สมาคมนิยมอาวุธญี่ปุ่น JSDF Military Fanclubฟิลิปปินส์กระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ และญี่ปุ่นกำลังพลของกองทัพอากาศและกองทัพเรือของฟิลิปปินส์เดินทางไปกับบุคลากรทางทหารของสหรัฐฯ
ในเครื่องโพไซดอน พี-8เอ เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลลำใหม่สุดของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน
ฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นต่างก็เป็นเจ้าภาพต้อนรับกันและกันในความพยายามกระชับความร่วมมือกัน
พล.ท. เวอร์กิลิโอ โดมินโก รองผู้บัญชาการกองทัพฟิลิปปินส์ ให้การต้อนรับพล.ร.อ. โตโมฮิซา ทาเกอิ
เสนาธิการกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นอกจากนี้ นายโวลแตร์ กาซมิน
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของฟิลิปปินส์ ยังได้พบปะกับ นายเก็น นากาตานิ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 29 มกราคม ในกรุงโตเกียว
กองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวว่ากองเรือตรวจอ่าว วีพี 45 อาสาพากำลังพลฟิลิปปินส์ขึ้นบินทำความคุ้นเคย เพื่อเพิ่ม
ความเข้าใจและแสดงให้เห็นขีดความสามารถของเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลลำใหม่สุดของกองทัพเรือสหรัฐฯ
ในระหว่างการโยกย้ายหมุนเวียนไปยังฐานทัพอากาศคลาร์กในจังหวัดลูซอนกลางเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์
เที่ยวบินนั้นเป็นภารกิจลาดตระเวนทวิภาคีในห้วงอากาศนอกเกาะลูซอน และทำให้พลประจำเครื่องบินของ
กองทัพเรือสหรัฐฯ สามารถแสดงให้เห็นขีดความสามารถของเครื่อง พี-8เอ ทั้งในสภาพแวดล้อมชายฝั่งและ
มหาสมุทรเปิด และคุณสมบัติทางการบินของเครื่อง พี-8เอ ทั้งในภารกิจลาดตระเวนที่ความสูงระดับสูงและ
การลาดตระเวนที่ความสูงระดับต่ำ" กองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวในข่าวแจกชิ้นหนึ่ง "พลประจำเครื่องยังอธิบาย
การทำงานของเครื่องตรวจจับสำหรับภารกิจอเนกประสงค์ของเครื่องด้วย"
เป็นโอกาสที่พิเศษมากที่ได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับกำลังพลของกองทัพฟิลิปปินส์" ร.อ. แมททิว พูล
ผู้บังคับเครื่องบินลาดตระเวนของพลประจำอากาศการสู้รบ 4 แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าว "การให้ข้อมูลเกี่ยวกับ
ขีดความสามารถของเครื่องบินลำนี้แก่พันธมิตรของเราเป็นการกระชับสายสัมพันธ์ของเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น"
ในระหว่างการโยกย้ายหมุนเวียนตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 21 กุมภาพันธ์ กองเรือตรวจอ่าว วีพี-45 ได้ดำเนิน
การบินเป็นเวลากว่า 180 ชั่วโมงบิน เครื่อง โพไซดอน พี-8เอ มาแทนที่ พี-3 ออไรอัน เครื่องเก่า ซึ่งถูกใช้
หมุนเวียนกันในฐานะส่วนหนึ่งของความร่วมมือทางการทหารและข่าวกรองที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์
นับตั้งแต่ปี 2544
กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้พูดถึงเครื่อง พี-8เอ ว่าเป็นอากาศยานสงครามผิวน้ำและปราบเรือดำน้ำระยะไกลที่ทันสมัยที่สุดในโลก"
นี่เป็นเครื่องบินสำหรับภารกิจอเนกประสงค์ที่แท้จริง ซึ่งมีขีดความสามารถเหนือชั้นด้านข่าวกรอง ด้านการเฝ้าตรวจ
และการลาดตระเวนทางทะเล" กองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าว "เครื่องนี้ใช้โครงของเครื่องบินโบอิ้ง 737 และเมื่อปรับให้เป็น
เครื่อง พี-8เอ จึงทำให้มีความปลอดภัยเป็นเลิศและการบำรุงรักษาลดน้อยลง"
กองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวเสริมว่า เครื่อง พี-8เอ ทำงานเงียบกว่าเครื่อง พี-3 มาก และต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่า
และให้เวลา ณ สถานีปฏิบัติการที่นานกว่า การใช้เครื่อง พี-8เอ เป็นสัญญาณแสดงข้อผูกพันต่อความมั่นคงในภูมิภาค
ซาคารี อาบูซา แห่ง Southeast Asia Analytics กล่าวว่า การใช้เครื่อง P-8A มีขึ้นในขณะที่ทั้งสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์
ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความรวดเร็วและขอบเขตความพยายามของจีนในการถมทะเลที่โขดหินจำนวนห้าหรือ
หกแห่งในดินแดนในทะเลจีนใต้ ซึ่งฟิลิปปินส์อ้างสิทธิ์อยู่
การใช้เครื่อง P-8A ซึ่งเป็นอากาศยานเฝ้าตรวจทางทะเลที่ทันสมัยที่สุดของอเมริกา เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึง
ความกังวลของสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการรุกล้ำของจีน และการแสดงให้เห็นถึงข้อผูกพันที่สหรัฐฯ มีต่อความมั่นคงของ
ฟิลิปปินส์ นายอาบูซากล่าว
สหรัฐฯ กำลังพยายามส่งสัญญาณว่าจะตอบสนองในลักษณะเดียวกันต่อยุทธวิธีซาลามี (การหยั่งเชิงในรูปแบบต่าง ๆ)
ของจีน การกระทำของจีนไม่ได้รอดพ้นสายตาไป การส่งสัญญาณนี้ยังเกิดขึ้นในขณะที่ศาลฎีกาของฟิลิปปินส์กำลัง
ไตร่ตรองเรื่องการตกลงเพิ่มความร่วมมือด้านการป้องกันภัยด้วย" เขาเสริม
นายอาบูซาชี้ว่าโครงการถมทะเลขนาดมหึมาของจีนจะทำให้จีนมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการควบคุมเส้นทาง
การคมนาคมทางทะเล การแทรกแซงเสรีภาพการเดินเรือ และการบังคับใช้เขตพิสูจน์ทราบป้องกันทางอากาศ (ADIZ)
ในพื้นที่กว่าร้อยละ 90 ของทะเลจีนใต้ที่จีนอ้างสิทธิ์อยู่
ไม่เหมือนกับ ADIZ ที่ประกาศไว้ในทะเลจีนตะวันออกของจีน ซึ่งจีนไม่มีความสามารถในการบังคับใช้เขตดังกล่าว
จีนแน่วแน่ที่จะบังคับใช้เขตดังกล่าวในทะเลจีนใต้ ก่อนที่จะประกาศใช้เขตนั้น" นายอาบูซากล่าว
จีนแน่วแน่เหลือเกินที่จะให้ตนได้ควบคุมทะเลจีนใต้ และที่จะปรับสถานภาพเดิมก่อนที่ประเทศอื่นที่อ้างสิทธิ์ใน
ทะเลจีนใต้จะเพิ่มขีดความสามารถของตน แต่การทำเช่นนั้นของจีนกลับทำให้สหรัฐอเมริกาคงความเกี่ยวข้อง
อย่างต่อเนื่องในการรักษาความปลอดภัยในทะเลจีนใต้ ขณะที่คู่แข่งขันอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่นและอินเดีย เพิ่มความ
เกี่ยวข้องและความร่วมมือกัน" เขาเสริม
สำหรับจีนแล้ว นี่เป็นการได้อย่างเสียอย่าง นั่นคือ การต้องเลือกระหว่างการรักษาทรัพยากร หรือค่าใช้จ่ายที่รวดเร็ว
ทางการทหาร ขีดความสามารถและนโยบาย [ญี่ปุ่น] ของประเทศเพื่อนบ้าน และการเกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้นของคู่แข่งขัน
ในระดับเดียวกัน [สหรัฐอเมริกาและอินเดีย]" เขากล่าว
ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่นเยือนกรุงมะนิลา
ในระหว่างที่พล.ร.อ. โตโมฮิซา ทาเกอิ พบปะกับ พล.ท. เวอร์กิลิโอ โดมินโก บุคลากรทางทหารระดับอาวุโสทั้งสอง
ได้หารือกันเกี่ยวกับการรับรู้เท่าทันสถานการณ์ในอาณาเขตทางทะเลและความท้าทายต่าง ๆ ในทะเลจีนใต้
บุคคลทั้งสองยังแสดงความสนใจร่วมกันในการดำเนินการฝึกทวิภาคีทางทะเลและการปฏิบัติการตอบสนองภัยพิบัติ
ในอนาคตด้วย
รายงานในแถลงการณ์ร่วมฉบับหนึ่งกล่าวว่า ในระหว่างการพบปะกันของบุคคลทั้งสองเมื่อเดือนมกราคม ทั้งคู่ได้
แลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างกว้างขวางและตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ทั้งสองประเทศเผชิญอยู่ และยังได้
หารือกันถึงนโยบายกลาโหมของประเทศและความท้าทายด้านความมั่นคงในภูมิภาคและในโลก ตลอดจนความร่วมมือ
และการแลกเปลี่ยนด้านการป้องกันภัยระหว่างประเทศทั้งสอง
ทั้งคู่บรรยายสรุปสั้น ๆ ให้กันและกันฟังและรับทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก
และมีทัศนะตรงกันว่าควรใช้วิธีที่สันติในการระงับข้อพิพาททั้งหมด โดยปราศจากการใช้ความรุนแรงหรือกำลังบังคับ
และควรเป็นไปตามหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งคู่ยังยืนยันอีกครั้งถึงความสำคัญของเสรีภาพ
ในการเดินเรือและการเดินอากาศในทะเลหลวง
แถลงการณ์ร่วมฉบับนั้นกล่าวว่า บุคคลทั้งสองได้แลกเปลี่ยนทัศนะในการยกระดับความร่วมมือทวิภาคีและ
การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการป้องกันภัยให้สูงขึ้น โดยอาศัย "ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์" ระหว่างญี่ปุ่น
และฟิลิปปินส์ การกระชับความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนผ่านทางความช่วยเหลือในการสร้างขีดความสามารถ
และการอบรม/การฝึกในด้านความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ และการรักษาความปลอดภัย
ทางทะเล การสำรวจความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์และเทคโนโลยีการป้องกันภัย
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านการรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น
และกองทัพเรือฟิลิปปินส์ ซึ่งต่างก็เป็นสมาชิกของที่ประชุมกองทัพเรือภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก (WPNS) จะร่วมมือ
กันเพื่อนำระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการเผชิญหน้าอย่างไม่คาดฝันในทะเล (CUES) ไปปฏิบัติอย่างดีและพัฒนาระเบียบ
ดังกล่าวต่อไป แถลงการณ์ฉบับนั้นกล่าว บุคคลทั้งคู่จะดำเนินการอบรมทวิภาคีทางทะเลในปีนี้โดยใช้ CUES
ขณะเดียวกัน กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ยังจะพยายามเข้าร่วมในการฝึกร่วม "โค้ป นอร์ท กวม" ระหว่าง ญี่ปุ่น-สหรัฐฯ
-ออสเตรเลีย ด้วยในอนาคต และส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนในด้านความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม
และการบรรเทาภัยพิบัติ อาบูซากล่าวว่าฟิลิปปินส์ไม่เพียงแต่ส่งเสริมให้มีการฝึกร่วมและการลาดตระเวนร่วม
จำนวนมากขึ้นกับญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังหวังที่จะโอนยุทโธปกรณ์ทางทหารมากขึ้นด้วย
ฟิลิปปินส์กำลังเกี้ยวอยู่เรื่อย ๆ ให้ญี่ปุ่นเข้ามาเกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้นในทะเลจีนใต้ เพื่อเสริมขีดความสามารถทางทะเล
ที่อ่อนแอมากของตน ฟิลิปปินส์ไม่มีขีดความสามารถทางทหารที่จะยับยั้งการกระทำของจีนได้ ดังนั้น กลยุทธ์ของ
ฟิลิปปินส์จึงอาศัยคดีการอนุโญตาตุลาการต่อจีนและการให้พันธมิตรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย" นายอาบูซากล่าว
http://apdforum.com/th/article/rmiap/articles/online/features/2015/03/05/philippines-military-relations