..ก่อนอื่นขอแก้ไข จากกระทู้ก่อนหน้านี้ว่า มติของคณะกรรมการมรดกโลก ที่ให้ กัมพูชาจะต้องเสนอรายงานนั่น ขอเปลี่ยนจาก
มกราคม 2552 เป็น กุมภาพันธ์ 2552 แทน ...
ต่อครับตอนที่ 3.... ในกรณีการทำ บันทึกความเข้าใจ ( TOU ) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ซึ่งรัฐบาลของทั้งสองประเทศจัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543 สมัยที่ "นายชวน หลีกภัย " ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี " ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร " ตำแหน่งในขณะนั่นเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถ้าใครจำได้ ในช่วงกรกฎาคม 2551 หลังจากที่
"นายนพดล ปัทมะ" เจียนอยู่เจียนไป มีข้อมูลจงใจปล่อยออกมาทางอินเตอร์เนต หลายเวปไซด์ กล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตถ์ ได้ทำ บันทึกความเข้าใจ ฯ ดังกล่าว ว่ามีการยอมรับและ ยกแผ่นดินให้กับกัมพูชาโดยมีข้อความเพิ่มเติมถึงการยอมรับ แผนทีที่เกิดจากการปักปันเขตแดนของฝรั่งเศส ปี 1904 แต่ที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็เงียบไปในที่สุด
หลังจากมีการทำ TOR และเริ่มมีการสำรวจ.ในปี พ.ศ. 2549 แล้วนั่น จนกระทั่งปัจจุบัน ในส่วนความคืบหน้าของการปักปันตามเอกสารดังกล่าวนั่น ตอนนี้ผมยังไม่มีข้อมูลตรงนี้ว่ามีความคืบหน้าเช่นไร? จนกระทั่งที่ผ่านมาไทยเองยังคงมีปัญหาชายแดนกับกัมพูชามาตลอด จนกระทั่งกัมพูชายื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกและมีเรื่อง มีราว หลายเรื่องตามที่ทราบกันมาในบ้านเรา
ส่วนกรณีที่
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.การต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์และอ้างว่าต้องนำกรอบการเจรจาดังกล่าวไปใช้ ในการเจรจรกับฝ่ายกัมพูชา ในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JCB ) ไทย-กัมพูชา ที่จะเกิดขึ้น และอ้างถึงแผนที่ดังกล่าวนั่น ซึ่งในเนื้อหามีความหมายเดียวกันคือ ให้ไทยยอมรับในแผนที่ของกัมพูชาดังกล่าว...คือ
..... แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญาฉบับปี ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ.1907 กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับ การบังคับใช้อนุสัญญาฉบับปี ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ.1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส.. ประเด็นมันอยู่ที่ว่า แผนที่ที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กล่าวถึงนั่น คือแผนที่ฉบับไหน ? ซึ่งหลายท่านเข้าใจว่าเป็นแผนที่ฉบับเดียวกับที่กัมพูชากล่าวอ้างตลอดมา ตั้งแต่กัมพูชาใช้เป็นข้ออ้างสู้กับไทยในดคีปราสาทพระวิหาร เมื่อขึ้นสู่ศาลโลก เมื่อปี พ.ศ. 2505 และเป็นแผนที่ฉบับเดียวกัน ที่ใช้ในกรณีขอยื่นเรื่อง ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เพื่อเป็นมรดกโลกต่อคณะกรรมการมรดกโลก และมีมติให้ขึ้นทะเบียนได้ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2551 และเป็นฉบับเดียวกัน ที่ศาลปกครองกลางมีการกล่าวอ้างถึง ในคำสั่งกำหนดมาตรการหรือ วิธีการคุ้มครองชั่วคราวฯ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ซึ่งยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ 4.6 ตร.กม. และบางทีอาจจะเกี่ยวพันย้อน รวมไปถึงพื้นที่ ทางทะเลในอ่าวไทย ซึ่งกำลังมีการกล่าวถึงแหล่งก๊าซและน้ำมันจำนวนมาก ........ ลิงค์ข้างล่างเป็นเรื่องที่เราเคยคุยกันในนี้ครับ
http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=58420.1500 กระทู้ต่อไปผมจะยกผลคำตัดสินของศาลโลกเรื่องแผนที่ฉบับดังกล่าวมาให้พิจารณา กันครับ .......