ลาก่อนฮัมวี.. สวัสดี L-ATV น้องใหม่ทนถึกบึกบึน เกราะเหล็กรอบคัน RPG/IED ไม่ได้แอ้ม
กลายเป็นข่าวใหญ่ทางด้านกลาโหมไปทั่วโลก ในช่วง 24 ชั่วโมงมานี้ คงไม่มีอะไรเกิน การเซ็นสัญญาว่าจ้างบริษัทผลิตรถบรรทุกแห่งหนึ่งในรัฐวิสคอนซิน ให้ผลิตยานยนต์ขนส่ง/โจมตีหุ้มเกราะรุ่นใหม่ สำหรับกองทัพบกกับกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐ เพื่อนำเข้าประจำการแทนฮัมวี (Humvee) ที่ผ่านการใช้งานมานาน 30 ปี ซึ่งเป็นสัญญาการจัดซื้อจัดจ้าง มูลค่าราว 6,750 ล้านดอลลาร์ สำหรับยานยนต์รุ่นใหม่ 17,000 คัน ในระยะแรก
บริษัทอ๊อชคอช (Oshkost) ผู้ผลิตรถบรรทุกหนัก กับยานยนต์หุ้มเกราะ ที่ก่อตั้งมานานกว่า 90 ปี ได้รับเลือกในการประกวดราคา โดยสามารถเอาชนะคู่แข่งที่ล้วนแต่เป็นบริษัทผลิตอาวุธชั้นนำระดับโลก คือ ล็อกฮีดมาร์ติน (Lockheed Martin) กับบริษัทบีเออีซีสเต็ม (BAE System Plc) ประเทศอังกฤษ กลุ่มหนึ่ง และ อเมริกันเจเนอรัล (AM General) ผู้ผลิตรถฮัมวี ซึ่งในครั้งนี้ผนึกกำลังกับเจเนอรัลไดนามิกส์ (General Dynamics) บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอีกกลุ่มหนึ่ง
กองทัพบกกับกองกำลังนาวิกโยธิน ประกาศเรื่องนี้วันอังคาร 25 ส.ค.ที่ผ่านมาตามเวลาในสหรัฐ
นับเป็นการเริ่มนับถอยหลังอย่างเป็นทางการ สำหรับการปลดระวางประจำการฮัมวี ยานขนส่งทางทหารชั้นนำ อันเป็นตำนานของโลกอีกรุ่นหนึ่ง ที่ผ่านงานมา 3 ทศวรรษ มีประสบการณ์โชกโชนในหลายสมรภูมิ ตั้งแต่การรุกรานประเทศปานามา สงครามในคาบสมุทรบัลข่าน ในโซมาเลีย สงครามคูเวต สงครามในอิรัก และ อัฟกานิสถาน และ อีกครั้งหนึ่งในอิรัก ในสงครามกวาดล้างกลุ่มสาธารณรัฐอิสลาม
ฮัมวีเป็นยานขนส่งทางทหารที่มีใช้ในหลายประเทศ ที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐทั่วโลก รวมทั้งกองทัพบกไทย ที่เคยมีประจำการอยู่ราว 1,200 คัน
การจัดหายานยนต์รุ่นใหม่ เป็นโครงการร่วมกันระหว่างสองหน่วยรบ จึงใช้ชื่อว่า Joint Light Tactical Vehicle หรือ JLTV โดยกองกำลังนาวิกโยธินจะซื้อจำนวน 5,500 คัน ตั้งแต่นี้ไปจนถึงปี 2020 หรือ ตลอด 5 ปีข้างหน้า ในขณะที่กองทัพบกจะซื้อ 12,000 คัน ในชั้นแรกนี้ สัญญาจัดซื้อจัดจ้างที่เซ็นกันในวันอังคาร ระบุว่าการส่งมอบจะมีขึ้นใน 10 เดือนหลังจากนี้ และ การสั่งซื้อเต็มอัตราของสองหน่วยรบ จะเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2561 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นปีที่สายการผลิตเดินเครื่องได้เต็มกำลัง
เมื่อนับรวมตลอดระยะเวลาในโครงการจัดหา ทั้งสองเหล่าจะจัดซื้อยานยนต์รุ่นใหม่ รวมกันประมาณ 55,000 คัน มูลค่าราว 30,000 ล้านดอลลาร์ กองทัพบกสหรัฐ ซึ่งจะซื้อจำนวน 49,099 คัน ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งที่ออกในกรุงวอชิงตันดีซี
โครงการ JLTV ดำเนินมาเป็นเวลาหลายปี ผู้ร่วมการประกวดราคาทั้งสามราย ได้นำเสนอรถต้นแบบจำนวนหลายสิบคัน ตามสเป็กที่กองทัพสหรัฐต้องการ และ ได้เข้าสู่กระบวนการทดสอบ ภายใต้สภาพการณ์ต่างๆ ตลอด 14 เดือนที่ผ่านมา ทั้งในสภาพพื้นที่ทั่วๆ ไป ในทะเลทราย และ ในเขตภูเขาน้ำแข็งปกคลุม ภายใต้อุณหภูมิเย็นจัดอีกด้วย กองทัพบกกล่าว
ไม่เพียงแต่เตรียมปลดระวางประจำการฮัมวีตามอายุใช้งานเท่านั้น ทั้งกองทัพบกและกองกำลังนาวิกโยธิน กำลังพยายามอย่างยิ่ง ในการจัดหายานยนต์ทดแทน ที่มีคุณสมบัติเหนือกว่า มีการปกป้องคุ้มกันผู้โดยสารได้ดีกว่าฮัมวี โดยได้บทเรียนจากการสูญเสียกำลังมากขึ้นในสงครามอิรัก จากระเบิดที่ประกอบขึ้นเอง หรือ IED (Improvised Explosive Device) ที่ฝ่ายตรงข้ามวางดักไว้ริมถนน และ ตามเส้นทางต่างๆ
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ฮัมวีไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อนำไปใช้ในการสู้รบที่แนวหน้า ปัญหาก็จึงติดตามมามากมาย การสูญเสียกำลังพลมากขึ้น ทำให้ทั้งกองทัพบกและกองกำลังนาวิกโยธิน ต้องจัดหายานยนต์รุ่นใหม่เข้าไปใช้แทนเป็นการเฉพาะหน้า เรียกว่า "ยานคุ้มกันต่อต้านการลอบโจมตีด้วยวัตถุระเบิด (Mine Resistant Ambush Protected) สำหรับทุกสภาพพื้นที่ (M-ATV)" ซึ่งหุ้มเกราะหนาปกป้องผู้โดยสาร จากอันตราย เมื่อถูกโจมตีด้วยอาวุธขนาดเล็ก ไปจนถึงปืนกล กระทั่งจรวดอาร์พีจี และ IED โดยเริ่มนำเข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 2552 และ บริษัทอ๊อชคอชเป็นผู้ผลิต
เพราะฉะนั้นยาน JLTV จะต้องเป็น MRAP หรือ M-ATV ไปในตัวด้วย ในขณะที่มีขนาดเล็กลง
กองทัพบกสหรัฐกล่าวว่า JLTV ของอ๊อชคอช ได้เสนอหุ้มเกราะทั้งใต้ท้องรถและรอบคัน เช่นเดียวกับกับ MRAP/M-ATV ซึ่งเกราะทั้งหมดจะกินน้ำหนักราว 2 ใน 3 ของรถ แต่บรรทุกกำลังพลได้มากขึ้น และ ทนทายาด เชื่อถือได้มากกว่าฮัมวี ยานยนต์แบบใหม่จะต้องเคลื่อนย้ายได้ ด้วยเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ เช่น ชินุ้ก (CH-47 Chinook) หรือ ซูเปอร์สตาลเลียน (CH-53E Superstallion) หรือ ขนส่งได้ด้วยยานสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ สำหรับ MRAP เนื่องจากขนาดอันใหญ่โต และ มีน้ำหนักบรรทุกเต็มอัตรากว่า 14 ตัน
อ๊อชคอซ เรียกรถต้นแบบของตนว่า L-ATV (Light Combat Tactical All-Terrain Vehicle) หรือ "ยานยนต์โจมตีขนาดเบาสำหรับทุกสภาพพื้นที่" และ ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่า L-ATV มีราคา 433,539 ดอลลาร์ต่อคัน เป็นราคาที่รวมค่าใช้จ่ายในการศึกษาวิจัย หรือ R&D ที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐเป็นผู้จ่าย เข้าไปด้วย
ข้อมูลของอ๊อชคอซระบุว่า L-ATV รุ่นพื้นฐาน มีมูลค่าการผลิตเฉลี่ยราว 200,000 ดอลลาร์ต่อคัน และ ได้ทำออกมา เสนอโครงการ JLTV หลายเวอร์ชั่น ทั้งในรูปแบบรถโจมตีทางยุทธวิธี (Combat Tactical Vehicle) ติดระบบปืนกลอัตโนมัติไร้การควบคุม ติดระบบจรวด อีกจำนวนหนึ่งเป็นรถสนับสนุนการโจมตี และ รถพยาบาล สำหรับกำลังพลบาดเจ็บ ฯลฯ เพื่อทดแทนภารกิจทั้งหมดขิงฮัมวี
จอห์น ไบรอัน (John Bryant) รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายโครงการกลาโหมของอ๊อชคอซกล่าวว่า ระบบ Core 1080 ที่ใช้ใน M-ATV ปัจจุบัน เป็นเหมือนระบบที่ใช้ในรถแข่ง ซึ่ง "คนขับสามารถเดินออกจากซากรถที่พังยับเยินน่าสะพรึงกลัว" ได้ ระบบดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง เพื่อใช้ใน JLTV ตามที่กองทัพต้องการ
บริษัทนี้เริ่มผลิต M-ATV ให้กองทัพบก ตามสัญญาจ้างเมื่อเดือน มิ.ย.2552 และ มีการทำสัญญาผลิตเพิ่มเติม เป็นล็อตเล็กๆ อีกหลายครั้งมาตั้งแต่นั้น รวมทั้งอีกกว่า 1,000 คันที่ผ่านการอัปเกรด/ติดตั้งระบบต่างๆ เพิ่มเติม ข้อมูลของกองทัพบกสหรัฐระบุว่า จนถึงปัจจุบันมีการนำเข้าประจำการยานพาหนะแบบนี้เกือบ 10,000 คัน
หลายปีมานี้ อ๊อชคอชยังได้รับว่าจ้าง ให้ทำการอัปเกรดรถฮัมวีอีกกว่าพันคัน ด้วยการติดตั้งระบบเสริมต่างๆ อันเป็นเทคโนโลยีของบริษัทเอง เช่น ระบบช่วงล่างขับเคลื่อนสี่ล้ออิสระ และ ระบบกันกระเทือน ปรับปรุงการกระจายกำลังของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ระบบป้องกันผู้โดยสารภายใน หลายร้อยคันได้ติดตั้งป้อมปืน ที่ใช้ปืนกลอัตโนมัติไร้การควบคุม กำจัดอัตราเสี่ยงสำหรับพลปืน ที่จะต้องโผล่ท่อนบนของลำตัวขึ้นเหนือตัวรถ ซึ่งบ่อยครั้งตกเป็นเป้ากระสุนฝ่ายตรงข้าม
.
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000097126 ดูแล้วคันใหญ่มหึมาเกราะหนา แต่น่ากลัวจะซดน้ำมันกระจาย