"ขอบคุณมากครับ คิดถึง แต่ผมยังไปไม่ได้ เพราะเขาสั่งให้จำคุก 2 ปี แต่ผมไม่ไป อายุความ 10 ปี แสดงว่าเขาต้องการเอาผมไว้เมืองนอก 10 ปี"
ทักษิณ ชินวัตร กล้าหาญชาญชัยที่จะทำลายกระบวนการยุติธรรมของไทยถึงขนาดระบุว่า "เขาสั่งให้จำคุก 2 ปี" เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าตุลาการไทยนั้น สั่งได้ นั่นเอง
"ไม่ใช่ เขาใช้กระบวนการยุติความเป็นธรรม พี่น้องคิดว่าอดีตนายกฯ คนหนึ่งที่เคยเป็นที่ยอมรับ ชนะการเลือกตั้งถล่มทลายถึง 2 สมัย
ครั้งล่าสุดได้ 377 จาก 500 เป็นประวัติศาสตร์ แต่กลับโดนลอบฆ่าโดนปฏิวัติ แต่การปฏิวัติปกติ เขาทำกันตอนรัฐบาลไม่ดี แต่นี่รัฐบาลยังมีความนิยมมาก มันฝืนความรู้สึกประชาชนส่วนใหญ่ มันถึงได้ยุ่งอย่างทุกวันนี้ เพราะปฏิวัติตอนที่ประชาชนยังชื่นชมรัฐบาลอยู่"
ที่เขากล้าพูดแบบนี้ก็น่าจะเป็นเพราะเคยมีกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรุ่นแรก เคยพิพากษาให้เขาพ้นผิด กรณีปัญหาการซุกหุ้น มาแล้ว ด้วยการระบุว่า การกระทำความผิดของทักษิณในขณะนั้น ไม่ถือว่าเป็นความผิด เพราะเป็นการกระทำที่เกิดจาก "การบกพร่องโดยสุจริต"
ด้วยคำพิพากษาของตุลาการศาลรัฐนูญรุ่นแรกครั้งนั้นเอง ที่ทำให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศได้เป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยความย่ามใจ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้นแก่องค์คณะของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนั้น แต่ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็สามารถบริหารจัดการได้ จนเรื่องเงียบหายไปกับสายลม
แต่ทันทีที่ทีมทนายความของเขาในคดีที่ดินรัชดา ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งลงโทษจำคุกคนละ 6 เดือน ฐานกระทำการอันไม่สมควรในบริเวณศาลด้วยการนำถุงขนมบรรจุเงินสดสองล้านบาทไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ธุรการอาวุโสของศาลฎีกา เขาก็คงพอจะรับรู้ได้ว่า คณะผู้พิพากษาในศาลยุติธรรมนั้น ไม่สามารถเอื้อประโยชน์ในทางมิชอบที่เป็นคุณแก่ตัวเขาได้
และทันทีที่ศาลอาญาได้พิพากษาให้จำคุกภริยาของเขาโดยไม่รอลงอาญาเป็นเวลาสองปี หกเดือนในความผิดฐานทำนิติกรรมอำพรางในการโอนหุ้นให้แก่พี่ชายต่างมารดาของตัวเองเพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษีให้รัฐ
มันยิ่งทำให้ทักษิณ ชินวัตร มั่นใจว่าอำนาจ บารมีทางการเมืองและทรัพย์สินเงินทองมหาศาลที่เขามีอยู่ในขณะนี้นั้น
ไม่มีผลใดๆ ต่อการพิจารณาพิพากษาคดีขององค์คณะผู้พิพากษาในศาลยุติธรรมได้ เหมือนเข่นที่เขาเคยคาดการณ์เอาไว้ แน่นอน
ในท้ายที่สุด เขาก็ต้องตัดสินใจหอบลูกเมียหนีคำพิพากษาและหมายนัดการพิจารณาคดีของตัวเขาเองอีกหลายคดี ที่กำลังทยอยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไปตั้งรกรากอยู่ที่อังกฤษ พร้อมๆกับออกแถลงการณ์ที่เขียนด้วยลายมือของตัวเขาเอง โจมตีกระบวนการยุติธรรมของแผ่นดินเกิดว่า "ไร้มาตรฐาน"
พร้อมกับการให้ร้ายป้ายสีกระบวนการยุติธรรมของไทย ทักษิณ ชินวัตร ยังบังอาจดึงฟ้าต่ำด้วยการบอกว่า ไม่มีใครสามารถนำตัวเขากลับเมืองไทยได้ยกเว้นพระบารมีที่จะทรงเมตตา หรือด้วยพลังของมวลมหาประชาชนเท่านั้น ถึงขนาดมีการเอ่ยอ้างคำว่า "ราชประชาสมาสัย" ออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ
มันเป็นการเอ่ยอ้างดึงพระบารมีลงมาแปดเปื้อนกับคนทำผิดคิดมิชอบต่อแผ่นดิน และ พยายามขอถวายฏีกาดันดินสูงกว่าฟ้า
ทั้งนี้เพราะทักษิณรู้ดีว่า หนทางที่เขาจะกลับมามีอำนาจทางการเมืองด้วยตัวเอง หรือผ่านเครือข่ายลิ่วล้อนักการเมืองชั่วๆในเมืองไทยนั้น ค่อนข้างจะตีบตันและหาความชอบธรรมทางกฎหมายได้ยากเสียเหลือเกิน
นี่แหละคือส่วนหนึ่งของ ความจริงวันนี้ ที่ทักษิณ ชินวัตร นอกจากจะไม่บอกกล่าวแก่ชาวโลก ซ้ำยังบิดเบือนข้อเท็จจริง ให้เอื้อประโยชน์ต่อตัวเองอย่างหน้าด้านสุดๆ
คงจะมีคำนั้นเพียงคำเดียวที่เหมาะสมสำหรับคนๆนี้.......