เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 15, 2024, 03:17:37 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไทยยอมใช้แผนที่ฝรั่งเศสในการปักปันเขตแดนกับกัมพูชาแล้วจริงหรือครับ?  (อ่าน 3865 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
7 x 7 # รักในหลวง #
I will never walk Alone
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 52
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 852


นิ่งดั่งภูผา ไปมาไร้ร่องรอย รุกถอยประดุจลม


« ตอบ #15 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2008, 10:07:27 AM »

ขอบคุณท่าน SA-KE มากครับที่นำความช่วยนำความรู้มาเผยแพร่ครับ  +1   เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม

อ้อ...และท่าน Army ด้วยครับ   ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 01, 2008, 10:09:00 AM โดย 7 x 7 » บันทึกการเข้า

ความรู้...คู่คุณธรรม
SA-KE
เมื่อเดินผิด ย่อมมิใช่มนุษย์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 702
ออฟไลน์

กระทู้: 3612


เรารักในหลวง


« ตอบ #16 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2008, 10:07:52 AM »

    “..ก่อนอื่นขอแก้ไข จากกระทู้ก่อนหน้านี้ว่า  มติของคณะกรรมการมรดกโลก ที่ให้ กัมพูชาจะต้องเสนอรายงานนั่น ขอเปลี่ยนจาก “มกราคม 2552 “ เป็น “ กุมภาพันธ์ 2552 “ แทน ...”

        
        ต่อครับตอนที่ 3....


         ในกรณีการทำ บันทึกความเข้าใจ ( TOU ) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ซึ่งรัฐบาลของทั้งสองประเทศจัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543 สมัยที่  "นายชวน หลีกภัย "  ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์  เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี " ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร "  ตำแหน่งในขณะนั่นเป็น  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ    ถ้าใครจำได้ ในช่วงกรกฎาคม 2551  หลังจากที่ "นายนพดล ปัทมะ"  เจียนอยู่เจียนไป   มีข้อมูลจงใจปล่อยออกมาทางอินเตอร์เนต หลายเวปไซด์  กล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตถ์ ได้ทำ บันทึกความเข้าใจ  ฯ ดังกล่าว ว่ามีการยอมรับและ ยกแผ่นดินให้กับกัมพูชาโดยมีข้อความเพิ่มเติมถึงการยอมรับ  “  แผนทีที่เกิดจากการปักปันเขตแดนของฝรั่งเศส ปี  1904 “   แต่ที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็เงียบไปในที่สุด                        

         หลังจากมีการทำ  TOR และเริ่มมีการสำรวจ.ในปี พ.ศ. 2549 แล้วนั่น  จนกระทั่งปัจจุบัน  ในส่วนความคืบหน้าของการปักปันตามเอกสารดังกล่าวนั่น  ตอนนี้ผมยังไม่มีข้อมูลตรงนี้ว่ามีความคืบหน้าเช่นไร?   จนกระทั่งที่ผ่านมาไทยเองยังคงมีปัญหาชายแดนกับกัมพูชามาตลอด  จนกระทั่งกัมพูชายื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกและมีเรื่อง มีราว หลายเรื่องตามที่ทราบกันมาในบ้านเรา

        ส่วนกรณีที่ “นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.การต่างประเทศ “  ได้ให้สัมภาษณ์และอ้างว่าต้องนำกรอบการเจรจาดังกล่าวไปใช้ ในการเจรจรกับฝ่ายกัมพูชา ในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JCB ) ไทย-กัมพูชา ที่จะเกิดขึ้น  และอ้างถึงแผนที่ดังกล่าวนั่น   ซึ่งในเนื้อหามีความหมายเดียวกันคือ ให้ไทยยอมรับในแผนที่ของกัมพูชาดังกล่าว...คือ

         “ ..... แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญาฉบับปี ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ.1907 กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับ การบังคับใช้อนุสัญญาฉบับปี ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ.1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส..”  

        ประเด็นมันอยู่ที่ว่า แผนที่ที่ “ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ “  กล่าวถึงนั่น คือแผนที่ฉบับไหน ? ซึ่งหลายท่านเข้าใจว่าเป็นแผนที่ฉบับเดียวกับที่กัมพูชากล่าวอ้างตลอดมา ตั้งแต่กัมพูชาใช้เป็นข้ออ้างสู้กับไทยในดคีปราสาทพระวิหาร เมื่อขึ้นสู่ศาลโลก เมื่อปี พ.ศ. 2505 และเป็นแผนที่ฉบับเดียวกัน ที่ใช้ในกรณีขอยื่นเรื่อง ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร  เพื่อเป็นมรดกโลกต่อคณะกรรมการมรดกโลก และมีมติให้ขึ้นทะเบียนได้ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2551  และเป็นฉบับเดียวกัน ที่ศาลปกครองกลางมีการกล่าวอ้างถึง ในคำสั่งกำหนดมาตรการหรือ วิธีการคุ้มครองชั่วคราวฯ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551  ซึ่งยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ 4.6 ตร.กม.  และบางทีอาจจะเกี่ยวพันย้อน รวมไปถึงพื้นที่ ทางทะเลในอ่าวไทย ซึ่งกำลังมีการกล่าวถึงแหล่งก๊าซและน้ำมันจำนวนมาก   ........ ลิงค์ข้างล่างเป็นเรื่องที่เราเคยคุยกันในนี้ครับ

              
                                                   http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=58420.1500


  
                                             กระทู้ต่อไปผมจะยกผลคำตัดสินของศาลโลกเรื่องแผนที่ฉบับดังกล่าวมาให้พิจารณา กันครับ    .......
บันทึกการเข้า

คนต่างกับสัตว์ที่ "ความคิด"  ,  คนต่างกับมนุษย์ที่ "ศีลธรรม"
fflluukk
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 13
ออฟไลน์

กระทู้: 122


« ตอบ #17 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2008, 10:08:01 AM »

ใจเย็นครับแต่ละท่าน ที่ผมรู้มามันมีแผนที่ที่เราทำกับฝรั่งเศสในสัญญาปี1903  กับแผนที่ที่ฝรั่งเศสเขียนเองฝ่ายเดียวในปี1907

ซึ่งเห็นว่าตอนศาลโลกตัดสินเราก็เกือบชนะเพราะแผนที่เราทำก่อนที่เค้าเขียนขึ้น  แต่ทนายเค้าเก่ง ยกข้อกฏหมายปิดปาก(เรียกแบบนี้รึเปล่า)เพราะเราไม่เคยคัดค้านแผนที่ใหม่ ทำให้เราแพ้คดี แต่ศาลโลกไม่กล้ารับรองแผนที่ของปี 1907  เพราะหากรับรองจะทำให้แผนที่ 1907 ถูกต้องกว่าของไทยเราที่ออกก่อน และเขมรคงจะฟ้องศาลโลกเอาพื้นที่ในแผนที่ไม่ต้องรอปักปันกับไทยใหม่หรอกคับ

ผมว่าที่ข่าวเขียนว่า"ใช้แผนที่อายุ 1 ศตวรรษ"  อาจจะเป็นแผนที่ 1903 ก็ได้ต้องหารายละเอียดอีกที

บันทึกการเข้า
fflluukk
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 13
ออฟไลน์

กระทู้: 122


« ตอบ #18 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2008, 10:11:30 AM »

สงสัยเราต้องเสียอะไรไปหลายอย่างละครับหากใช้ปี 1907
บันทึกการเข้า
SA-KE
เมื่อเดินผิด ย่อมมิใช่มนุษย์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 702
ออฟไลน์

กระทู้: 3612


เรารักในหลวง


« ตอบ #19 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2008, 11:42:57 AM »

           
            ขออนุญาตต่อครับ ตอนที่ 4 ....


            ถ้าท่านใดเคยอ่านคำพิพากษากรณีข้อพิพาทไทย - กัมพูชา ของศาลโลกกรณีปราสาทเขาพระวิหารคงจะจำได้ว่า  ในกรณีข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อปี  พ.ศ. 2505  นั่นกัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อศาลโลกให้พิจารณาและชี้ขาด กรณีเขาปราสาทพระวิหาร จำนวน 5 กรณี ( ย่อๆ )ดังนี้คือ

            1. พิพากษาและชี้ขาดว่าแผนที่ดังกล่าวได้ถูกจัดทำและพิมพ์เผยแพร่ในนามของคระกรรมการปักปันเขตแดนผสมที่ตั้งขึ้นโดยสนธิสัญญาลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1904 ( พ.ศ. 2547 ) 
            2. พิพากษาและชี้ขาดเส็นเขตแดนระหว่างกัมพูชาและไทยในเขตพิพาท โดยอ้างแผนที่ฉบับดังกล่าว
            3. พิพากษาและชี้ขาด ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา
            4. พิพากษาและชี้ขาดไทยต้องถอนทหารที่ส่งไปประจำออกจากปราสาทพระวิหาร
            5. พิพากษาและชี้ขาดว่าสิ่งปฎิมากรรม ฯ  ที่ถูกโยกย้าย นับแต่ ค.ศ. 1954 นั่นให้รัฐบาลไทยต้องส่งคืนทั้งหมด

            ผลจากการต่อสู้ในศาลโลกระหว่างไทยและกัมพูชา เมื่อ ปี พ.ศ. 2505  ครั้งนั่นศาลมีคำพิพากษาและชี้ขาดเพียงแค่ ข้อ  3 , 4 และข้อ 5  เท่านั่น สำหรับข้อ 1 และ ข้อ 2 ศาลโลกไม่ได้พิพากษารับรองหรือชี้ขาดแผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าถูกต้องหรือมีสถานะทางกฎหมายแต่เพียงอย่างใด  รวมทั้งไม่ได้พิพากษาชี้ขาดให้ใช้เส็นเขตแดนที่ปรากฎบนแผ่นที่ที่กัมพูชากล่าวอ้างเช่นกัน

            นั่นหมายถึง “  ..... แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญาฉบับปี ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ.1907 กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับ การบังคับใช้อนุสัญญาฉบับปี ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ.1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส..”   ยังไม่มีการรับรองความถูกต้องอย่างเป็นทางการ นอกจากการกล่าวอ้างของ กัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว

           ที่นี้ทำไม? ถึงมั่นใจว่าสิ่งที่กัมพูชากล่าวอ้างถึงแผนที่ดังกล่าวไม่เป็นความจริง    เพราะนอกจากศาลโลกไม่รับรองแล้ว แผนที่ดังกล่าวยังไม่เคยมีคณะกรรมการปักปันร่วมฯจากฝ่ายไทย ที่เข้าร่วมการทำแผนที่ดังกล่าวและประเทศไทยเราปฎิเสธแผนที่ฉบับนี้มาโดยตลอด ตั้งแต่คำให้การแก้ฟ้องในศาลโลก  ปี พ.ศ. 2505 ตามที่ กัมพูชาอ้างถึง   

           สิ่งที่จะสนับสนุนกรณีข้างต้นได้ดี คงต้องย้อนกลับไปพิจารณา คำตัดสินของศาลโลก เมื่อปี พ.ศ. 2505 ที่ไทยใช้โต้แย้งกัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าในความเป็นจริงจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการปักปันดังกล่างตามสนธิสัญญา ฯ ถึง 2 ครั้งก็ตามที  แต่ว่าฝ่ายไทยเรามิได้มีส่วนร่วมทั้งสองครั้งเช่นกัน โดยให้ฝรั่งเศสเป็นผู้จัดทำเพียงฝ่ายเดียวและหลังจากนั่นก็มิได้โต้แย้งแผนที่ดังกล่าวแต่อย่างไร ก่อนที่จะมีกรณีพิพาก  แต่คำโต้แย้งในกระบวนการพิพากษาก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งประเทศไทยยังคงแย้งและยังคงยืนยัน ตลอดมาว่า

           1. แผนที่นี้มิใช่ผลงานของคณะกรรมการผสมและย่อมจะไม่มีลักษณะผูกพันใดๆ
           2. เพราะว่าในตอนที่เกี่ยวกับพระวิหาร แผนที่นี้มีข้อผิดพลาดอย่างสำคัญซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจใน การดัดแปลงแก้ไขโดยใช้ดุลยพินิจของคณะกรรมการ ความหมายคือ เส็นเขตแดนตามที่แสดงไว้บนแผนที่ไม่ใช่เส็นสันปันน้ำอันแท้จริงที่ปรากฎในบริเวณนั่นตามสนธิสัญญา ฯ ปี ค.ศ.1904



          หมายเหตุ :  ผมว่าปัญหาของคนไทยส่วนใหญ่จากอดีตจนปัจจุบัน มีเรื่องหนึ่งที่เราแก้กันไม่ตก คือเรื่อง ระบบเอกสารข้อมูลและความต่อเนี่อง 
   
         


                                                                                                                                                                .......คงต้องต่ออีกตอนสุดท้ายครับ
บันทึกการเข้า

คนต่างกับสัตว์ที่ "ความคิด"  ,  คนต่างกับมนุษย์ที่ "ศีลธรรม"
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #20 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2008, 12:34:55 PM »

ยังมีคนเห็นดีเห็นงามกับพวกขายชาติพวกนี้อีกเยอะครับ  เศร้า
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
INFANTRY - LONG LIVE THE KING
Full Member
***

คะแนน 121
ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #21 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2008, 04:36:52 PM »

ขออนุญาตแลกเปลี่ยนข้อมูลเท่าที่ทราบครับ...

ในการประชุม ระหว่างกต.ไทย กับ กต.กัมพูชา เมื่อ ๑๐-๑๒ พย.ที่ผ่านมา ยังไม่มีการลงนามอย่างเป็นทางการครับ
เนื่องจากติดขัดใน รธน.มาตรา๑๙๐ แต่ส่วนใหญ่แล้วมีความคิดเห็นตรงกัน
โดยเฉพาะ ปัญหาเส้นเขตแดนทางบก โดยให้ย้ายพื้นที่การสำรวจมาที่บริเวณเขาพระวิหาร
และยึดถืออนุสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ปี๑๙๐๔ และสนธิสัญญาปี๑๙๐๗
ในการสำรวจเส้นเขตแดนทางบก
ไม่ได้มีการพูดถึงแผนที่ประกอบ (ถ้าไม่มีการหมกเม็ด..)

โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า คงไม่มีนักการเมืองคนไหนกล้าที่จะทำอะไรโดยพลการอีกแล้วครับ
เพราะคนไทยทั้งประเทศ จับตาดูอยู่ เฉพาะประเด็นนี้นะครับ

สำหรับประเด็นขัดแย้งในการประชุม...
กัมพูชาต้องการให้เรียก ปราสาทพระวิหาร ว่า เปรี๊ยะวิเฮีย...

ดูมัน แสบจริงๆ...

กรณีการเสนอข่าว ยอมรับแผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำ...
ในบ้านเรา ผมไม่ทราบที่มา ที่ไปครับ

แต่ในเขมร ออกข่าวอย่างนี้มานานแล้วครับ เพราะเขาได้ประโยชน์
จากการติดตาม(แปล)การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนกัมพูชา
ยังมีอีกหลายข่าว ที่เป็นข่าวในเชิงลบของฝ่ายไทย ขออนุญาตไม่กล่าวถึงครับ


ผิด ถูก อย่างไรลองพิจารณาดูครับ...

หมายเหตุ....
ผมไม่ได้อยู่ กต. แต่มีความจำเป็นต้องติดตาม แล้วก็ไม่ได้แปลข่าวเองครับ(แต่ได้อ่าน)
บันทึกการเข้า

" ขอรองบาท   ราชวงศ์   พงษ์จักรี
    จนชีวี          สูญสิ้น     ดินกลบกาย "

 " การป้องกันประเทศ  และพิทักษ์ราชบัลลังภ์
    จะต้องชนะหรือตายเท่านั้น  จะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด"
SA-KE
เมื่อเดินผิด ย่อมมิใช่มนุษย์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 702
ออฟไลน์

กระทู้: 3612


เรารักในหลวง


« ตอบ #22 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2008, 12:22:54 AM »

    เจอคนวงในคนจริงเสียงจริงแล้วครับ..  เยี่ยม  " คุณ INFANTRY " ถ้าพอมีข้อมูลเพิ่มเติมหรือพอบอกกล่าวเล่าสู้กันฟังได้ต้องรบกวนแล้วครับ  ส่วนใหญ่ผมอาศัยหาข้อมูลจากสือและเอกสารจากภายนอกเพียงอย่างเดียว  ที่ยังสนใจคือว่า ถ้ามีการเปลี่ยนมาสำรวจที่เขาพระวิหารก่อน โดยยังคงยึดถือ TOU เดิม  ผมว่าตรงนี้น่าสนใจครับ " ระหว่างสันปันน้ำ กับแผนที่ที่กัมพูชายึดถือ"   น่าติดตามว่าผลการประชุมในอนาคตจะออกมามีข้อสรุปอย่างไร?  ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูธวินิจฉัย จะเจาะจงเรื่องเฉพาะคำแถลงการ์ณเป็นหนังสือสัญญาหรือไม่ตาม มาตรา 190 วรรคสอง เท่านั่น   ส่วนศาลปกครองกลางมีมาตรการคุ้มครองการใช้ประโยชน์จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2551 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ครม. เห็นชอบร่างคำแถลงการ์ณร่วมไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกรวมทั้งแผนผังที่กัมพูชาส่งให้ไทย ผมเลยขอเข้าใจเอาเองนะครับว่า ถ้าเกิดเฉพาะแผนที่อย่างเดียว  ( ขอตีความแบบศรีธนนชัย นะครับ ) สอดไส้เพื่อผ่านรัฐสภาได้  ยังน่าคิดอยู่เลยว่า ผลจะออกมาและกระทบต่อกันอย่างไร? ( แต่จากข้อมูลที่ "คุณ Army "นำมา ถูกตีตกไปโดยฝ่ายค้านแล้ว )

      ขอถามเพิ่มเติมหน่อยครับ ความหมายระหว่าง " ปราสาทพระวิหาร กับ เปรี๊ยะวิเฮีย " จุดประสงค์ที่เขาต้องการคืออะไร?หรือครับ เพราะจริงๆแล้วเท่าทีเจอข้อมูลในเอกสารต่างๆเขาใช้คำว่า "เปรี๊ยะวิเฮีย " และผมเข้าใจเอาเองว่า ปราสาทพระวิหารเป็นคำแปลที่เรียกใช้ในบ้านเราเท่านั่นเองครับ  ..ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า

คนต่างกับสัตว์ที่ "ความคิด"  ,  คนต่างกับมนุษย์ที่ "ศีลธรรม"
Army - รักในหลวงครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 151
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2251



« ตอบ #23 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2008, 01:08:35 PM »

ขอบคุณคุณ SA-KE คุณ INFANTRY และเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านที่ช่วยกันนำเสนอข้อมูลครับ หวังว่ารัฐบาลไทยคงไม่ยอมเรียกปราสาทพระวิหารว่าเปรี๊ยะวิเฮียตามเขมรนะครับ กลัวว่าจะถูกนำไปอ้างในระดับนานาชาติในภายหลังว่าเรายอมรับว่าเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา
บันทึกการเข้า
INFANTRY - LONG LIVE THE KING
Full Member
***

คะแนน 121
ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #24 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2008, 04:51:53 PM »

ผมไม่ถึงขั้น คนวงในหรอกครับ...

แต่มันเกี่ยวข้องกับงานของผม เลยต้องติดตามครับ
ในบางเรื่อง บางประเด็น พี่ๆ เพื่อนๆ ในนี้ยังมีข้อมูลมากกว่าผมอีก

ถือว่า แลกเปลี่ยนข้อมูล แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ

ส่วนเรื่องชื่อ ตามที่คุณArmy กล่าวครับ....
บันทึกการเข้า

" ขอรองบาท   ราชวงศ์   พงษ์จักรี
    จนชีวี          สูญสิ้น     ดินกลบกาย "

 " การป้องกันประเทศ  และพิทักษ์ราชบัลลังภ์
    จะต้องชนะหรือตายเท่านั้น  จะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด"
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #25 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2008, 06:01:03 PM »

ทักษิณหมดอำนาจเมื่อไหร่  ได้กลับคืนมาแน่ครับ  Grin
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
SA-KE
เมื่อเดินผิด ย่อมมิใช่มนุษย์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 702
ออฟไลน์

กระทู้: 3612


เรารักในหลวง


« ตอบ #26 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2008, 11:48:38 PM »

 สุดท้ายแล้วครับ ..... การเมืองวันนี้คงจะดึงเวลาได้อีกโขเลย ... Cheesy Cheesy


       สำหรับกรณีคนต่างชาติ สามารถเข้ามาในประเทศไทยได้ถึง อุบลราชธานี  ,ศรีสะเกษ และสุรินทร์ นั่น  หลายท่านคงจะจำเรื่องที่มีข่าวว่า การที่กรมอุทยานฯ จะนำพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าฯ รวม 7 แห่ง จำนวนพื้นที่ 1.5 ล้านไร่ เข้าไปเสริมเพื่อให้กลายเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมมีแผนบริหารจัดการร่วม ซึ่งมันจะกินพื้นที่ไปถึงจังหวัดดังกล่าว  ถ้าเป็นพื้นที่ร่วม ลองคิดดูอะไร? จะตามมา เพราะคำว่าร่วม คงไม่ใช่ประเทศไทยเพียงประเทศเดียวแน่นอน  แต่สำหรับกรณีนี้คงจะต้องรอให้กรณีแรกเกิดก่อน  ถ้ากรณีแรกเกิดไม่ได้ กรณีที่สองก็ไม่น่าจะเกิดได้เช่นกัน

      เรื่องปราสาทพระวิหาร ยังไม่มีบทสรุปที่แน่นอนในเรื่องของแผนที่และเส็นเขตแดน  การมีมาตรการคุ้มครองชั่วคราวจากศาลปกครองกลางนั่น  บุคคลที่เกี่ยวข้องคงต้องไปยืนยันในกระบวนการยุติธรรมกันเองก่อนที่จะดำเนินการอะไร? ต่อไป อาจจะพูดได้ไม่เต็มปากนักว่ามีใคร? บางกลุ่มพยายามยกแผ่นดินให้คนอื่น  ตราบใดเท่าที่คดีนี้ยังไม่สิ้นสุดในลักษณะของสถานะการ์ณที่ยังคลุมเคลือไม่ชัดเจน  ตราบใดที่เราไม่ได้บุกไปฆ่าประชาชนประเทศอื่นและยึดครองแผ่นดินเขา ยังไงเสียผมคงต้องขอเลือกผลประโยชน์ข้างฝั่งเราและเลือกที่จะเชื่อ “นักวิชาการ “ ที่กล้าแสดงออกชัดเจนเอาไว้ก่อนดีกว่า สำหรับในสถานะการ์ณอย่างนี้

       สุดท้ายนี้หากมีสิ่งดีๆ คงต้องยกเครดิตความดีทั้งหมด ให้กับ นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญสถาบันไทยคดีศีกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  “ ม.ล. วัลย์วิภา  จรูญโรจน์ “   ท่านให้สัมภาษณ์ใน  นิตยสาร คนมีสี  รายปักษ์วิจารณ์  ปี่ที่4   ฉบับที่ 83  ปักษ์หลัง พฤศจิกายน 2551 หน้า 41- 43   ผมอ่านคำสัมภาษณ์ของท่านแล้วนำมาขยายต่อเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะมีข้อผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนจากสิ่งที่ท่านต้องการสื่อบ้าง ก็อาจเป็นได้ ซึ่งข้อผิดพลาดดังกล่าวคงไม่เกี่ยวข้องกับท่าน  หากสมาชิกท่านใดสนใจลองหาเอกสารทั้งสองฉบับข้างต้นที่กล่าวถึง อ่านเพิ่มเติมดูนะครับ   ( ถ้าเรื่องเกี่ยวกับ “ปราสาทพระวิหาร  “  4  เล่มที่มีขายในซีเอ็ด ฯ  ผมซื้อ 2 เล่ม เพื่อนำมาเปรียบเทียบเนื้อหา ยืนอ่านฟรี 1 เล่ม ไม่ได้อ่าน 1 เล่ม ผมแนะนำสำหรับท่านที่สนใจ ลองดุ “อ.บวรศักดิ์  อุวรรณโณ” ครับ นอกนั่นก็เป็นบทความต่างๆตามนิตยสารทั่วไป โดยเฉพาะบทความของ “ คุณโรม  บุนนาค “  )   

      ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ...  ไหว้
บันทึกการเข้า

คนต่างกับสัตว์ที่ "ความคิด"  ,  คนต่างกับมนุษย์ที่ "ศีลธรรม"
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.067 วินาที กับ 22 คำสั่ง