เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 17, 2024, 11:28:33 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ราคาแก๊ส LPG ภาคขนส่ง ไม่ ขึ้นราคาแล้วครับ  (อ่าน 7717 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ART
ชีวิตคิดบวก แล้วจะ Happy
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 552
ออฟไลน์

กระทู้: 10809



« ตอบ #60 เมื่อ: มกราคม 16, 2009, 08:03:35 PM »

เพิ่มเติมครับ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มกราคม 2552 18:47 น.
 
 
 
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
 

 
 
 
  ที่ประชุม กพช.มีมติ ให้ชะลอขึ้นราคาก๊าซ “แอลพีจี-เอ็นจีวี” ไม่มีกำหนด เพราะเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย และกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน ส่วนค่าโง่นำเข้าก๊าซ “แอลพีจี” ในราคาแพง เมื่อปี 51 จำนวน 9 พันล้าน ให้นำเงินกองทุนน้ำมันฯ เอาไปทยอยจ่ายชดเชย โดยไม่กำหนดระยะเวลา
       
       การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) บ่ายวันนี้ ซึ่งมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติให้ชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซเอ็นจีวี ออกไปโดยไม่มีกำหนด ให้เหตุผลเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมเห็นชอบแผนพัฒนากำลังไฟฟ้า (พีดีพี) 15 ปี ฉบับใหม่ เลื่อนกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 6,000 เมกะวัตต์ และลดวงเงินลงทุน 460,000 ล้านบาท
       
       นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวแถลงภายหลักงการประชุม โดยระบุว่า กพช.เห็นชอบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเห็นร่วมกันว่า ในขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หากปรับราคาแล้ว ประชาชนจะได้รับผลกระทบ โดยจะชะลอไปเมื่อใดนั้น ก็แล้วแต่ช่วงเวลาที่เหมาะสม
       
       ส่วนหนี้การนำเข้าก๊าซแอลพีจีของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่นำเข้ามาในปี 2552 ประมาณ 9,000 ล้านบาทนั้น ที่ประชุมเห็นชอบให้นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปทยอยชดเชย เพื่อใช้หนี้ ซึ่งในขณะนี้เงินกองทุนมีประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่จะเริ่มใช้หนี้เมื่อใด ก็ดูในช่วงเวลาเหมาะสมเช่นกัน ซึ่งคงต้องไปเร่งฟันส่วนต่างค่าการตลาดในแต่ละเดือน เพื่อนำเงินมาโปะกองทุน แม้จะเป็นเบี้ยหัวแตก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้
       
       ทั้งนี้ รมว.พลังงาน ได้เสนอให้ที่ประชุมแยก 2 ราคาแอลพีจี แต่ที่สุด กพช.ก็เห็นชอบให้ตรึงราคาต่อไป โดยในปีนี้ กระทรวงพลังงาน ประเมินว่า ไทยจะต้องมีการนำเข้าแอลพีจีประมาณ 3,300 ตันต่อเดือน โดยให้ ปตท.รับภาระนำเข้าไปก่อน เพราะคาดว่าความต้องการใช้จะมีประมาณ 360,000 ตันต่อเดือน จากกำลังผลิตของประเทศอยู่ที่ประมาณ 335,000 ตันต่อเดือน
       
       ในขณะที่เอ็นจีวีเดิมนั้น กพช.เคยมีมติให้ปรับราคาจาก 8.50 บาท ต่อกิโลกรัม เพิ่มเป็น 12 บาทต่อกิโลกรัม ในปี 2552 ซึ่งการไม่ปรับขึ้นเอ็นจีวี ทำให้ ปตท.รับภาระเพิ่มประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี เพราะราคาต้นทุนสูงกว่าราคาจำหน่าย โดยราคาต้นทุนเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ประมาณ 12 บาทต่อกิโลกรัม และที่ผ่านมานั้น ปตท.รับภาระขาดทุนการจำหน่ายเอ็นจีวีไปแล้วรวม 8,000 ล้านบาท
       
       รมว.พลังงาน ยังกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของแผนพีดีพี เป็นการปรับปรุงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยอิงกับตัวเลขประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่คาดว่า เศรษฐกิจปี 2552-2553 จะขยายตัวประมาณร้อยละ 2 จึงคาดว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะชะลอตัวไปด้วย ดังนั้น ตามแผน 15 ปี จึงชะลอการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่รวม 6,000 เมกะวัตต์ วงเงินลงทุนรวม 460,000 ล้านบาท
       
       ทั้งนี้ โครงการที่ต้องชะลอไป ประกอบด้วย 1.เลื่อนการรับซื้อไฟฟ้าไอพีพี 1 ปี ของโรงไฟฟ้าเพาเวอร์เจเนอเรชั่นและสยามเอ็นเนอร์ยี่ รวมกำลังผลิต 3,200 เมกะวัตต์ 2.เลื่อนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย คือ โรงไฟฟ้าวังน้อย และบางปะกง กำลังผลิตรวมประมาณ 1,400 เมกะวัตต์ เลื่อนออกไป 2 ปี
       
       3.เลื่อนการรับซื้อโรงไฟฟ้าจาก ส.ป.ป.ลาวไป 2 ปี จากเดิมจะเข้าระบบในปี 2556-2557 จำนวน 5 โครงการ รวม 4,200 เมกะวัตต์ 4. ลดปริมาณก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เหลือเพียง 2,000 เมกะวัตต์ จากเดิม 4,000 เมกะวัตต์ และ 5. ปลดโรงไฟฟ้าเก่าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ที่อายุมากกว่า 30 ปี จำนวน 3-4 โรง
       
       นอกจากนี้ กพช.ยังเห็นชอบเรื่องการเกลี่ยเงินรายได้ของ 3 การไฟฟ้า เพื่อให้ค่าไฟฟ้าทั่วประเทศมีอัตราเดียวกัน โดยปี 2552 การไฟฟ้านครหลวงต้องจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมประมาณ 12,000 ล้านบาท
 
 
 
 
 
บันทึกการเข้า

Chayanin-We love the king
ฟ้าสว่างสดใสไร้มลทิน เพียงเมฆินบังเบียดเสนียดฟ้า แกว่งยางยูงปัดป้องท้องนภา ผู้แก่กล้าโปรดอย่าว่าตัวข้าเลย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2610



« ตอบ #61 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 09:13:08 AM »

ตรึงราคา   โดยท้ายสุดเอาเงินภาษีของเราไปจ่ายหรือเปล่าครับ
ถ้าเป็นอย่างนั้นก้ไม่ได้ส่งผลอะไรมากมาย
บันทึกการเข้า

ไม่อยากเป็นมะเร็ง   ก็ใช่ว่าต้องเป็นโรคหัวใจ
สุขภาพดีเป็นเรื่องไม่ยาก
สุขภาพที่ดีของประเทศไทย   อยู่ที่สภาวะปราศจากโรคร้าย
ไม่ใช่อยู่ที่ต้องเลือกระหว่าง  มะเร็ง  กับ โรคหัวใจ
Tigger21-รักในหลวง-
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 268


เกิดมาต้องทดแทน บุญคุณแผ่นดิน


« ตอบ #62 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 12:27:59 PM »

แล้วน้ำมันราคาตลาดโลกก็ลดแล้ว แล้วราคาในประเทศทำไมถึงขึ้นเอาอีก  Huh Huh Tongue
ตอนลด ลดทีละสี่สิบสคางค์  ตอนขึ้น ขึ้นทีละแปดสิบสตางค์ Cry Cry Cry
บันทึกการเข้า

ทำ และ ธรรม......ดีที่สุด
jakrit97 - รักในหลวง -
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 164
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5466


Dead boy can't shoot!


« ตอบ #63 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 02:22:15 PM »

ตรึงราคา   โดยท้ายสุดเอาเงินภาษีของเราไปจ่ายหรือเปล่าครับ
ถ้าเป็นอย่างนั้นก้ไม่ได้ส่งผลอะไรมากมาย

ฝรั่งเขามีภาษิตว่า ... " no free lunch"
บันทึกการเข้า

ART
ชีวิตคิดบวก แล้วจะ Happy
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 552
ออฟไลน์

กระทู้: 10809



« ตอบ #64 เมื่อ: มกราคม 22, 2009, 06:31:30 PM »

บทความ ราคา LPG ครับ
จาก กรุงเทพธุรกิจ


การเมือง : บทวิเคราะห์
วันที่ 21 มกราคม 2552 15:31ความจำเป็นในการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) Huhโดย : ทิวากร ณ กรุงเทพฯ


ภาพประกอบข่าว

TOOLS
  ขนาดตัวอักษร
 พิมพ์ข่าวนี้
 ส่งต่อให้เพื่อน
 share
 ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปตท.ดึงเอกชนตั้งปั๊มเอ็นจีวีลดภาระ1.5พันล้าน
ความจำเป็นในการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) Huh
ปตท.ลดราคาดีเซล60สต.-ขึ้นเบนซิน60สต.พรุ่งนี้
พลังงานเล็งซื้อไฟเอสพีพีเพิ่ม2พันเมกะวัตต์
ปตท. แจ้งแผนจัดหาเงินกู้ 5 ปี (ปี 2552-2556)
 คอลัมน์อื่นๆ
บทวิเคราะห์
บำนาญต้องรออีกนานสักเท่าไร
ตีรณ เตือนแพคเกจกระตุ้นศก.ไม่รอบคอบงบสูญเปล่า

คุณภาพชีวิต
กมธ.สภาเผย500คนในขบวนการทุจริตฝายแม้ว
ผอ.อนุรักษ์ฯเผยสร้างเยาวชนแจ้งค้าสัตว์-ตัดไม้

การศึกษา
ชัยวุฒิปูดมหาวิทยาลัยเอกชน ใช้กยศ.ล่อเด็กเข้าเรียน
ใครอยากเป็นตำรวจหญิง รีบสม้ครเร็ว

 ความพยายามปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ของกระทรวงพลังงานมีสิ่งที่น่าสงสัย

วันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ผู้ใช้ก๊าซ LPG รถเก๋ง รวมทั้งบรรดารถแท็กซี่ต้องลุ้นระทึกว่าคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) อีก 2.70 บาทต่อกิโลกรัมตามการชงตัวเลขของ รมว.พลังงานหรือไม่ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของผู้ใช้ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมทั้งยื่นจดหมายแสดงความไม่เห็นด้วยในการขึ้นราคา และเสนอให้ยกเลิกกฎหมายที่อนุญาตให้ข้าราชการกระทรวงพลังงาน สามารถไปนั่งเป็นกรรมการในธุรกิจพลังงานได้อีกต่อไป เนื่องจากเชื่อว่านโยบายพลังงานของภาครัฐในปัจจุบันถูกครอบงำโดยกลุ่มทุนพลังงานผ่านกรรมการบริษัทที่มาจากภาครัฐนี่เอง

เสียงคัดค้านที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นของ ส.ว. รสนา โตสิตระกูล ประธานกรรมาธิการศึกษากรณีทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่ค้านว่าปัญหาการขาดแคลนก๊าซ LPG ในประเทศครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีเกิดจาก ปตท.นั่นเอง ผมได้นำข้อมูลจากข่าวของท่าน ส.ว.รสนา มาเทียบกับข้อมูลของกระทรวงพลังงาน และข้อมูลของ ปตท.พบประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

1. ไทยผลิตก๊าซ LPG ได้เองในประเทศ และมีการส่งขายต่างประเทศมายาวนานนับ 10 ปี รวมถึงปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ขาดแคลน ผู้ผลิตก็ยังส่งออกก๊าซ LPG ไปขายต่างประเทศถึง 2 หมื่นตัน

2. ก๊าซ LPG กว่าครึ่งผลิตจากโรงแยกก๊าซของ ปตท. LPG ส่วนที่เหลือมาจากผลิตภัณฑ์ของโรงกลั่นน้ำมัน

3. วัตถุดิบในการผลิตก๊าซ LPG ของโรงแยกก๊าซ ปตท. คือ ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีก๊าซธรรมชาติขึ้นมาจากอ่าวไทยวันละประมาณ 2,400 ล้านลูกบาศก์ฟุต (ซึ่งเป็นปริมาณที่เยอะมาก)

4. ปัจจุบันโรงแยกก๊าซของ ปตท. รองรับก๊าซได้เพียงวันละประมาณ 1,700 ล้านลูกบาศก์ฟุตเท่านั้น เพราะเต็มกำลังผลิตแล้ว จึงไม่สามารถรับก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ทั้งหมดได้

ข้อเท็จจริงนี้สรุปได้ว่า การขาดแคลนก๊าซ LPG ของไทย เกิดจากปัญหาที่ ปตท.สร้างโรงแยกก๊าซไม่เพียงพอ ทำให้ไทยต้องสูญเสียก๊าซธรรมชาติที่มีคุณค่าวันละกว่า 600-700 ล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งหากนำก๊าซธรรมชาติทั้งหมดมาผ่านโรงแยกก๊าซได้ ไทยคงมีก๊าซใช้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ปัญหานี้ทำให้ไทยต้องเสียเงินตราต่างประเทศในการนำเข้าก๊าซ LPG ส่วนที่ขาดอยู่ประมาณ 10% ของปริมาณการใช้ในปี 2551 ซึ่ง ความพยายามปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ครั้งนี้ของกระทรวงพลังงานมีสิ่งที่น่าสงสัยดังนี้

ข้อแรก การขึ้นราคาครั้งนี้สวนกระแสกับราคาก๊าซในตลาดโลกที่ร่วงลงมา 60% จากกลางปีที่ผ่านมา (ตารางที่ 1)

ข้อสอง LPG ที่ขาดแคลนในปีที่แล้วก็เพียง 10% ของปริมาณการใช้ ดังนั้น การขึ้นราคาราวกับว่าไทยนำเข้าก๊าซ LPG จากต่างประเทศมาทั้งหมด จึงดูไม่สมเหตุผลในสายตาผู้บริโภค

ข้อสาม การขาดแคลนนี้มีสาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการของภาคเอกชน ดังนั้น การลงโทษประชาชน 60 ล้านคน ด้วยการขึ้นราคา LPG อีก 2.70 บาท ทำให้ราคาที่ประชาชนต้องจ่ายสูงถึง 20.83 ต่อกิโลกรัม เป็นสิ่งที่เป็นธรรมหรือไม่

ข้อสี่ ขณะนี้ ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกช่วงนี้อยู่ที่ 380 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 13 บาทกว่าต่อกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งราคานี้ได้รวมเอากำไรของผู้ผลิตเข้าไปแล้ว ดังนั้น ใครเป็นผู้รับผลประโยชน์จากส่วนต่างระหว่างราคาที่รัฐกำหนดกับราคาตลาดโลกอีก 7.50 บาทต่อกิโลกรัม รวมเป็นเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี คงต้องมีคำตอบที่ชัดเจนต่อสังคม (ตารางที่ 2)

และข้อสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด ก็คือ ปตท.มีต้นทุนคือก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยที่รับซื้อมาในราคาต่ำกว่าตลาดโลกมาก (ราคาเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติของไทยตั้งแต่ปี 2542) ซึ่งอาจเกิดจากรัฐบาลในอดีตได้ให้สัมปทานราคาถูกต่อเอกชนในการขุดเจาะและผลิตปิโตรเลียมเพื่อให้ประชาชนได้มีพลังงานใช้ในราคาที่ไม่สูงนัก ดังนั้น การตั้งธงในการกำหนดราคาพลังงานไทยที่อิงราคาตลาดโลกหรือสูงกว่าตลาดโลกทั้งที่ก๊าซส่วนใหญ่ก็ผลิตได้เองในประเทศ จึงน่ากังขาเป็นอย่างยิ่ง เพราะประชาชนเจ้าของก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมีแต่เสียกับเสีย

สุดท้ายนี้คงต้องขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่ช่วยยับยั้งการขึ้นราคา LPG ในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม การรุกฆาตของกลุ่มทุนพลังงานต่อผู้บริโภคคงดำเนินต่อไป ประเทศไทยจะอยู่รอดหรือไม่คงขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถยกเครื่องการบริหารจัดการทรัพยากรสาธารณะด้านปิโตรเลียมของไทยให้ประชาชนไทยผู้เป็นเจ้าของได้ประโยชน์กันจริงๆ จังๆ และได้ใช้พลังงานในราคาที่เป็นธรรมได้หรือไม่ วันนี้ก็คงขอส่งกำลังใจไปช่วยท่านนายกฯ กัน!!!

 

 


Tags : ก๊าซหุงต้ม • LPG • ปตท. • กระทรวงพลังงาน
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 4 [5]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.197 วินาที กับ 21 คำสั่ง