาวยิงต่อสู้ทหารญี่ปุ่น จนหมู่ปืนกลสามารถตั้งปืนยิงได้ แต่ตนเองและทหารในหมู่ก็ถูกยิงเสียชีวิตทั้งหมด.......
บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 06:54:36 PM »

เหตุการณ์เดียวกับวีรกรรมพ่อจ่าดำหรือเปล่าครับ
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 07:05:19 PM »




8. สงครามดาบปลายปืน.....

ตั้งแต่เวลา 6.50 น.  ที่ฝ่ายไทยเริ่มยิงกระสุนนัดแรกจนถึงเวลา 9.00  น. ทหารจาก ร.พัน 39 และ ป.พัน 15 ได้ยึดแนวต้านทานเอาไว้อย่างเหนียวแน่นจากทหารญี่ปุ่น....ซึ่งได้บุกดาหน้าเข้ามาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่าจากเรือระบายพล ซึ่งกำลังของทหารไทยน้อยกว่าอย่างไม่สามารถที่จะเทียบกันได้...และรวมไปถึงยังมีทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก







จากแนวรบที่มีระยะห่างกันเพียง 100 เมตร ได้ย่นระยะเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนเกือบจะถึงแนวหน้าของ ร.พัน 39 ที่กระสุนกำลังจะร่อยหรอลงไปทุกที ผู้บังคับหมวดได้สั่งให้ทหารติดดาบปลายปืน เพื่อทำการสกัดเป็นครั้งสุดท้าย และได้แจ้งให้ทหารในส่วนที่เป็นกำลังหนุนซึ่งยังคงยึดภูมิประเทศอยู่ในแนวที่ 2 ซึ่งอยู่ห่างจากแนวแรกประมาณ 100 เมตร ให้เตรียมพร้อมทำการรบ และให้หน่วย ส.พัน 6 และยุวชนทหาร เข้ายึดภูมิประเทศบริเวณโรงที่อยู่ของทหาร เพื่อเป็นกำลังหนุนในโอกาสต่อไป.....

และในที่สุดทหารญี่ปุ่นก็เข้ามาประชิดถึงแนว ป.พัน 15 ทหารจาก ร.พัน 39 และ ป.พัน 15 ได้กรูเข้าหาทหารญี่ปุ่นเพื่อประจัญบานด้วยดาบปลายปืน ทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายเข้าต่อสู้กันด้วยอาวุธสั้นทันที ทั้งดาบปลายปืน และดาบซามูไร.....

จากบันทึกของผู้รอดชีวิต ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่น ได้กล่าวว่า "การรบด้วยดาบปลายปืนในครั้งนั้นดุเดือดรุนแรงที่สุด แนวรบขยายกว้างออกไปถึง 500 เมตร ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กันในระยะที่ดาบปลายปืนถึงตัวกันเลยทีเดียว"

ร้อยเอก ขุนนวมณฑนะโยธิน ผู้บังคับทหารพาหนะ ได้นำกำลังพลไปช่วยสนับสนุนด้านปีกขวา และอำนวยการรบ แต่ขณะเข้าประจัญบานด้วยดาบปลายปืนนั้น ได้ถูกรุมแทงจาก

ทหารญี่ปุ่นชนิด 5 ต่อ 1 จนเสียชีวิต แต่ ร้อยเอก ขุนนวมณฑนะโยธินก็สามารถสังหารทหารญี่ปุ่นทั้ง 5 คนได้หมด .....
บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 07:10:41 PM »

9. สิ้นสุดการรบ....

09.30 น. ข้าหลวงได้รับโทรเลขรหัสจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยข้อความ "ให้หยุดรบ กับให้ญี่ปุ่นผ่านและพักในประเทศไทยได้"

09.50 น. ผบ.มทบ.6 ได้รับคำสั่งทางวิทยุจากผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุด (จอมพลแปลก พิบูลสงคราม) ว่า "ให้หยุดรบ หลีกทางให้   
              ญี่ปุ่นผ่านไป แล้วรอฟังคำสั่ง"

10.10 น. มทบ.6 แต่งตั้งคณะผู้เจรจาการศึกฝ่ายไทยพร้อมธงขาวเพื่อเจรจาการศึกกับญี่ปุ่น

10.20 น. คณะผู้เจรจาการศึกฝ่ายญี่ปุ่นพร้อมธงขาวปรากฏตัว

10.40 น. เปิดเจรจากันบนถนนราชดำเนินได้ผลสรุปว่า "ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่นได้ทราบคำสั่งให้หยุดรบแล้ว" ขณะนั้นปรากฏว่าทหาร
              ญี่ปุ่นมีการเคลื่อนไหว วิ่งระหว่างต้นไม้กำบัง ซึ่งนับว่าเป็นการฉกฉวยโอกาสระหว่างที่ฝ่ายเราหยุดยิงแล้วเคลื่อนที่เข้ามา ทหาร
              ไทยจึงยิงเพื่อให้ยุติการเคลื่อนที่จนขยายเป็นโต้ตอบกันรุนแรงถึงขั้นตะลุมบอน มีผู้เสียชีวิตต่อหน้า คณะผู้เจรจาทั้งสองฝ่าย ซึ่ง
              ต้องหลบเข้าที่กำบังในบ่อดินลูกรังข้างทาง

10.50 น. หลังจากเป่าแตรสัญญาณหยุดยิงหลายครั้ง ก็ไม่หยุดยิงด้วยต่างฝ่ายต่างไปม่ยอมหยุดก่อน โต้ตะลุมบอนกันไปมา คณะผู้เจรจา
              ทั้ง 2 ฝ่ายจึงให้จัดผู้ห้ามยิงฝ่ายละ 1 คน เดินคล้องแขนเคียงคู่กันไปทางทิศเหนือ ซึ่งกำลังญี่ปุ่นตรึงอยู่แล้ววกมาทางกำลังฝ่าย
              ไทย นับว่าการรบของทั้งสองฝ่ายยุติลงตั้งแต่นั้น

11.40 น. ผู้ห้ามยิงทั้งสองเดินกลับมาถึงที่เจรจาการศึก

11.45 น. เริ่มเจรจาการศึกใหม่ได้ความว่าทางญี่ปุ่นไม่ได้ตั้งใจรุกรานประเทศไทยหรือบุกเมืองนคร แต่เข้าใจว่า รัฐบาลของทั้งสองประเทศ
              ได้เจรจาทำความตกลงอนุญาตให้กำลังรบของ ญี่ปุ่นผ่านประเทศไทยไปมะลายูและสิงคโปร์ เพื่อขับไล่ชนชาติผิวขาวได้แล้วการ
               เจรจาทางญี่ปุ่นขอ 5 ข้อ คือ พัก-ผ่าน-ฐานบิน-เขตทหารและรักษาสนามบิน

12.10 น. เจรจาศึกครั้งที่สอง ฝ่ายไทยยินยอมเพียง 4 ข้อ ยกเว้นข้อ 5 ซึ่งญี่ปุ่นจะต้องรักษาสนามบินเอง โดยกำหนดให้คลองท่าวัง เป็น
              เส้นแบ่งเขตทหารไทยและทหารญี่ปุ่น และฝ่ายญี่ปุ่นต้องไม่กระทำการใดๆ ที่เสื่อมเสียเกียรติแก่ชาวไทยและชาติไทยเป็นอัน
              ขาด และนัดเจรจาทำความตกลงรายละเอียดในเวลา 13.00 น. หากพ้นเวลากำหนดโดยฝ่ายญี่ปุ่นไม่แจ้ง เหตุขัดข้องหรือขอ
              เลื่อนเวลาการรบของทั้ง 2 ฝ่าย อาจเริ่มขึ้นเพื่อขับไล่กำลังรบฝ่ายญี่ปุ่นให้พ้นจากเขตแดนไทย (ภาคใต้) ต่อไป

13.00 น. เจรจายุติการรบ

14.00 น. ยุติการรบ หลังจากที่ได้สู้รบกันมากว่า 6 ชั่วโมง ฝ่ายทหารญี่ปุ่นไม่สามารถเข้ายึดที่ตั้งทางทหารของมณฑลทหารบกที่ 6 ได้เลย
บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 07:19:27 PM »

ต่อมาได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้น เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการสู้รบอันกล้าหาญของทหารไทยในภาคใต้ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นรูปทหารขนาดประมาณ 2 เท่าตัวคน แต่งเครื่องแบบสนามครบครัน ยืนถือปืนในท่าประจัญบาน หันหน้าไปทางท่าแพ ซึ่งเป็นจุดที่ทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบก....

ประดิษฐานอยู่ในเขตทหารตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช 6 กิโลเมตร อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้มีการนำอัฐิของบรรดาทหารหาญที่เสียชีวิตในสงครามครั้งนี้มาบรรจุพร้อมทั้งจารึกชื่อเอาไว้ที่ฐานของอนุสาวรีย์ รวมทั้งสิ้น 116 คน การก่อสร้างแล้วเสร็จและมีพิธีเปิดเมื่อ 8 ธันวาคม 2492 มีชื่อว่าอนุสาวรีย์วีรไทย 2484 และได้มีพิธีกล่าวสดุดี วางพวงมาลา และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทหารที่สละชีวิต ในวันที่ 8 ธันวาคมของทุกๆ ปี มาจนถึงทุกวันนี้......

เมื่อไป นครศรีธรรมราชครั้งใด เฉพาะชาวนครศรีธรรมราชที่จากบ้านเกิดเมืองนอนมาต้องกลับไปกราบไหว้สักการะอนุสาวรีย์ของ "พ่อจ่าดำ" ซึ่งร่ำลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก ....
บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
shah_vip
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 29
ออฟไลน์

กระทู้: 364



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 09:12:14 PM »

ขอบคุณครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
tip1976 - รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 35
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 789



« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 09:15:54 PM »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 09:29:49 PM »

อยู่บ้านผมครับ..ขอโหนกระแสไปด้วยแบบนักการเมืองหน่อยครับ อิ..อิ.. +1 โดนๆ

แบบบางคนไง...ถามว่าใครทำร้ายประชาชน...ไม่เมี๊ยะ...ถ้าเรื่องได้หน้าล่ะก็...ทีวีจอกว้างยังไม่พอครบทุกหน้าเลย
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
SA-KE
เมื่อเดินผิด ย่อมมิใช่มนุษย์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 702
ออฟไลน์

กระทู้: 3612


เรารักในหลวง


« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2008, 11:51:04 PM »

      ขอสวมรอยด้วยคนครับ.. Cheesy     เพราะตอนเด็กๆชอบไปวิ่งเล่นแถวนั่นบ่อยๆ ก่อนอื่นต้องขอบคุณ " คุณ Siri_Pat " มากครับ ที่เอาเรื่องประวัติศาสตร์ความกล้าหาญของทหารไทยมาให้อ่านกันอีกครั้ง  ทำให้หวนคิดถึงตอนที่ยังอยู่ที่นั่น  นอกจากรณีที่ประวัติศาสตร์ไม่ได้เขียนแล้ว ขอเพิ่มเติมเล็กน้อยแต่เป็นเรื่องเล่าๆต่อกันมาอาจจะเป็นตำนานกล่าวขานกันเองก็ได้ จริงเท็จไม่ยืนยัน? เขาว่ากันว่ารูปปั้นที่ปั้นนั่นเป็นรูปปั้นที่ "พ่อจ่าดำ " เสียชีวิตในขณะต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นโดยใช้ดาบปลายปืนแทงทหารญื่ปุ่นและยืนเสียชีวิตด้วยกันทั้งคู่   จริงๆแล้วผมไม่แน่ใจว่าทำไม?เขาเรียก "พ่อจ่าดำ " เพราะผู้ที่เสียชีวิตตามที่เล่าขานท่านมียศแค่ "พลทหาร"  รูปปั้นนี้ไม่ทราบใครเป็นผู้ปั้น รู้แต่ว่าตอนเด็กๆไปยืนมองที่ตารูปปั้นที่ไร? กลัวทุกที่  เป็นรูปปั้นที่ดูเข้มแข็งและแข็งแรงมากได้สัดส่วน คนในค่ายวชิราวุธ ส่วนใหญ่จะนับถือกันมาก และมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "พ่อจ่าดำ "ค่อนข้างแยอะตามประสาคนไทย   รูปปั้นนี้ตั้งอยู่หน้าโรงเรียน ที่ผมเรียนชั้นประถมพอดีครับ..
บันทึกการเข้า

คนต่างกับสัตว์ที่ "ความคิด"  ,  คนต่างกับมนุษย์ที่ "ศีลธรรม"
fink
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 351
ออฟไลน์

กระทู้: 6607



« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 02:01:38 AM »

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันครับ
แล้วก็ขอบคุณบรรพชนไทยที่เสียสละให้เราได้มีแผ่นดินอยู่ทุกวันนี้ครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

EAK1980 รักในหลวง
ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอย่างไร
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1197


ไปได้ทุกที่.....ที่มีทาง ฅ.ฅนสร้างทาง


« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2008, 08:40:52 AM »

 ไหว้ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

Long Live The King

หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.068 วินาที กับ 21 คำสั่ง