ความรู้เรื่องรถถัง-ยานเกราะ จรวด อาวุธทางบกครับ

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

กำหนดการส่งมอบและหน่วยที่ไปประจำการ
http://www.komchadluek.net/detail/20140213/178854.html

 

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

กองทัพบกสหรัฐ กับ การพัฒนาขีดความสามารถของ ระบบจรวด GMLRS และ ATACMS

     ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธนำวิถีของ กองทัพบกสหรัฐ กำลังทำการสำรวจขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเพื่อค้นหาผู้ ที่มีขีดความสามารถในการผลิตอุปกรณ์นำวิถีแบบ Proximity sensor ที่เหมาะสมทั้งในด้านราคา และคุณภาพ สำหรับระบบจรวดหลายลำกล้อง และจรวดทางยุทธวิธีของกองทัพบก เพื่อให้มีระบบดังกล่าวมีความแม่นยำยิ่งขึ้น

หน่วยวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารของกองทัพบกสหรัฐ (AMRDEC: Army Research Development and Engineering Command) มีความสนใจอย่างยิ่งต่อการพัฒนาขีดความสามารถระบบจรวดหลายลำกล้อง และจรวดทางยุทธวิธี โดยมีแนวคิดในการติดตั้งระบบนำวิถีแบบ Proximity sensor ที่สามารถนำมาบูรณาการร่วมกับระบบอาวุธดังกล่าวได้โดยต้องไม่มีการเปลี่ยน แปลงตัวจรวดหรือเปลี่ยนแปลงให้น้อยที่สุด และมีช่องสำหรับติดตั้งสายอากาศ และอุปกรณ์เชื่อมต่อระหว่างส่วนนำวิถี (System guidance section) กับ ส่วนชนวน (Electronic safe and arm fuze) ทั้งนี้ตามประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการต่างๆ ให้เสนอแนวคิดการพัฒนาระบบนำวิถี ตามหมายเลข W31P4Q-13-R-0127W31P4Q-13-R-0127 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2556 ทั้งนี้ได้เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการสามารถเสนอแนวความคิดอื่นๆ ในการพัฒนา การทดสอบทดลอง และการประกอบรวมระบบนำวิถี ที่ส่วนอื่นฑฯฉๆ บนลำตัวของจรวด ยกเว้น ส่วนปลายด้านหน้าสุด (Nose tip) หรือ ส่วนมอร์เตอร์ เท่านั้น
นักวิจัยของกองทัพบกได้กำหนดกรอบเวลาในการวิจัยและพัฒนาขั้นต้นว่าต้อง สามารถทำการทดสอบภาคสถิตย์แบบ Hardware-in-the-loop ก่อนสิ้นเดือนมีนาคม 2557 และจะทำการทดสอบภาคสนามสำหรับระบบจรวดหลายลำกล้อง ก่อนเดือนมิถุนายน 2557 ทั้งนี้คาดหวังว่าระบบนำวิถีแบบ Proximity sensor จะมีขีดความสามารถดังนี้

1. สามารถวัดความสูงเหนือระดับภาคพื้นที่ 3 - 130 ฟุต

2. ทำงานได้ที่ความเร็ว 820 – 2,800 ฟุต/วินาที

3. สามารถทำการเปิด/ปิดระบบได้เมื่อยิงไปแล้ว

4. สามารถตรวจจับได้ภายใน 0.250 วินาที หลังจากระบบตรวจจับทำงาน

5. น้ำหนักของ Sensor ไม่เกิน 1.1 ปอนด์

เป้าหมายของโครงการนี้คือเตรียมความพร้อมของเทคโนโลยีในระดับ 7 (Technology radiness level) ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับระบบจรวดในปัจจุบันได้ กล่าวคือสามารถสร้างต้นแบบเทคโนโลยีที่พร้อมจะนำไปเข้าสู่การผลิตได้ทันที (prototype near or at operational system) โดยราคาต่อหน่วยไม่เกิน 3000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งราคานี้อยู่บนพื้นฐานด้านจำนวนการผลิตที่ 1,600 ระบบ/ปี



http://ordnancefighter.blogspot.com/2014/01/gmlrs-atacms.html

[ART]

ทร. ไทยสนใจระบบจรวดต่อต้าน อากาศยานของรัสเซีย  BUK M2E
http://en.wikipedia.org/wiki/Buk_missile_system

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

ทร. ไทยสนใจระบบจรวดต่อต้าน อากาศยานของรัสเซีย  BUK M2E
http://en.wikipedia.org/wiki/Buk_missile_system

ให้จัดมาจริง ๆ เถอะ   

[หนานมา]

มาจริงละก้อแจ่มเลยครับ
น่าจะไปประจำการอยู่กับ สอ.รฝ. 

[indojeen@รักในหลวง]

 

ไปดูใน  wikipedia.

 Thailand - Buk-M2E 1 of Southeast of Asia to offers

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

Buk-M2E ตัวนี้ถ้า ทร ได้มาแหล่มเลย สมรรถนะน่าจะน้องๆตัวSA-6  ซึ่งตัว SA-6 นี้สร้างชื่อจนราคาพุ่งซะยังกะอะไร หลังจากสอยเครื่อง F-16CG Block40 ของผู้กอง(Capt)Scott O Gardy และ ผู้พัน(Lt. Col.)David Goldfein ร่วงลงจูบปฐพี ในช่วงสงครามบอสเนีย-เซิร์บ ช่วงปี1999 ในรูปเป็นตัว SA-6



ผู้กองสก๊อตปัจจุบันนี้ หลังจากลาออกจากกองทัพมาเล่นการเมืองท้องถิ่น ข่าวว่าแกสมัคร อบต หรือ เทศบาล ในถิ่นที่แกเกิดอยู่เขคบลุ๊คลีนอะไรนั้น ไม่รู้ว่าได้รับการเลือกตั้งหรือเปล่า คริคริ

[ART]

http://en.wikipedia.org/wiki/Buk_missile_system
ตัวนี้  น่าจะใหม่กว่า  sa6 นะครับ

[อรชุน-รักในหลวง]

ขอรุ่นนี้อีกซัก 20ชุดให้ทบ.ด้วยสิครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Pantsir-S1

[แอบดูที่รูเดิม]

ยานพาหนะแบบใหม่  เดินทางได้บนพื้นดินและบนอากาศ

บริษัท Advanced Tactics ซึ่งเป็นบริษัทของเอกชน ได้พัฒนายานพาหนะแบบใหม่ลักษณะพิเศษที่สามารถเดินทาง

ได้บนพื้นดินและบนอากาศ  บริษัทได้ ประกาศเริ่มต้นทดสอบพาหนะใหม่นี้โดยได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการกับความ

สำเร็จของการทดสอบขั้นตอนแรกบนพื้นดินโดยใช้เวลาสั้นๆ และมีกำหนดทดสอบในอากาศในฤดูใบไม้ผลิของปีนี้

เทคโนโลยีที่เรียกว่า AT Transformer จะช่วยให้ยานพาหนะเดินทางได้บนพื้นดินและบนอากาศโดยขึ้นลงทางดิ่งซึ่งบริษัท

ได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีนี้แล้วโดยเครื่องต้นแบบเครื่องแรกได้ถูกตั้งชื่อ ว่า AT Black Knight Transformer เมื่อธันวาคม 2013

การออกแบบ AT Black Knight Transformer ได้วางเครื่องยนต์และมีประตูเข้าออกอยู่ตรงด้านข้าง ชุดใบพัดที่ใช้สำหรับทำการบิน

ถูกติดตั้งอยู่ในพิเศษที่สามารถพับเก็บได้ ระหว่างการเดินทางบนพื้นดิน โครงการได้พัฒนาขึ้นตามความต้องการของกองทัพสหรัฐ

ที่มีความต้องการรถที่ สามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ยากแก่การเข้าถึงด้วยรถธรรมดาโดยสามารถเปลี่ยนโหมด การเดินทางได้ภายใน

หนึ่งนาทีซึ่งเพนตากอนคาดหวังว่าจะได้รับมอบเครื่องต้น แบบที่สมบูรณ์ในปี 2015.



http://ordnancefighter.blogspot.com/2014/01/advanced-tactics.html

เห็นแล้วนึกถึงพวก RC QUAD COPTER & Multi roter เลยครับ

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

ระบบปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานขนาด 35 มม. Skyranger

   Skyranger เป็นระบบที่พัฒนาโดยบริษัท Oerlikon Contraves ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสาขาของ German Rheinmetall Defence เป็นระบบต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ป้องกันหน่วยทั้งขณะเคลื่อน ที่และติดตั้งประจำที่ โดยได้เปิดตัวเมื่อ พ.ศ.2552 ปัจจุบันระบบนี้ยังคงพัฒนาต่อไป อย่างไรก็ตาม ลูกค้าที่มีอยู่เดิมจำนวนหนึ่งยังคงให้ความสนใจระบบนี้

Skyranger เป็นหนึ่งในระบบการป้องกันทางอากาศ ซึ่งประกอบด้วยการจัดการสนามรบ ระบบปืนใหญ่ และระบบขีปนาวุธ Skyranger สามารถปฏิบัติการแบบอัตโนมัติ หรือปฏิบัติการร่วมกับระบบขีปนาวุธ และเครื่องควบคุมการยิงระบบนี้สามารถติดตั้งบนรถล้อยางขนาดเบาหรือรถสายพาน ต้นแบบครั้งแรกที่ออกมาถูกติดตั้งบนรถ MOWAG Piranha IIIH, Piranha IV และรถสายพานลำเลียงพล Boxer 8 *8

ป้อมปืนจะติดตั้งด้วยปืนใหญ่ขนาด 35 มม. แบบหมุน (Revolver) ซึ่งมีพื้นฐานความสำเร็จมาจากปืนใหญ่ 35/100 Revolver มีระบบการป้อนกระสุนแบบคู่ ดังนั้น จึงสามารถเลือกแบบกระสุนได้สองแบบ Skyranger ใช้กระสุนขนาด 35 มม. AHEAD (Advance Hit Efficiency And Destruction) ที่พัฒนาให้มีสมรรถนะร้ายแรงมากขึ้นในการสังหาร เมื่อปล่อยกระสุนไปแล้ว กระสุนจะไประเบิดเกือบจะถึงเป้าหมาย ทำให้มีความเป็นไปได้ในการทำลายเพิ่มมากขึ้น สามารถสังหารได้ด้วยกระสุนไม่กี่นัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนในการยิงติดต่อกัน การยิงต่อเนื่องจะใช้กระสุน 20-24 นัด มีประสิทธิภาพในการยิงต่อต้านเป้าหมายที่มีขนาดเล็ก และเคลื่อนที่เร็ว ระยะยิงหวังผลประมาณ 4 กม.

Skyranger ยังสามารถใช้ยิงต่อต้านเป้าหมายทางพื้นดิน และสามารถใช้เป็นอาวุธยิงสนับสนุน โดยใช้กระสุน Frangible Armor Piercing Discarding Sabot (FAPDS) ระยะยิงหวังผลประมาณ 5,000 เมตร สามารถเลือกอัตราการยิงได้ โดยมีอัตราการยิงสูงสุด 1,000 นัด/นาที สามารถทำการยิงเป็นชุดหรือยิงทีละนัด นำบรรทุกกระสุนติดตัวรถไปได้ 220 นัด

Skyranger ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับ Electro-Optical Tracking สามารถเล็งตามเป้าหมายแบบอัตโนมัติ ซึ่งแต่ละอุปกรณ์กำหนดโดยศูนย์ควบคุม เรดาร์ภายนอก หรือได้เป้าหมายมาโดยอุปกรณ์ตรวจจับของตัวเอง อุปกรณ์ตรวจจับประจำที่ประกอบด้วย กล้องอินฟราเรด กล้อง TV เครื่องวัดระยะด้วยเลเซอร์ สามารถปฏิบัติการได้ทุกสภาพอากาศทั้งกลางวันและกลางคืน การปฏิบัติการของระบบจะกระทำโดยผู้บังคับหมู่ และพลยิง ที่อยู่ในรถ โดยพลขับจะแยกต่างหาก

ส่วนประกอบอื่นๆ ประกอบด้วย รถบังคับการพร้อมระบบควบคุมและเรดาร์ตรวจจับเป้าหมาย ซึ่งมีระยะในการกำหนดเป้าหมายที่ 25 กิโลเมตร การจัดกองร้อย Skyranger จะประกอบด้วยอาวุธ 2 ระบบ คือ อาวุธปล่อยนำวิถี 1 ระบบ และรถบังคับการ/ รถเรดาร์ 1 คัน หากเป็นไปได้ควรจัดให้เป็นระบบเครือข่ายที่มี Skyranger หรืออาวุธปล่อยนำวิถีประมาณ 6 ระบบ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของภารกิจนั้นๆ
คุณลักษณะและขีดความสามารถ

กำลังพล 3 นาย

ปืนใหญ่ 1*35 มม.

ระยะยิงหวังผลสูงสุด 4 กม.

อัตราการยิง 1,000 นัด/นาที

Traverse range 360 องศา

กระสุน 220 นัด



http://ordnancefighter.blogspot.com/2014/01/35-skyranger.html

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

จรวดหลายลำกล้อง AR1A

     AR1A เป็นระบบจรวดหลายลำกล้องที่พัฒนามาจากระบบจรวดหลายลำกล้อง A-100 ซึ่งรู้จักกันดีในทศวรรษที่ 1990 แต่ยังไม่ประจำการในกองทัพบกจีน เป็นระบบจรวดของทหารปืนใหญ่แบบใหม่ที่มีการผลิตครั้งแรกในปี 2552 มีวัตถุประสงค์ในการส่งออกขายให้กับลูกค้า มีพื้นฐานเทคโนโลยีมาจาก 9K58 Smerch ของรัสเซีย เป็นระบบจรวดระยะยิงไกลมีความมุ่งหมายใช้ในภารกิจโจมตีเป้าหมายทางพื้นดิน เช่น สนามบิน ศูนย์บังคับการ กองร้อยปืนใหญ่หรืออาวุธนำวิถี ข้าศึกในที่รวมพล และยานพาหนะ แหล่งข่าวอ้างว่าปากีสถานได้จัดหาระบบ AR1A จำนวนหนึ่ง (36 หน่วยยิง) สำหรับใช้ทดสอบและประเมินผล โดยอ้างอิงจากระบบจรวดหลายลำกล้อง A-100E ของจีน เปรียบเทียบคุณลักษณะขีดความสามารถในการจัดซื้อครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากอินเดียได้จัดซื้อระบบจรวดหลายลำกล้อง 9A52-2T Smerch จากรัสเซีย ดังนั้น ปากีสถานจึงได้หันมาจัดซื้อของจีนแทน แต่ทั้งระบบ A-100E และ Smerch เป็นระบบจรวดหลายลำกล้องที่มีขนาด 300 มม. เท่ากัน
AR1A ได้มีการปรับปรุงท่อปล่อยจรวดจากของเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยบรรจุจรวดไว้ในกล่องสำเร็จรูป (Complete Box-Shaped Pods) จำนวน 2 กล่อง แต่ละกล่องบรรจุท่อยิงจำนวน 5 ท่อยิง รวมทั้งสิ้น 10 ท่อยิง ดังนั้น จึงง่ายต่อการดูแลรักษา โดยระบบนี้เป็นเอกสิทธิ์ของ AR1A ไม่สามารถนำไปใช้กับระบบจรวด Smerch ของรัสเซียได้ โดยได้มีการปรับเปลี่ยนมอเตอร์ขับจรวด และชิ้นส่วนต่างๆ หนึ่งในจำนวนนั้น มีหัวรบที่หาได้ง่าย เช่น HE-FRAG, Fuel-Air Explosive, Cargo ลูกระเบิดย่อยต่อต้านบุคคลและรถถัง HE-FRAG น้ำหนัก 200 กก. ระยะยิงไกลสุด 130 กม. ระยะยิงใกล้สุด 20 กม. สอดคล้องกับระยะยิง และทิศทางซึ่งแก้ไขให้มีความแม่นยำมากขึ้น
กำลังพล 1 ใน 4 นาย ทำหน้าที่เตรียมรถเครื่องปล่อยจรวดให้เสร็จได้ภายใน 5 นาที เลิกยิงออกจากที่ตั้งได้ภายใน 1 นาที บนรถเครื่องปล่อยจรวดจะติดตั้งระบบ GPS เพื่อกำหนดที่ตั้งยิงและทิศทางยิงแบบอัตโนมัติ สามารถปล่อยจรวดได้ทีละนัดหรือเป็นชุด โดยเครื่องปล่อยจรวดจะติดตั้งอยู่บนรถบรรทุก 8*8 ล้อ มีระบบเติมลมอยู่ที่ศูนย์กลางล้อ หนึ่งกองร้อยประกอบด้วย รถบรรทุกเครื่องปล่อยจรวด รถบังคับการ รถแผนที่ และรถอุตุนิยมวิทยา รถบรรจุจรวด และระบบสนับสนุนอื่นๆ ไม่ว่าจะดำเนินภารกิจยิงโดยกองร้อย หรือกองพัน เครื่องปล่อยจรวดแต่ละเครื่องสามารถดำเนินการยิงแบบอัตโนมัติทั้งสิ้น การบรรจุจรวดจะกระทำ ณ ที่ตั้งยิง แต่จะหลีกเลี่ยงการปล่อยจรวดจากศูนย์กลางกองร้อย ชุดบรรจุจรวดจะนำไปโดยรถบรรทุกจรวดที่ติดตามไปด้วยกัน โดยมีอุปกรณ์ยกขน ซึ่งสามารถบรรจุจรวดเสร็จภายใน 20 นาที

คุณลักษณะและขีดความสามารถ

กำลังพล 4 นาย

น้ำหนัก 42.5 ตัน

ความกว้างปากลำกล้อง 300 มม.

จำนวนท่อยิง 10 ท่อยิง

น้ำหนักจรวด 840 กก.

น้ำหนักหัวรบ 200 กก.

ระยะยิง 20-130 กม.

ยิงเป็นชุด 60 วินาที

ระยะเวลาบรรจุกระสุนใหม่ 20 นาที

เครื่งยนต์ ดีเซล

ความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม.

ระยะปฏิบัติการ 650 กม.

ไต่ลาด 60 เปอร์เซ็นต์

ลุยน้ำลึก 1 เมตร



http://ordnancefighter.blogspot.com/2014/01/ar1a.html

[SOAP47 รักในหลวง]

จัดตัวนี้ให้ สอรฝ
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/9e/MOL_-_mobilni_obalni_lanser.jpg

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

จัดตัวนี้ให้ สอรฝ
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/9e/MOL_-_mobilni_obalni_lanser.jpg

 

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

ยานรบทหารม้า เคลื่อนที่เร็ว ติดอาวุธหนักของญี่ปุ่น

ได้รับการออกแบบและผลิตในปี 1989 โดยบริษัท Komatsu Limited (บริษัทผลิตรถแมคโครและรถแทรกเตอร์
บริษัทหนึ่งของญ๊่ปุ่น) โดยผลิตร่วมกับ Mitsubishi Heavy Industries โดยจำนวนล่าสุดที่ได้รับการผลิตคือ 70 คัน(ปี2005)

ตัวรถหุ้มเกราะด้วยเหล็กกล้า ขับเคลื่อนด้วยเครืองยนต์ขนาด 600แรงม้า

อาวุธหลักของรถคือปืนที่ติอยู่ตรงป้อมเป็นปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 35 มม. มีความสามารถบรรทุกหน่วยรบ ไปได้ 10 นาย(3 + 7)

ปืนรองของมันคือ ปืนกล Type 74 7.62 mm coaxial

นอกจากนี้ยังติดตั้ง Type 79 Jyu-MAT missile จำนวน 2 ระบบ เป็นระบบป้องกันตัว

ระยะปฐิบัติการ 400 km

ความเร็ว 70 km/h



http://ordnancefighter.blogspot.com/2014/01/blog-post_22.html