เรียบร้อยแล้วครับ.........พาไปส่งที่อู่ตะเภา..เตรียมขึ้นเครื่องไปเมกกะ
ครับพี่ ฟลีทผมเป็นเครื่องที่รับผิดชอบการส่งและรับกลับของปีนี้
พี่ๆผู้ใหญ่ๆ ก็ประชุมหาทางทุกวิธีที่จะช่วยพี่น้องมุสลิม...
แต่การประสานงานระดับบน โยนกันไปมาระหว่าง กระทรวง ทบวง กรม
กว่าจะเข้าที่ก็ผ่านไป 3 วัน...
.
.
.
ตั้งแต่ สึนามิมาแล้ว.... มันแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ระบบการสั่งการของรัฐล้มเหลว....
กว่าจะประสานอำนวยการได้ เกิน 24 ชม ทั้งสิ้น
บ้านเรามันไม่เคยมีใครเขียน วิธีปฏิบัติในสถาณการณ์ฉุกเฉิน เพราะทุกรัฐมนตรีอยากได้หน้า..แต่ทำงานไม่เป็น... ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็จะอมภูมิ..กั๊กไว้หน่อย...ถ้ามีอะไรแถมให้..ก็จะคายออกมา...
สายการบินทุกสายการบิน..ในความเป็นจริงแล้วสามารถตัดสินใจได้ทันที..ตั้งแต่ตัวกัปตัน...จะเอาเครื่องไปไหนที่ปลอดภัย...พวกเรามีประสพการณ์กันมาพอสมควร...ในเหตุการณ์เช่นนี้..
การปิดสนามบินครั้งนี้..จะได้เป็นบทเรียนให้กับคมนาคม..ที่เคยคิดจะปิดดอนเมือง..แล้วทำเป็นรัฐสภา...หรือสนามบินแห่งชาติต้องมีสนามบินเดียว...ถึงเวลานี้คิดใหม่ได้แล้ว...
บทเรียนหนักๆที่ชาติเราผ่านมา...เป็นบทเรียนที่ทุกๆคนต้องช่วยกันหาวิธีการตั้งรับและอยู่กับมันได้
ถามว่า..วันนี้ชาติเราพินาศหรือยัง..คำตอบ..ยัง...ถ้าทุกคนในชาติช่วยกัน...
หากชาติเราถูกลอยแพจากต่างชาติ...เราอยู่ได้หรือไม่....คำตอบ..อยู่ได้..อยู่อย่างพอเพียง...น้ำในดินสินในน้ำเราไม่เคยขาดแคลน...แต่อย่าดูแคลนคนในชาติเดียวกัน....ช่วยกันเอาวัฒนธรรมไทยของเราคืนมา...กลับมาเป็นสยามเมืองยิ้ม..เมื่อนั้น..ต่างชาติจะกลับมาเยี่ยมเราใหม่....
ถึงเวลาที่พวกเราทุกๆคนจะต้องทำความสะอาดบ้านของเราได้แล้วครับ