17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 20:21:00
"อภิสิทธิ์"ยืนยันหนักแน่นในการทำหน้าที่เบื้องต้น "ยุติการเมืองที่ล้มเหลว การเมืองที่ล้มเหลวคือต้นเหตุความชัดแย้ง ส่งผลให้การแบ่งฝ่าย แบ่งภาค แบ่งสี" ประกาศใครที่คิดร้ายต่อบ้านเมืองถือเป็นศัตรูการบริหารงาน พร้อมสานต่อโครงการรักษาฟรี กองทุนชุมชน และฟังทุกเสียงของประชาชนแม้จะทำให้ทุกคนรักไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังรับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า "ผมรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ ผมสำนึกเสมอว่า ผมเกิดมาเป็นข้าแผ่นดินต้องสนองคุณแผ่นดิน สำนึกตลอดว่า แผ่นดินร่วมเย็นตลอดมาเพราะพระบารมี ขอยืนยันตรงนี้ในฐานะนายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลที่ผมเป็นผู้นำจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวขอบคุณเพื่อนสมาชิกในสภา พี่น้องประชาชนที่ให้กำลังใจ ซึ่งทำให้ได้มายืนตรงนี้ได้ รวมทั้ง ทราบดีถึงสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ หรือเรียกว่าเป็นสถานการณ์วิกฤติ แต่เมื่อเป็นนักการเมืองในวิถีทางประชาธิปไตย เมื่ออาสาสมัครมาทำงานแล้ว จะไม่หนีปัญหา หรือปฏิเสธความรับผิดชอบ เมื่อเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนตนมาตามวิถีทางประชาธิปไตยและตามกระบวนการรัฐสภา
"หน้าที่เบื้องต้นคือการยุติการเมืองที่ล้มเหลว การเมืองที่ล้มเหลวคือต้นเหตุความชัดแย้ง ส่งผลให้การแบ่งฝ่าย แบ่งภาค แบ่งสี เกิดขึ้น การขจัดการเมืองที่ล้มเหลวคือการนำความสมัครสมานสามัคคีคืนมา อาศัยความยุติธรรม เป็นรัฐบาลภายใต้การนำนิติธรรม นิติรัฐ บังคับใช้กฎหมายเสมอภาพ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันทำงานให้คนไทยทุกคน ไม่ว่าเลือก หรือไม่เลือกตน ไม่ว่าสนับสนุนหรือไม่ หากท่านไม่คิดร้ายต่อบ้านเมือง ก็ไม่ถือเป็นศัตรู งานใดเป็นประโยชน์แม้เป็นของรัฐบาลก่อน ก็จะไม่ทิ้ง สานต่อ ไม่ว่าโครงการรักษาฟรี กองทุนในชุมชนต่างๆ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เขากล่าวอีกว่า ทราบดีว่า ปัญหาเร่งด่วนในใจประชาชนคือปัญหาเศรษฐกิจ การฟื้นฟูเศรษฐกิจจึงเป็นงานสำคัญ ตั้งใจดูแลเกษตรกรเต็มที่ ไม่ให้รับผลกระทบจากราคาพืชผลตกต่ำ ส่วนประชาชนนอกภาคเกษตรจะมีงานทำรายได้และโอกาส จะทำทุกวิถีทางเพื่อลดภาระค่าครองชีพ ตามแนวทางวาระประชาชน ทันทีที่แถลงนโยบายต่อสภา จะนำเสนอแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกสาขา
แม้ว่า บ้านเมืองจะมีวิกฤติอย่างไร เราจำเป็นต้องแก้ปัญหาระยะยาวด้วย ไม่ปล่อยให้ปัญหาหมักหมมหรือตกค้าง โดยเฉพาะงานศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนค้มค่าสุดของประเทศ รวมถึงโครงการพื้นฐานต่างๆ เช่น พัฒนาแหล่งน้ำ ถนน การคมนาคม การสื่อสาร อินเทอร์เน็ต พลังงานทดแทน ไม่เพียงแต่อยากให้เราฝ่าวิกฤติ หรือแข่งขันกับประเทศอื่น แต่อยากเห็นประเทศไทยเป็นต้นแบบพัฒนาตามประชาธิปไตยที่มีคุณภาพยั่งยืน
นอกจากนี้ ในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน อยากให้เพื่อนอาเซียนมั่นใจการนำของเรา ในฐานะประธานการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะมีเร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะนักการเมืองอาชีพ ผมได้รับโอกาสสูงสุด จากประชาชนตามวิถีทางประชาธิปไตยอยู่ในการเมืองมา 16 ปี เป็นผู้แทน 7 สมัย เคยเป็นรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ปัจจุบันตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมือง ความรู้ประสบการณ์ทั้งหมดจะนำมาใช้บนพื้นฐานความซื่อสัตย์เพื่อส่วนร่วม ยืนยันจะไม่ละทิ้งอุดมกรณ์การทำงาน และปล่อยสิ่งเหล่านั้นให้สูญหายกับการใช้อำนาจ หลือปล่อยสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นในบ้านเมือง
"ผมไม่ลืมพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ลืมว่าความใฝ่ฝันของพี่น้อง คือความสันติสุข ความสงบสุขที่รอคอยคือความสุขของท่าน ผมไม่ลืมพี่น้องชาวเหนือเมื่อครั้งที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนหลายคครั้งในยามทุกข์ ยามสุข ที่ประสบภัยพิบัติหลายครั้ง และยังจำได้ว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งตามรถแห่หาเสียงตะโกนบอกว่า อยากฝากบ้านเมืองให้ผมดูแล
พี่น้องชาวอีสาน ผมได้ทราบทุกข์สุขของท่าน ไม่ลืมวันปั้นข้าวเหนียวที่ไร่มันสัมปะหลัง และอดที่จะเอ่ยถึงไม่ได้ คือคุณนายเนียน ที่ อ.ม่วง จ.อุบลราชธานี ที่ได้มอบแหวนวงนี้ (ชูแหวน) ให้ผม และได้หมั้นผมกับคนอีสานไว้แล้ว วันนี้ผมได้ทำงานเป็นเขยให้คนอีสานของท่าน และจะทำงานร่วมกับท่านด้วยความซื่อสัตย์
ผมว่าคนหนึ่งคน ไม่สามารถแก้ไขทำให้คนรักผม เห็นด้วยหรือสนับสนุนผมได้ทุกคน แต่ยืนยันว่าผมจะฟังเสียงทุกคน ทำงานให้ทุกคน ทำงานของผมพิสูจน์ความตั้งใจทำงานให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนน และพิสูจน์ทุกอย่าง
แม้ว่า ผมจะใช้ชีวิตในต่างแดน แต่ไม่เคยรู้สึกว่าจะมีที่ไหนน่าอยู่เท่ากับประเทศไทย ผมเชื่อมั่นในประเทศไทย เชื่อว่าไม่ว่าเจออุปสรรคปัญหา เชื่อว่าคนไทย พลังของพวกเราจะทำให้ประเทศเราผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ และฝ่าวิกฤติเพื่ออนาคตของลูกหลานคนไทยทุกคน ซึ่งเราทำได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าวในที่สุด
ทีมา
http://www.suthichaiyoon.com/WS01_A001_news.php?newsid=7157 ดีครับประเทศไทยร่วมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เลิกแบ่งสี แบ่งภาคกันสักที