เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 15, 2024, 05:16:27 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 5 6 7 [8]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอคุยเรื่อง จิต วิญญาณ เวียนว่ายตายเกิด ภพภูมิ กฎแห่งกรรม  (อ่าน 11562 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #105 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2008, 07:09:21 PM »


     ขอบคุณครับพี่อารมณ์ดี ...... พี่สาวผมก็เพิ่งจากไปเมื่อเดือนพฤษภาคมนี้ด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน
บันทึกการเข้า

                
RroamD
Colt 1911 Semi Auto & Single Action Only
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 205
ออฟไลน์

กระทู้: 4102



« ตอบ #106 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2008, 12:41:55 AM »


     ขอบคุณครับพี่อารมณ์ดี ...... พี่สาวผมก็เพิ่งจากไปเมื่อเดือนพฤษภาคมนี้ด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน


เสียใจกับการสูญเสียพี่สาวครับ

ปีที่ผ่านมาก่อนเข้ารับการผ่าตัด ผมไปสองงานครับ
งานแรกเพื่อนคุณแม่ถึงแก่กรรมด้วยโรคตับวายเฉียบพลัน
งานที่สองหลานสาวผม (ลูกพี่สาวต่างแม่) อายุเท่าพี่ชายคนที่สองผมอายุ 57 ปี มะเร็งลำไส้ใหญ่หมดเงินเฉพาะค่ายาคีโมไป 3 ล้านบาทกับ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. หลังผ่าต้ด ก็ยื้อชีวิตไว้ได้แค่ 2 ปีครับ Sad

สำหรับผมเริ่มเรียนรู้สามคำนี้ครับพี่ปู

เกิด เจ็บ ตาย
บันทึกการเข้า

ปลายทางของการปะทะกันด้วยปืนคือเชิงตะกอนกับเรือนจำ
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #107 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2008, 03:39:54 AM »


     เรื่องการตายถือเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องประสบเมื่อถึงเวลา ..... สำหรับผมเริ่มนับอายุตัวเองถอยหลัง

     เริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม 2540 คำนวณอายุตัวเองเหลือไม่เกิน 20,000 วัน ..... บัดนี้ผ่านไปเกือบ 12 ปีแล้ว

     ไม่มั่นใจตัวเองว่าจะอยู่ครบวันที่กำหนดไว้หรือเปล่า 


      ในส่วนของ จขกท. และ ภรรยา ผมว่าทั้งคู่มีจิตสัมผัสไม่เหมือนคนทั่วไป อาจเป็น ญาณ พิเศษเฉพาะตัว

      นับเป็นเรื่องแปลก ที่ยากจะอธิบาย  ....... ผมเชื่อเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย  เมื่อตายแล้วก็ถือว่าจบสิ้นกันไป

      วิญญาณ เป็นเรื่องเล่าที่ผมสัมผัสเองไม่ได้ จึงทำให้ไม่เชื่อ  .... เคยอ่านบทความหรือข้อเขียนต่างๆมากมาย

      แต่ก็เป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้  มีคำแนะนำให้นั่งสมาธิเมื่อถึงขั้นจะรับรู้ได้ อันนั้นคงเป็นเรื่องของแต่ละคน

      บางคนมากไปจนถึงขั้นเพี้ยนสติฟั่นเฟือน หลงตัวเองเป็นผู้วิเศษ ....... หยั่งรู้ดินฟ้า ฯลฯ ผมไม่เชื่อ แต่กลัวผี 555
บันทึกการเข้า

                
jakrit97 - รักในหลวง -
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 164
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5466


Dead boy can't shoot!


« ตอบ #108 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2008, 09:05:27 AM »

ขอแสดงความเสียใจกับทุกท่านที่สูญเสียญาติไปด้วยโรคมะเร็งครับ ... พ่อผมโชคดีมาก เพราะเป็นมะเร็งที่ลำใส้ใหญ่ หมอ รพ.พระมงกุฏท่านช่วยผ่าออกไปให้ แถมยังต่อทวารได้ที่เดิมอีก นับจากวันนั้นมาก็สิบกว่าปีแล้ว ... พ่อผมถึงจะไม่แข็งแรงมาก แต่ก็กินอยู่สบาย ขับถ่ายดี แถมเถียงแม่เก่งอีกต่างหาก ....

 Smiley
บันทึกการเข้า

Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #109 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2008, 10:11:53 AM »

ตอนได้ยิน สมาธิของคุณณัฐเป็นอย่างไร หรือกำลังคิดอะไรอยู่ ...

ภรรยาผมชอบฝัน ฝันว่าพบหลวงพ่อฤาษีลิงดำบ้าง ฝันว่าเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพฯบ้าง แม้แต่ฝันว่ามีคนมาเชือดคอลูกก็เคย .... ผมฟังแล้วมักจะบอกว่า ... ก่อนนอนกินมากไป ฝันเชื่อไม่ได้ (เอาไปทำนายฝันก็ไม่ได้)

แต่ก็ขอร่วมยินดีด้วยครับ Grin

ผมกับภรรยาได้ยินตอนอยู่นครัวครับ ไม่ได้อยู่ในสมาธิแต่อย่างใด
บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
jakrit97 - รักในหลวง -
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 164
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5466


Dead boy can't shoot!


« ตอบ #110 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2008, 02:34:48 PM »

ตอนได้ยิน สมาธิของคุณณัฐเป็นอย่างไร หรือกำลังคิดอะไรอยู่ ...

ภรรยาผมชอบฝัน ฝันว่าพบหลวงพ่อฤาษีลิงดำบ้าง ฝันว่าเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพฯบ้าง แม้แต่ฝันว่ามีคนมาเชือดคอลูกก็เคย .... ผมฟังแล้วมักจะบอกว่า ... ก่อนนอนกินมากไป ฝันเชื่อไม่ได้ (เอาไปทำนายฝันก็ไม่ได้)

แต่ก็ขอร่วมยินดีด้วยครับ Grin

ผมกับภรรยาได้ยินตอนอยู่นครัวครับ ไม่ได้อยู่ในสมาธิแต่อย่างใด

อืม ... ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เพราะความรู้น้อย ... แต่ผมไม่ได้หมายถึงกำลังภาวนา หรือจับลมหายใจอยู่ ...

คนเรา เมื่อไม่ได้คิดอะไร จิตมักจะฟุ้ง .. คือคิดไปในเรื่องต่าง ๆ ไม่หยุดนิ่ง ... การฝึกภาวนา หรือการกำหนดลมหายใจ เป็นการฝึกตนเองให้จิตไม่ฟุ้งไป ... บางทีนั่งสมาธิอยู่ก็จริง ภาวนาไปสักพัก มันกลับมีเรื่องอื่นเข้ามาในหัว .... ....

จิตว่าง ไม่ได้ว่างจากความคิด แต่ต้องว่างจากกิเลส ..... เมื่อจิตว่างจากกิเลส จิตก็จะมีความเป็นทิพย์ ... การรับรู้ของจิตที่เป็นทิพย์นั้น .... ถูกต้อง

      แต่ก็เป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้  มีคำแนะนำให้นั่งสมาธิเมื่อถึงขั้นจะรับรู้ได้ อันนั้นคงเป็นเรื่องของแต่ละคน

      บางคนมากไปจนถึงขั้นเพี้ยนสติฟั่นเฟือน หลงตัวเองเป็นผู้วิเศษ ....... หยั่งรู้ดินฟ้า ฯลฯ ผมไม่เชื่อ แต่กลัวผี 555

 เยี่ยม

พี่ปูบอกไว้ถูกต้องครับ บางคน "หลง" คิดว่าเป็นคุณวิเศษของตัว .... ก็เข้ารกเข้าพงไป
บันทึกการเข้า

Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #111 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2008, 12:33:00 PM »


 อ๋อ ปกติครับคุณ jakrit ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร คุยแต่เรื่องทอดแคบหมู ครับ

บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #112 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2008, 12:50:22 PM »

                      เมื่อนำหลักคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ามาใช้ในการดำเนินชีวิต


* ศีล5 *
หรือ เบญจศีล เป็นศีลในลำดับเบื้องต้นในพุทธศาสนา ที่ศาสนิกชนพึงถือ ไม่เฉพาะแต่เหล่าสงฆ์เท่านั้น
ศีลห้าจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า 'นิจศีล' นั่นคือ ศีลที่ยึดถือป็นนิจ (นิตย์) ด้วยเหตุนี้
ในพิธีกรรมทั้งปวงในพุทธศาสนา หลังจากกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยแล้ว พุทธศาสนิกพึงอาราธนาศีล และรับศีลห้าก่อนเสมอ

1. ปาณาติปาตา เวรมณี
 เว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตทั้งปวง ,
การทำร้ายสิ่งมีชีวิตด้วยกัน แม้แต่คิดหรือวางแผน ก็ถือว่าผิด

2. อทินฺนาทานา เวรมณี
เว้นจากการลักทรัพย์ เอาสิ่งที่เจ้าของไม่ให้ ,
การเบียดบัง , ฉ้อราษฎร์บังหลวง , เอาเปรียบคนอื่น แม้แต่คิดก็ถือว่าผิด

3. กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี
 เว้นจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย เพียงแค่คิดก็ถือว่าผิด

4. มุสาวาทา เวรมณี
เว้นจากการพูดเท็จ คำหยาบ หรือ
พูดส่อเสียด รวมถึงการพูดให้คนแตกสามัคคีกันด้วย

5. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี
เว้นจากการดื่มน้ำเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท


* พรหมวิหาร4 *
เป็นหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและ บริสุทธิ์เฉกเช่นพรหม ประกอบด้วย

1. เมตตา
 คือความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นมีความสุข

2. กรุณา
คือความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์

3. มุทิตา
 คือความยินดีที่ผู้อื่นมีความสุขในทางที่เป็นกุศล

4. อุเบกขา
คือการวางจิตเป็นกลาง การมีเมตตา กรุณา มุทิตา เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าตนไม่สามารถช่วยเหลือผู้นั้นได้
จิตของตนจะเป็นทุกข์ ดังนั้น ตนจึงควรวางอุเบกขาทำวางใจให้เป็นกลาง และพิจารณาว่า
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมที่ได้เคยกระทำไว้ จะดีหรือชั่วก็ตาม
กรรมนั้นย่อมส่งผลอย่างยุติธรรมตามที่เขาผู้นั้นได้เคยกระทำไว้อย่างแน่นอน


* อิทธิบาท4 *
เป็นศัพท์ในพุทธศาสนา หมายถึง ฐานหรือหนทางสู่ความสำเร็จ หรือ คุณเครื่องให้ถึงความสำเร็จ
คุณเครื่องสำเร็จสมประสงค์ ทางแห่งความสำเร็จ คุณธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จแห่งผลที่มุ่งหมาย มี ๔ ประการ คือ

1. ฉันทะ ( ความพอใจ )
คือ ความต้องการที่จะทำ ใฝ่ใจรักจะทำสิ่งนั้นอยู่เสมอ และปรารถนาจะทำให้ ได้ผลดียิ่งๆขึ้นไป

2. วิริยะ ( ความเพียร )
 คือ ขยันหมั่นประกอบสิ่งนั้นด้วยความพยายาม เข้มแข็ง อดทน เอาธุระไม่ท้อถอย

3. จิตตะ ( ความคิด )
 คือ ตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำ และทำสิ่งนั้นด้วยความคิด เอาจิตฝักใฝ่ ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไป

4. วิมังสา ( ความไตร่ตรอง หรือ ทดลอง )
 คือ หมั่นใช้ปัญญา พิจารณาใคร่ครวญ ตรวจหาเหตุผล และตรวจสอบข้อยิ่งหย่อนในสิ่งที่ทำนั้น
มีการวางแผน วัดผล คิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง เป็นต้น


* อริยสัจ4 *
เป็นหลักคำสอนหนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยะ
หรือความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะ มีอยู่สี่ประการ คือ

1. ทุกข์
 คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่
ชาติ (การเกิด)  , ชรา (การแก่ การเก่า) , มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น)
 การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก
การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ก็คืออุปาทานขันธ์ หรือขันธ์ 5

2. สมุทัย
คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา 3 คือ
1.กามตัณหา-ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ทางกามารมณ์
2.ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยภวทิฏฐิหรือสัสสตทิฏฐิ
3.วิภวตัณหา-ความทะยานอยากในความปราศจากภพ ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ

3. นิโรธ
คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ กล่าวคือ ดับตัณหาทั้ง 3 ได้อย่างสิ้นเชิง

4. มรรค
คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์ ได้แก่ มรรคอันมีองค์ประกอบอยู่แปดประการ คือ
1. สัมมาทิฏฐิ     - ความเห็นชอบ           
2. สัมมาสังกัปปะ    -  ความดำริชอบ
3. สัมมาวาจา    - เจรจาชอบ                 
4. สัมมากัมมันตะ   -  ทำการงานชอบ
5. สัมมาอาชีวะ  - เลี้ยงชีพชอบ             
6. สัมมาวายามะ      -  พยายามชอบ
7. สัมมาสติ       - ระลึกชอบ                   
8. สัมมาสมาธิ         -  ตั้งใจชอบ
ซึ่งรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือทางสายกลาง




* มรรค8 *
คือ หนทางถึงความดับทุกข์ เป็นส่วนหนึ่งของอริยสัจ (เรียกว่า มัคคสัจจ์ หรือ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ)
และนับเป็นหลักธรรมสำคัญอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนา ประกอบด้วยหนทาง 8 ประการด้วยกัน
เรียกว่า "มรรคมีองค์แปด" หรือ "มรรคแปด" (อัฏฐังคิกมรรค) โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. สัมมาทิฏฐิ
คือ ปัญญาเห็นชอบ หมายถึงเห็นถูกตามความเป็นจริงด้วยปัญญา

2. สัมมาสังกัปปะ
 คือ ดำริชอบ หมายถึง การใช้สมองความคิดพิจารณาแต่ในทางกุศลหรือความดีงาม

3. สัมมาวาจา
คือ เจรจาชอบ หมายถึงการพูดสนทนา แต่ในสิ่งที่สร้างสรรค์ดีงาม

4. สัมมากัมมันตะ
 คือ การประพฤติดีงาม ทางกายหรือกิจกรรมทางกายทั้งปวง

5. สัมมาอาชีวะ
คือ การทำมาหากินอย่างสุจริตชน

6. สัมมาวายามะ
คือ ความอุตสาหะ พยายาม ประกอบความเพียรในการกุศลกรรม

7. สัมมาสติ
 คือ การไม่ปล่อยให้เกิดความพลั้งเผลอ จิตเลื่อนลอย ดำรงอยู่ด้วยความรู้ตัวอยู่เป็นปกติ

8. สัมมาสมาธิ
คือ การฝึกจิตให้ตั้งมั่น สงบ สงัด จากกิเลศ นิวรณ์อยู่เป็นปกติ

อริยมรรคมีองค์แปด เป็นปฏิปทาทางสายกลาง คือทางที่นำไปสู่การพ้นทุกข์ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว
ด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

* นิวรณ์5 *
แปลว่า เครื่องกั้น ใช้หมายถึงธรรมที่เป็นเครื่องปิดกั้นหรือขัดขวางไม่ให้บรรลุความดี ไม่เปิดโอกาสให้ทำความดี
และเป็นเครื่องกั้นความดีไว้ไม่ให้เข้าถึงจิต เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้ปฏิบัติบรรลุธรรมไม่ได้
หรือทำให้เลิกล้มความตั้งใจปฏิบัติไป

1. กามฉันท์
คือความพอใจ ติดใจ หลงใหลใฝ่ฝัน ในโลกียะสมบัติทั้งปวง ดุจคนหลับอยู่

2. พยาบาท
 คือความไม่พอใจ จากความไม่ได้สมดังปราถณาในโลกียะสมบัติทั้งปวง ดุจคนถูกทัณท์ทรมานอยู่

3. ถีนมิทธะ
คือความขี้เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้กำลังทั้งกายใจ ไม่ฮึกเหิม

4. อุทธัจจะกุกกุจจะ
คือความคิดซัดส่าย ตลอดเวลา ไม่สงบนิ่งอยู่ในความคิดใดๆ

5. วิจิกิจฉา
คือความไม่แน่ใจ ลังเลใจ สงสัย กังวล กล้าๆกลัว ไม่เต็มร้อย ไม่มั่นใจ
บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
PEE_PoL - รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 23
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 526

เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน จึงอย่าประมาท


« ตอบ #113 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2008, 06:56:16 PM »

ขอเเสดงความเสียใจด้วยครับ
บันทึกการเข้า


<img src="[url]http://www.kawna.com/members/images/banner-1.gif
" width=131 height=66 border=1 alt="ประกัน พ.ร.บ. ราคาพิเศษ">[/url]
Tiger wut
อาวุธประจำตัวคือ"ขวดนม"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 975
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15042


พี่ครับ พี่ครับ เสือมา


« ตอบ #114 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2008, 12:46:49 PM »

   ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ.......ไม่ค่อยได้เข้ามาในหลังแนวยิงจึงเพิ่งทราบ


  เรื่องเวียน ว่าย ตาย เกิด ลองดูอันนี้ครับ  ดีเหมือนกัน

http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=65037.0



บันทึกการเข้า

รักดีกินถั่ว   รักชั่วกินเหล้า  รักทั้งดี -ทั้งชั่ว กินถั่วแกล้มเหล้า
หน้า: 1 ... 5 6 7 [8]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.072 วินาที กับ 22 คำสั่ง