indojeen@รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 364
ออฟไลน์
กระทู้: 2702
|
|
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2008, 10:36:32 PM » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 01, 2008, 11:30:46 PM โดย indojeen »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 857
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 6569
เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2008, 11:15:40 PM » |
|
ผู้พูดด้วยวัตถุประสงค์ใดคงพอทราบกันได้...........
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
|
|
|
meethai
ชาว อวป.
Sr. Member
คะแนน 55
ออฟไลน์
กระทู้: 906
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2008, 11:21:29 PM » |
|
โถทำเป็นอ้าง ชักใจอ่อนซะแล้วนะนี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
puip
Jr. Member
คะแนน 12
ออฟไลน์
กระทู้: 32
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2008, 11:21:40 PM » |
|
ราชประชาสมาสัย ชัยอนันต์ สมุทวณิช (สยามรัฐ วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๖)
การที่ระบบการเมืองไทยขาดรัฐบาลที่มีความชอบธรรมมานานเป็นสาเหตุให้มีผู้พยายามเสนอวิธีการใหม่ๆหลายอย่างที่จะสร้างเสริมฐานะของรัฐบาล ให้รับผิดชอบต่อปวงชนโดยสมบูรณ์ เช่น การเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรงเป็นต้น ความระส่ำระสายในวงการเมือง ความไม่มั่นคงของพรรคการเมือง ความไม่รับผิดชอบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การแผ่อำนาจเกินขอบเขตของผู้บริหารและระบบราชการ ล้วนแต่มีส่วนทำให้ประชาชนขาดศรัทธาในการเมืองเป็นส่วนรวม อาจกล่าวได้ว่า สถาบันทางการเมืองในปัจจุบันไม่อาจทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของประชาชนที่จะเชื่อมโยงและสะท้อนถึงผลประโยชน์ของประชาชนได้
การเมืองนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงต่อชีวิตของประชาชนในชาติ แต่วงการเมืองไทยเท่าที่ผ่านมาได้ถูกจำกัดให้เป็นเวทีที่บุคคลและกลุ่มบุคคลเพียงจำนวนน้อยผลัดเปลี่ยนกันแย่งชิงอำนาจ และฉกผลประโยชน์ของประชาชนตลอดมา ประชาชนส่วนใหญ่ถูกกีดกันให้อยู่นอกวงการเมือง ๔๐ กว่าปี ที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา ประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้ง จบลงด้วยการยึดอำนาจของทหารตามอำเภอใจ ผู้แทนราษฎรที่ประชาชนฝากชีวิตไว้ทำความผิดหวังให้ผู้เลือก พรรคการเมืองเป็นแต่เพียงการรวมกลุ่มกันตามแบบพิธีการของบุคคลผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คน
ผลที่ตามมาจากสภาพการเหล่านี้ได้แก่ ความท้อแท้ สิ้นหวัง สิ้นศรัทธาในระบบการปกครองที่เรียกว่า ประชาธิปไตย ประชาชนเริ่มถามตัวเองว่าเราได้เปลี่ยนสภาพมาเป็นผู้มีศักดิ์ มีสิทธิ์ และเสรีภาพโดยสมบูรณ์จริงหรือไม่ ในขณะที่สถาบันการเมืองแบบใหม่เสื่อมลงเป็นลำดับ สถาบันดั้งเดิมที่ถูกล้มล้างอำนาจอันเด็ดขาดไปได้พยายามปรับปรุงบทบาทให้เหมาะสมกับสภาพการที่เปลี่ยนไปทีละน้อยๆ ในขณะที่ศรัทธาของประชาชนในรัฐสภา พรรคการเมือง รัฐบาล และระบบราชการลดน้อยถอยลง พลังของประชาชน ความหวังใหม่ได้มุ่งไปสู่สถาบันเก่าแก่ที่มีอยู่ในสังคมไทยมาเป็นเวลาช้านาน
สถาบันกษัตริย์กลายเป็นทางเลือกของบุคคลจำนวนมาก ประชาชนทุกระดับเริ่มเรียกร้องให้พระมหากษัตริย์มีบทบาททางการเมืองยิ่งขึ้น ในเวลาที่รัฐบาลห่างเหินประชาชน พระมหากษัตริย์กับราษฎรมีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นทุกขณะ แม้ว่าเสียงเรียกร้องจะมีมากมายที่จะให้พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจเพิ่มขึ้นก็ตาม การเข้ารับเป็นฉนวนปกป้องราษฎรจากการขยายอำนาจเกินขอบเขตของรัฐบาล ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์สามารถเป็นพลังการเมืองที่มีอิทธิพลอย่างแท้จริง มาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๐ ปีที่ผ่านมา
ตุลาคม ๒๕๑๖ เป็นจุดสุดยอดของการสั่งสมบารมีดังกล่าว และการเข้ารับภารกิจในการนำประเทศโดยตรง ด้วยการทรงเลือกและแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีด้วยพระองค์เองเป็นครั้งแรก จึงเป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญจากประชาชนโดยทั่วไป
โดยเหตุที่ประชาชนขาดศรัทธาในสถาบันทางการเมืองอื่นๆ ความหวังของประชาชนจึงมุ่งตรงมาที่สถาบันพระมหากษัตริย์แต่เพียงแห่งเดียว ด้วยความปรารถนาที่จะมอบพระราชอำนาจที่มีต่อระบบการเมืองมากขึ้น หลายคนมีความเห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์จะช่วยให้การเมืองไทยในอนาคตดีกว่าที่เป็นอยู่
ประชาชนจำนวนมากแสดงความเห็นมายังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญว่า รัฐธรรมนูญควรให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดตามพระราชอัธยาศัย เพราะไม่ไว้วางใจรัฐบาล และพรรคการเมือง ถ้าจะให้สภาสูงเป็นกลางทางการเมือง เป็นสภาแห่งเหตุผลและช่วยประคับประคองสภาผู้แทนราษฎรอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ควรให้พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจเด็ดขาดในการเลือกและแต่งตั้งสมาชิกแห่งสภานั้น ในทำนองเดียวกัน ก็มีผู้แสดงความห่วงใยด้วยความจงรักภักดีอย่างแท้จริงที่ว่าความคิดดังกล่าว หากนำมาปฏิบัติแล้วอาจเป็นการนำพระมหากษัตริย์ลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง เนื่องจากพระองค์ท่านทรงอยู่เหนือการเมือง
ความคิดทั้งสองประการนี้ ก่อให้เกิดแนวทางใหม่ซึ่งเป็นทางสายกลาง เราอาจเรียกวิธีการหรือระบบใหม่นี้ว่า ราชประชาสมาสัย กล่าวคือ พระมหากษัตริย์ และ ประชาชน ร่วมกันปกครองประเทศ โดยมีรากฐานแห่งความชอบธรรมจากปวงชนผ่านทางสภาผู้แทนราษฎร
ระบบใหม่นี้ใช้เฉพาะวุฒิสภา โดยคณะองคมนตรีซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมือง และเป็นผู้ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไว้วางพระราชหฤทัย จะเป็นผู้เลือกสรรบุคคลจากอาชีพต่างๆ ที่มีคุณธรรม ความสามารถจำนวนหนึ่ง และเสนอรายชื่อบุคคลเหล่านี้ให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกอีกชั้นหนึ่ง จำนวนบุคคลที่องคมนตรีเสนอไปนี้จะมีมากกว่าที่จะต้องได้รับเลือก อาจเป็น ๓ เท่า (วุฒิสภามีจำนวน ๑๐๐ คน คณะองคมนตรีจะเสนอชื่อไป ๓๐๐ ชื่อ) เมื่อสภาผู้แทนฯเลือกแล้ว ประธานสภาจะเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการในการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาต่อไป
วิธีการเช่นนี้มีผลดีหลายประการ และจะทำให้วุฒิสภามีคุณสมบัติตามที่ประชาชนต้องการ คือ
๑. วุฒิสภาจะประกอบด้วยบุคคลจากอาชีพต่างๆที่มีคุณธรรม ความสามารถ และไม่ฝักใฝ่กับพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดโดยเฉพาะ
๒. เปิดโอกาสให้บุคคลจากกลุ่มอาชีพที่เสียเปรียบในสังคมแต่เป็นชนกลุ่มใหญ่ที่มีความสำคัญ เช่น ชาวนา ได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในรัฐสภา
๓. การที่คณะองคมนตรี เสนอรายชื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเลือก เท่ากับทำให้วุฒิสภาได้รับอาณัติจากปวงชนโดยทางอ้อม และก่อให้เกิดความชอบธรรมในการปฏิบัติงาน
๔. การที่คณะองคมนตรีซึ่งเป็นผู้แทนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นผู้เลือกวุฒิสมาชิก จะทำให้ผู้ได้รับเลือกระลึกอยู่เสมอว่า จะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และมุ่งให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมต่อประชาชนอย่างแท้จริง
ราชประชาสมาสัยเป็นทางสายกลาง เป็นแนวทางใหม่สำหรับระบบการเมืองไทย ซึ่งเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการทางการเมืองและสังคมไทย
สงสัยถ้า "ราชประชาสมาสัย" เกิดขึ้นจริง นายวีระ กับ นายทักษิณ จะอกแตกตายซะมากกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
C.J. - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 314
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 5383
ขอ...นัดเดียว
เว็บไซต์
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2008, 11:29:34 PM » |
|
การพูดครั้งนี้... เป็นการแอบอ้างสถาบัน .. อย่างแนบเนียน...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
indojeen@รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 364
ออฟไลน์
กระทู้: 2702
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2008, 11:35:38 PM » |
|
ราชประชาสมาสัย ชัยอนันต์ สมุทวณิช (สยามรัฐ วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๖)
การที่ระบบการเมืองไทยขาดรัฐบาลที่มีความชอบธรรมมานานเป็นสาเหตุให้มีผู้พยายามเสนอวิธีการใหม่ๆหลายอย่างที่จะสร้างเสริมฐานะของรัฐบาล ให้รับผิดชอบต่อปวงชนโดยสมบูรณ์ เช่น การเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรงเป็นต้น ความระส่ำระสายในวงการเมือง ความไม่มั่นคงของพรรคการเมือง ความไม่รับผิดชอบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การแผ่อำนาจเกินขอบเขตของผู้บริหารและระบบราชการ ล้วนแต่มีส่วนทำให้ประชาชนขาดศรัทธาในการเมืองเป็นส่วนรวม อาจกล่าวได้ว่า สถาบันทางการเมืองในปัจจุบันไม่อาจทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของประชาชนที่จะเชื่อมโยงและสะท้อนถึงผลประโยชน์ของประชาชนได้
การเมืองนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงต่อชีวิตของประชาชนในชาติ แต่วงการเมืองไทยเท่าที่ผ่านมาได้ถูกจำกัดให้เป็นเวทีที่บุคคลและกลุ่มบุคคลเพียงจำนวนน้อยผลัดเปลี่ยนกันแย่งชิงอำนาจ และฉกผลประโยชน์ของประชาชนตลอดมา ประชาชนส่วนใหญ่ถูกกีดกันให้อยู่นอกวงการเมือง ๔๐ กว่าปี ที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา ประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้ง จบลงด้วยการยึดอำนาจของทหารตามอำเภอใจ ผู้แทนราษฎรที่ประชาชนฝากชีวิตไว้ทำความผิดหวังให้ผู้เลือก พรรคการเมืองเป็นแต่เพียงการรวมกลุ่มกันตามแบบพิธีการของบุคคลผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คน
ผลที่ตามมาจากสภาพการเหล่านี้ได้แก่ ความท้อแท้ สิ้นหวัง สิ้นศรัทธาในระบบการปกครองที่เรียกว่า ประชาธิปไตย ประชาชนเริ่มถามตัวเองว่าเราได้เปลี่ยนสภาพมาเป็นผู้มีศักดิ์ มีสิทธิ์ และเสรีภาพโดยสมบูรณ์จริงหรือไม่ ในขณะที่สถาบันการเมืองแบบใหม่เสื่อมลงเป็นลำดับ สถาบันดั้งเดิมที่ถูกล้มล้างอำนาจอันเด็ดขาดไปได้พยายามปรับปรุงบทบาทให้เหมาะสมกับสภาพการที่เปลี่ยนไปทีละน้อยๆ ในขณะที่ศรัทธาของประชาชนในรัฐสภา พรรคการเมือง รัฐบาล และระบบราชการลดน้อยถอยลง พลังของประชาชน ความหวังใหม่ได้มุ่งไปสู่สถาบันเก่าแก่ที่มีอยู่ในสังคมไทยมาเป็นเวลาช้านาน
สถาบันกษัตริย์กลายเป็นทางเลือกของบุคคลจำนวนมาก ประชาชนทุกระดับเริ่มเรียกร้องให้พระมหากษัตริย์มีบทบาททางการเมืองยิ่งขึ้น ในเวลาที่รัฐบาลห่างเหินประชาชน พระมหากษัตริย์กับราษฎรมีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นทุกขณะ แม้ว่าเสียงเรียกร้องจะมีมากมายที่จะให้พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจเพิ่มขึ้นก็ตาม การเข้ารับเป็นฉนวนปกป้องราษฎรจากการขยายอำนาจเกินขอบเขตของรัฐบาล ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์สามารถเป็นพลังการเมืองที่มีอิทธิพลอย่างแท้จริง มาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๐ ปีที่ผ่านมา
ตุลาคม ๒๕๑๖ เป็นจุดสุดยอดของการสั่งสมบารมีดังกล่าว และการเข้ารับภารกิจในการนำประเทศโดยตรง ด้วยการทรงเลือกและแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีด้วยพระองค์เองเป็นครั้งแรก จึงเป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญจากประชาชนโดยทั่วไป
โดยเหตุที่ประชาชนขาดศรัทธาในสถาบันทางการเมืองอื่นๆ ความหวังของประชาชนจึงมุ่งตรงมาที่สถาบันพระมหากษัตริย์แต่เพียงแห่งเดียว ด้วยความปรารถนาที่จะมอบพระราชอำนาจที่มีต่อระบบการเมืองมากขึ้น หลายคนมีความเห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์จะช่วยให้การเมืองไทยในอนาคตดีกว่าที่เป็นอยู่
ประชาชนจำนวนมากแสดงความเห็นมายังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญว่า รัฐธรรมนูญควรให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดตามพระราชอัธยาศัย เพราะไม่ไว้วางใจรัฐบาล และพรรคการเมือง ถ้าจะให้สภาสูงเป็นกลางทางการเมือง เป็นสภาแห่งเหตุผลและช่วยประคับประคองสภาผู้แทนราษฎรอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ควรให้พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจเด็ดขาดในการเลือกและแต่งตั้งสมาชิกแห่งสภานั้น ในทำนองเดียวกัน ก็มีผู้แสดงความห่วงใยด้วยความจงรักภักดีอย่างแท้จริงที่ว่าความคิดดังกล่าว หากนำมาปฏิบัติแล้วอาจเป็นการนำพระมหากษัตริย์ลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง เนื่องจากพระองค์ท่านทรงอยู่เหนือการเมือง
ความคิดทั้งสองประการนี้ ก่อให้เกิดแนวทางใหม่ซึ่งเป็นทางสายกลาง เราอาจเรียกวิธีการหรือระบบใหม่นี้ว่า ราชประชาสมาสัย กล่าวคือ พระมหากษัตริย์ และ ประชาชน ร่วมกันปกครองประเทศ โดยมีรากฐานแห่งความชอบธรรมจากปวงชนผ่านทางสภาผู้แทนราษฎร
ระบบใหม่นี้ใช้เฉพาะวุฒิสภา โดยคณะองคมนตรีซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมือง และเป็นผู้ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไว้วางพระราชหฤทัย จะเป็นผู้เลือกสรรบุคคลจากอาชีพต่างๆ ที่มีคุณธรรม ความสามารถจำนวนหนึ่ง และเสนอรายชื่อบุคคลเหล่านี้ให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกอีกชั้นหนึ่ง จำนวนบุคคลที่องคมนตรีเสนอไปนี้จะมีมากกว่าที่จะต้องได้รับเลือก อาจเป็น ๓ เท่า (วุฒิสภามีจำนวน ๑๐๐ คน คณะองคมนตรีจะเสนอชื่อไป ๓๐๐ ชื่อ) เมื่อสภาผู้แทนฯเลือกแล้ว ประธานสภาจะเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการในการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาต่อไป
วิธีการเช่นนี้มีผลดีหลายประการ และจะทำให้วุฒิสภามีคุณสมบัติตามที่ประชาชนต้องการ คือ
๑. วุฒิสภาจะประกอบด้วยบุคคลจากอาชีพต่างๆที่มีคุณธรรม ความสามารถ และไม่ฝักใฝ่กับพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดโดยเฉพาะ
๒. เปิดโอกาสให้บุคคลจากกลุ่มอาชีพที่เสียเปรียบในสังคมแต่เป็นชนกลุ่มใหญ่ที่มีความสำคัญ เช่น ชาวนา ได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในรัฐสภา
๓. การที่คณะองคมนตรี เสนอรายชื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเลือก เท่ากับทำให้วุฒิสภาได้รับอาณัติจากปวงชนโดยทางอ้อม และก่อให้เกิดความชอบธรรมในการปฏิบัติงาน
๔. การที่คณะองคมนตรีซึ่งเป็นผู้แทนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นผู้เลือกวุฒิสมาชิก จะทำให้ผู้ได้รับเลือกระลึกอยู่เสมอว่า จะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และมุ่งให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมต่อประชาชนอย่างแท้จริง
ราชประชาสมาสัยเป็นทางสายกลาง เป็นแนวทางใหม่สำหรับระบบการเมืองไทย ซึ่งเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการทางการเมืองและสังคมไทย
สงสัยถ้า "ราชประชาสมาสัย" เกิดขึ้นจริง นายวีระ กับ นายทักษิณ จะอกแตกตายซะมากกว่า
นี่แหละครับของจริง สมาชิกผ่านไปมา โปรดแจกจ่าย และส่ง mail ต่อ ๆ กันไปด้วย ผมละเอือมละอากับพฤติกรรมที่เหิมเกริมนี้จริง ๆ หลายครั้ง หลายคราแล้ว คงไม่ต้องหวังพึ่งสีเขียวสีกากีแล้วครับ เหนื่อยใจจริง ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
C.J. - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 314
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 5383
ขอ...นัดเดียว
เว็บไซต์
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2008, 12:19:42 AM » |
|
ข่าว นปช. จะยื่น ฏีกา นาย สมัคร..
นช. ทักษิณ.. ก็คงเช่นกัน...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
puip
Jr. Member
คะแนน 12
ออฟไลน์
กระทู้: 32
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2008, 12:45:23 AM » |
|
ยื่นฏีกาเพื่อนายทักษิณไม่ได้ครับ เพราะยังไม่ได้ร้บโทษ (ถูกจองจำ) ยังถือว่าหนีคดีอยู่ไม่เข้าระเบียบในการขอพระราชทานอภัยโทษแต่อย่างใดครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บาร์ท รักในหลวง
หิวดินปืน
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 249
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 6306
Mountain Man
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2008, 07:04:42 AM » |
|
อยากให้นายเหลี่ยมกลับไทยเร็วๆครับ แต่ถ้ากลับแล้ว ติดคุกตลอดชีวิต ไม่มีข้อยกเว้นนะ แล้วก็ดึงเบื้องสูงมาเกี่ยวข้องจนได้ ไอ้เลว
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 02, 2008, 01:51:05 PM โดย บาร์ท »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
น้าพงษ์...รักในหลวง
1911ต้อง.โค้ลท์.ที่เหลือคือก๊อปปี้.ลอกพี่.มะขิ่นครับ
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 508
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9922
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2008, 07:22:23 AM » |
|
..ดิ้นรน.สุดชีวิต.... ......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
...ประเทศไทย.ไม่ใช่ที่สำหรับใครที่จะมา.ฝึกงาน...
|
|
|
Thanapong รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 365
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 6828
ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่ากับผืนดินไทย ของคนไทย
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2008, 07:39:44 AM » |
|
เขาเรียกว่าใช้คำพูดไม่เป็นครับ ไม่รู้ความหมายของคำ ๆ นี้ แล้วเอามาพูด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sticker
Hero Member
คะแนน 90
ออฟไลน์
กระทู้: 2160
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2008, 08:37:02 AM » |
|
ดึงสถาบันเบื้องสูง ให้เข้ามาเกี่ยวข้องจนได้ .
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 02, 2008, 08:38:34 AM โดย Dr.Click »
|
บันทึกการเข้า
|
ความจำสั้น แต่รักฉันยาว ...
|
|
|
coffee cup
Newbie
คะแนน 0
ออฟไลน์
กระทู้: 1
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2008, 09:08:43 AM » |
|
มันกล้ามาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Choro - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 214
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3853
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2008, 11:03:37 AM » |
|
ทำแบบนี้ คนยิ่งเกลียดมันเพิ่มขึ้นอีกเยอะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สุดท้ายชีวิตไม่ขอรวย ขอแค่ไม่ป่วยก็พอแล้ว
|
|
|
๏แก้วเดียวจุก๏รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 381
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 2086
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2008, 11:04:25 AM » |
|
การพูดครั้งนี้... เป็นการแอบอ้างสถาบัน .. อย่างแนบเนียน...
เห็นด้วยครับ มันพูดให้คิดได้สองด้านเสมอ ชั่วไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เมื่อไหร่มันจะตายๆกันไปซะให้หมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สิ้นสุดด้วยความเจ็บปวด ดีกว่าเจ็บปวดไม่สิ้นสุด
|
|
|
|