เอ..ท่าจะจริงครับ เพราะว่าน้ำหนักบนดวงจันทร์หายไปประมาณ 6 เท่า เอ๊ะแล้วงัยต่อครับ..
ก็ช่วยคิดหน่อยครับ
ว่าแต่ว่า กระสุนจะเอาชนะแรงดึงดูดของดวงจันทร์หรือเปล่าครับ เห็นหลายท่านว่าไปเท่าความเร็วแสง (ว่าไปโน่น) ไม่งั้นก็คงเป็นลักษณะคล้ายๆ ดาวเทียมของดวงจันทร์หรือเปล่า อาจหมุนรอบๆ กลายเป็นบริวาร สงสัยต้องส่งคำถามไปยังนาซ่า น่าจะเคลียร์กว่านะขอรับ
น้ำหนักหายไป แต่มวลเท่าเดิมนะครับ
ดวงจันทร์ก็คล้ายโลก มีแรงดึงดูด แต่ไม่มีบรรยากาศ ถ้าเขวี้ยงวัตถุไป ก็ย่อมค่อย ๆ ตกลงมาที่พื้นเพราะแรงดึงดูดอยู่แล้ว แต่คงตกลงพื้นช้ากว่าโลก เพราะแรงดึงดูดน้อยกว่า และไม่มีแรงต้านอากาศ ... ดังนั้นวิถีกระสุนต้องเปลี่ยนไปแน่ (ตั้งศูนย์ปืนบนโลก จะไม่เข้าที่เดิมบนดวงจันทร์) แต่ถ้าเรื่องความแม่นยำ ผมว่าคงเดิม
การจะเขวี้ยงวัตถุให้โคจรรอบดวงจันทร์ได้นั้น ต้องให้ความเร็วแก่วัตถุนั้นมากกว่าความเร็วหลุดพ้น ... และต้องอยู่ในระยะความสูงที่เหมาะสมด้วย ... ตัวเลขรายละเอียดผมไม่ทราบ แต่หลักการส่งดาวเทียมก็ต้องเป็นอย่างนี้
ผมว่าท่าน atom_99_atom อยากยิงปืนบนดวงจันทร์นี่ยังน้อยไป น่าจะลองอยากยิงปืนในหลุมดำดูบ้าง
ปล. ขอถามท่าน atom_99_atom เป็นการเฉพาะบุคคล ... atom ในชื่อท่านมีอิเล็คตรอนกี่ตัวครับ ...
ความทุกข์เกิดจากความไม่รู้นะ
แต่บางทีรู้มากก็อาจเป็นทุกข์ก็ได้มั๊ง
เอ๊ะ.งง
ถ้ามีเวลาว่างก็อยากร่องเรือสำเภาไปตำแหน่งหลุมดำตามทฤษฎีโบราณอยู่ครับ..ว่าแต่ว่าท่าน jakrit จะไปด้วยหรือเปล่าครับ
จะได้เตรียมการกันแต่เนิ่นๆ ครับ
เรื่องการค้นพบหลุมดำ
เมื่อดาวฤกษ์ที่มีมวลมหึมาแตกดับลง มันอาจจะทิ้งสิ่งที่ดำมืดที่สุด ทว่ามีอำนาจทำลายล้างสูงสุดไว้เบื้องหลัง นักดาราศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า "หลุมดำ" (black hole) เราไม่สามารถมองเห็นหลุมดำด้วยกล้องโทรทรรศน์ใดๆ เนื่องจากหลุมดำไม่เปล่งแสงหรือรังสีใดเลย แต่นักดาราศาสตร์ก็มีวิธีอื่นในการค้นหา และจนถึงปัจจุบันได้ค้นพบหลุมดำในจักรวาลแล้วอย่างน้อย 6 แห่ง หลุมดำเป็นซากที่สิ้นสลายของดาวฤกษ์ที่ถึงอายุขัยแล้ว สสารที่เคยประกอบกันเป็นดาวนั้นได้ถูกอัดตัวด้วยแรงดึงดูดของตนเองจนเหลือเป็นเพียงมวลหนาแน่นที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่านิวเคลียสของอะตอมเดียว ซึ่งเรียกว่า เอกภาวะ (singularity)
atom_99 : จินตนาการว่าหากเราจะไปยิงปืนในหลุมดำ อาจไม่ได้กลับมาเล่าให้เพื่อนในเวปฟังได้อีกครับ
อนึ่ง ขออนุญาตตอบเป็นการเฉพาะแก่ท่าน jakrit เรื่อง atom
มีทฤษฎีที่เกี่ยวข้องดังนี้ครับ
อะตอม (กรีก: άτομον ; อังกฤษ: Atom) เป็นโครงสร้างขนาดเล็กมากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ที่พบได้ในสิ่งของทุก ๆ อย่างรอบตัวเรา
อะตอมประกอบไปด้วยอนุภาค 3 ชนิด คือ:
อิเล็กตรอน, ซึ่งมีประจุลบ;
โปรตอน ซึ่งมีประจุบวก; และ
นิวตรอน ซึ่งไม่มีประจุ
อะตอมเป็นองค์ประกอบพื้นฐานทางเคมีซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงตามปฏิกิริยาเคมี ธาตุที่พบได้ตามธรรมชาติบนโลกนี้นั้นมีปรากฏอยู่ประมาณ 90 ชนิดเท่านั้น (นอกเหนือจากนี้มี ธาตุบางชนิดเช่น เทคนิเซียม และ แคลิฟอร์เนียม ที่พบได้ในซูเปอร์โนวา และธาตุที่เลขอะตอมสูง (มากกว่า 100 ขึ้นไป) ที่สามารถสังเคราะห์ได้จาก การนำอะตอมมาชนกันด้วยความเร็วสูง)
เราเรียกอะตอม สองอะตอมว่าเป็นธาตุเดียวกันก็ต่อเมื่อ อะตอมสองอันนั้นมีจำนวนโปรตอนเท่ากัน โดยทั่วไปแล้ว ธาตุแต่ละธาตุไม่เหมือนกัน อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันอาจมีจำนวนนิวตรอนที่แตกต่างกัน เราเรียกสองอะตอมที่มีจำนวนโปรตรอนเท่ากันแต่จำนวนนิวตรอนแตกต่างกันนั้นจะเรียกว่าเป็นไอโซโทป (isotope)
นอกจากธาตุที่เกิดตามธรรมชาติแล้ว ยังมีธาตุที่ถูกสร้างขึ้น แต่ธาตุเหล่านี้มักจะไม่เสถียร และ สลายไปเป็นธาตุอื่นที่เสถียร โดยกระบวนการสลายกัมมันตรังสี ตัวอย่างเช่น Beta Decay, Double Beta Decay, Beta Capture, Gamma Decay และอื่น ๆ
ถึงแม้ว่าจะมีธาตุที่เกิดตามธรรมชาติเพียง 90 ชนิด อะตอมของธาตุเหล่านี้สามารถสร้างพันธะทางเคมี รวมกันเป็นโมเลกุล และองค์ประกอบชนิดอื่นๆ โมเลกุลเกิดจากการรวมตัวกันของอะตอมหลายอะตอม เช่น โมเลกุลของน้ำเกิดจากการรวมตัวกันของอะตอมไฮโดรเจน 2 อะตอม และ อะตอมออกซิเจน 1 อะตอม
เนื่องจากอะตอมเป็นสิ่งที่มีอยู่ไปทั่วทุกที่ จึงเป็นหัวข้อศึกษาที่ได้รับความสำคัญในหลายศตวรรษที่ผ่านมา หัวข้อวิจัยทางด้านอะตอมในปัจจุบันจะเน้นทางด้าน quantum effects เช่น ของเหลวผลควบแน่นโบส-ไอน์สไตน์
เอ้อ...อีกเยอะแยะเลยครับ
atom_99 : สรุปจริงๆ ในตัวเองน่าจะมีเป็น infinity มั๊งขอครับ
ทางที่ดีผมคิดว่า สรุปในดวงจันทร์ก่อนดีมั๊ยครับ จากนั้นค่อยไปหาข้อสรุปที่หลุมดำต่อครับ