ให้โอกาสก่อนจะรอดู ถ้าประชาชนยากจนลำบาก คนตกงาน ของแพง ผลผลิตทางการเกษตรเช่นข้าว ยางพารา ตกต่ำ เชื่อว่าอยู่ไม่ได้ อีกไม่นานคงได้เห็นกัน อย่าลืมว่าประเทศเราถูกปลดหนี้แล้ว นายกฯอภิสิทธิ์ฯอย่าพาไปติดหนี้อีก
ปลายรัฐบาลทักษิณและต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน ได้ส่งเสริมให้มีการตั้งกองทุนและนำเงินจากกองทุนต่าง ๆ ไปซื้อตราสารหนี้ในสหรัฐ ส่งผลให้ธนาคาร สถาบันการเงิน และกองทุนต่าง ๆ ติดบ่วงดังกล่าว และเริ่มปรากฏผลขาดทุนเบื้องต้นแล้ว เช่น ธนาคารกรุงเทพ ขาดทุนเฉพาะจากการลงทุนในบริษัทเลย์แมนบราเดอร์สถึง 3,800 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 2,800 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ไม่แจ้งยอดจำนวน แต่มีการคาดหมายว่าอาจจะถึง 3,000 ล้านบาท กองทุนประกันสังคมขาดทุน 60 ล้านบาท เป็นต้น ทำให้ต้องตั้งสำรองและเกิดความเสียหาย ในขณะที่บริษัทประกันกำลังขาดสภาพคล่อง ใกล้ปิดกิจการ 3 บริษัท ที่เหลือนอกจากวิริยะประกันภัยกำลังร่อแร่ และกำลังถูกถอนกรมธรรม์อย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่มีมาตรการใด ๆ ที่น่าเชื่อถือในการรับมือแก้ไข มีแต่การปลอบใจว่าไม่มีผลกระทบเท่านั้น ดังนั้นธนาคาร สถาบันการเงิน และกองทุนต่าง ๆ น่าจะได้รับอันตรายจากผลกระทบนี้อย่างรุนแรง และอาจจะหนักกว่าเมื่อปี 2540 แต่ในภาคประชาชนที่มีเงินฝากกับธนาคารและสถาบันการเงิน แม้ได้รับผลกระทบบ้างแต่คงไม่เสียหาย เพราะปี 2508 เป็นปีแรกที่กฎหมายประกันเงินฝากบังคับใช้ ยังมีผลคุ้มครองเงินฝาก 100% และจะค่อย ๆ ลดลง ทว่าผลเสียหายที่แท้จริงของคนมีเงินฝากคืออัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ยุคนี้จึงเป็นยุคที่คนมีเงินฝากก็ต้องขาดทุนอย่างย่อยยับ
เพราะเหตุที่ประชาชนไทยถูกส่งเสริมให้ก่อหนี้ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย หนี้สินต่อภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นจนมีจำนวนเกือบ 200,000 บาทต่อครัวเรือน โดยสินทรัพย์หลักคือที่ดินซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตถูกใช้เป็นหลักประกัน ดังนั้นจึงถูกฟ้องร้องเรียกหนี้สินหรือถูกใช้มาตรการพักหนี้เพื่อหาเสียง แต่แม้ว่านโยบายประชานิยมที่สร้างหนี้เพิ่มจะถูกกำหนดแล้วก็อาจหาเงินไปใช้ไม่พอหรือปล่อยกู้ได้ไม่เต็มที่เพราะหนี้เต็มวงเงินก็ได้ แต่ยิ่งก่อหนี้มากก็ยิ่งเดินตามรอยชาวอเมริกันที่สิ้นเนื้อประดาตัวไปถึงอนาคตด้วย
ประเมินสถานการณ์ว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะลดลงเหลือไม่เกิน 3.5% ในปีหน้า รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณมากขึ้น ขาดดุลการค้ามากขึ้น (จากการซื้อสิ่งของและสินค้าในโครงการเมกกะโปรเจ็กต์) ขาดดุลเงินสดมากขึ้น
ตลาดหุ้นอาจจะลดจากเกือบ 600 ในขณะนี้ ไปอยู่ที่ระดับ 280 ในไตรมาสแรกของปีหน้า ราคาทองคำจะสูงขึ้น ราคาพลังงานจะทรงอยู่เพราะกำลังซื้อทั้งโลกลดลง
หนี้เสียจะเกิดขึ้นทั่วทั้งระบบ ธนาคารและสถาบันการเงินของรัฐจะขาดสภาพคล่องและทุนหมุนเวียน ต้องเพิ่มทุน ในขณะที่ของภาคเอกชนอาจถูกปิดหรือควบคุมกิจการหรืออาจขายให้แก่ต่างชาติในราคาถูก
สินทรัพย์เสี่ยงหรือสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระบบธนาคารและสถาบันการเงินจะถูกขายออกในราคาถูก ๆ และเพิ่มความเสียหายให้แก่ระบบ
ภาคการก่อสร้างจะหยุดชะงัก ทำให้สินทรัพย์กลายเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และทำให้ผู้ลงทุนล้มละลาย
ภาคอุตสาหกรรมจะปิดตัวโดยทั่วไป คนจะว่างงานเพิ่มมากขึ้น
โจรผู้ร้ายจะชุกชุม