Civil Disobedience ....
?
เพราะตอนนี้ หัวใจของฝ่ายเผด็จการคือ รธน ปี 50
อำนาจบริหารของฝ่ายรัฐบาลนั้น ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเขามีองค์กรอิสระที่เขาตั้งกับมือมาครอบงำอยู่ และได้อำนาจในรธนปี 50 ที่ให้มา ทำให้เขาสามารถใช้องค์กรอิสระพวกนี้ทำลายอำนาจบริหารได้ ตุลาการภิวัฒน์ก็เช่นเดียวกัน
พวกเขาจะทำลายอำนาจบริหาร ก็แค่ให้เรืองไกรชงเรื่อง แล้วที่เหลือ ก็ทำตามอำนาจที่ได้เขียนไว้ใน รธน ปี 50 ตามที่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า
จะเห็นได้ว่า การแย่งอำนาจบริหารตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และการผลักดันให้นายกฯลาออก แล้วผลักดัน ปชป ให้กุมอำนาจบริหาร ก็ทำได้ยาก เพราะอำนาจนิติบัญญัติของฝ่ายพลังประชาชนยังอยู่
ทีนี้ อำนาจที่สามารถแก้ไขรธน ปี 50 ซึ่งจะมาทำลายอำนาจของเผด็จการที่แฝงในองค์กรอิสระทั้งมวลนั้น อยู่ในกำมือของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่พลังประชาชนกุมสส จำนวนมากอยู่
ดังนั้น จึงวิเคราะห์ได้ว่า อำนาจนิติบัญญัติที่ยังเหลืออยู่ในมือพลังประชาชนเนี่ยแหละ ที่คุกคามฝ่ายเผด็จการมากกว่าอำนาจบริหารในมือรัฐบาลเสียอีก เพราะเหมือนหมอผีที่สามารถจับ รธน ปี 50 ที่เหมือนผี มาลงหม้อลงอาคมได้
ดังนั้น เป้าหมายหลักของฝ่ายเผด็จการตอนนี้ก็คือ ทำลายอำนาจนิติบัญญัติของฝ่ายพลังประชาชนให้ได้ก่อน เพื่อจะได้ไม่คุกคามฝ่ายเผด็จการด้วยการแก้ไข รธน ปี 50 ครับ
ดังนั้น ตอนนี้ ไม่ว่าตัวละครจะให้ใครออกมาเล่น แต่เป้าหมายหลักตอนนี้ ก็คือ ทำลายอำนาจนิติบัญญัติให้ได้ก่อน ด้วยการเรียกร้องให้ยุบสภาครับ
เคยอ่านเรื่องหลักการปกครอง ที่ว่า " น้ำพยุงเรือให้ลอยได้ น้ำก็จมเรือเสียเองได้ " ความหมายคืออะไร?อย่างนั่นหรือ ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยเลือกผู้แทนราษฎรไปจัดตั้งรัฐบาล ดังนั่นรัฐบาลที่ดี จึงต้องปกครองบ้านเมืองเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เมื่อสามารถทำได้เช่นนั่นแล้ว ก็จะคงสามารถอยู่ได้ นั่นหมายถึง "
น้ำพยุงเรือ ให้ลอย"
แต่เมื่อรัฐบาลเอาแต่ผลประโยชน์ของตัวและพวกพ้องเป็นที่ตั้ง ไม่คำนึงถึงประโยชน์สุขของประชาชน ฆ่าประชาชน ทำร้ายประชาชน ก็ย่อมเป็นที่เคียดแค้นชิงชังของประชาชน ในที่สุดแล้วประชาชนจะไม่ยอมรับการปกครองและต่อต้านคัดค้าน จนในที่สุดรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ อย่างนี้เขาเรียกว่า "
น้ำจมเรือ "
รัฐบาลฆาตรกรของนายสมชาย มีปัญหาเรื่องความชอบธรรมตั้งแต่การได้มาซึ่งอำนาจคือ เป็นตัวแทนพรรคการเมืองที่ถูกยุบพรรค และมีการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งได้ถูกวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานโดยศาลรัฐธรรมนูธไว้แล้วว่าเป็นการได้มาซึ่งอำนาจโดยไม่ใช่วิถีทางแห่งรัฐธรรมนูธ จึงไม่สามารถอ้างความชอบธรรมจากการเลือกตั้งได้ ยังจะสงสัยอีกไหมครับว่า? เมื่อวันที่ 7 ต.ค .51 นั่น การสั่งสังหารประชาชนในวันนั่นก็คือ ฆาตรกรมือเปือนเลือดเลวๆนี้เอง ที่ในภายหลังปฎิเสธการหาข้อเท็จจริงในเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นและถูกสอบสวนจนกระทั่งมีผลข้อสรุปที่ชัดเจนจากคณะกรรมการฯที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ยังสงสัยเลยว่าการแถลงนโยบาย ณ วันดังกล่าวถูกต้องตามรัฐธรรมนูธจริงหรือไม่? คงไม่ได้โมเมเรื่ององค์ประชุมนะครับ
ที่สำคัญยิ่งกว่าสำคัญ คือการปล่อยให้มีการบ่อนทำลายสถาบันฯอย่างโจ๋งครึ่ม นอกจากนั่นยังเห็นได้ชัดว่ามีการสมคบ สนับสนุนร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและอันธพาลบางกลุ่มอย่างชัดเจน
รัฐบาลมือเปื้อนเลือกของนายสมชาย ควรจะหมดความชอบธรรมตั้งนานแล้วและโดยพฤตินัยไม่สมควรที่จะปกครองประเทศได้อีกแล้ว ที่ตลกมากกว่านั่นเป็นหัวหน้าพรรคนอมินีที่กลัวมือตบ ...
สุดท้ายนี้ผมยังมองไม่ออกตรงไหนเลยว่า รัฐธรรมนูธ ปี 50 ผิดตรงไหน? เผด็จการตรงไหน? หรือว่าเป็นรัฐธรรมนูธฉบับเดียวที่มีการลงมติ ...เผด็การตรงไหนหรือครับ ?
" เมื่อสิ้นความชอบธรรม ก็ควรสิ้นอำนาจ " เมื่อยังดื้อด้าน ก็สมควรแล้วครับที่จะเกิด ...
Civil Disobedience