เรื่องเล่าจากชาวปืนแฝด Perazzi MX 8 และประวัติความเป็นมา

[ลูกซองสั้น]

  เมื่อปี 2006 ปลายปี ผมเคยเขียนเรื่องปืน Perazzi MX8 เอาไว้ ในกระทู้ The double gun บทความพร้อมรูปภาพเหล่านี้ ถูกเขียนมาก็เพราะมีเพื่อนๆน้องๆ หลายคนอยากรู้ว่า ปืน Perazzi มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร และในขณะที่ผมเขียนบทความเหล่านี้ไปเรื่อยๆ ก็นึกสงสัยและเกิดอยากรู้มากขึ้นว่า ใครเป็นคนออกแบบปืน Perazzi และปืนยิงเป้าบินที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นปืนที่ดีที่สุดกระบอกนี้ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร

ข้อความทั้งหมดที่ถูกเขียนขึ้นมานี้  ผมขอยกความดีความชอบทั้งหมดให้แก่พี่ Fabbri พี่ชายที่แสนดี ซึ่งนอกจากจะช่วยสั่งปืนดีๆมาให้น้องๆได้ใช้แล้ว ยังช่วยแนะนำและสอนน้องๆให้ได้รู้จักว่า ในโลกใบเล็กๆใบนี้ ยังมีคนที่มีความรู้มากมายกว่าเราอีกมาก ความรู้ทั้งหลายแม้นจะมีการเขียนเป็นหนังสือจำนวนมากแล้ว แต่ก็ยังมีอีกมากที่ผู้รู้ไม่ยอมถ่ายถอดออกมาเป็นตัวหนังสือ และเก็บงำความรู้เหล่านั้นเอาไว้กับตัว จนกระทั่งท่านตายไปจากโลกนี้

เรื่องเล่าเรื่องนี้ ก็อ่านกันไว้เป็นความรู้นะครับ ผมคิดว่าคงหาอ่านที่อื่นไม่ได้แน่ๆ


Perazzi MX 8

ปืนลูกซองแฝดซ้อน ขนาด 12 ในรูปเป็นปืนแทรป ลำกล้องยาว 75 ซ.ม. Flat rib พานท้าย conventional ทั้งกระบอก ดูธรรมดาที่สุด ดำปิดปี้ ดุจจรกา แต่เป็นปืนที่นักกีฬายิงเป้าบินเลือกใช้มากที่สุด

[ลูกซองสั้น]

Receiver หรือที่บางคนเรียก  Action  ด้านซ้าย มีตัวอักขระแค่นั้นเองครับ ไม่เห็นจะน่าเลื่อมใสเลย คือมันดำจริงๆ ปืนของสามัญชนครับ มีไว้ยิงทำแต้มเท่านั้น มิอาจจะเอาไปโชว์ใครๆได้

กลไกของ MX 8 เป็นแบบ Box lock ครับ

[ลูกซองสั้น]

พานท้ายแบบธรรมดา ฝรั่งเรียกว่า  Conventional  อีกหัวใจหนึ่งของความแม่นยำของปืนลูกซอง และ เป็นสิ่งที่ Perazzi ชนะใจนักกีฬายิงเป้าบินทุกคนทั่วโลก เพราะที่โรงงาน Perazzi คุณสามารถเดินเข้าไป สั่งเหลาพานท้ายในฝัน ที่หันปืนไปใกล้ๆเป้า ก็ยิงโดนแล้ว เป็นประโยคภาษาไทยที่ฟังเว่อร์ที่สุด แต่จริงครับ

[ลูกซองสั้น]

Beavertail Forend   คนไทยเรียก กระโจมมือ สั่งตัดได้นะครับ อ้วน ผอม สั้นหน่อย ตามขนาดฝ่ามือ    อ้อ  แถมหน่อย  ปืนลูกซองเรียก Forend ส่วนปืนไรเฟิลเรียกกันว่า  Forarm

[ลูกซองสั้น]

มุมบน มองเห็น Lever คนไทยเรียกว่า หางเหยี่ยว บิดไปทางขวาทางเดียวเท่านั้น บิดเพื่อเปิดปืนจ๊ะ

[ลูกซองสั้น]

ดูด้านขวาบ้าง มองแนวความเรียบง่าย Rib หรือ คนไทยเรียกว่า หลังถนน หรือ หลังสะพาน ตามแต่จะเรียกกัน กระบอกนี้แบบมาตราฐานปืนแข่งขันกว้าง  11 X 11 mm.

[ลูกซองสั้น]

ระหว่างลำกล้องบนและล่างมี side rib แบบมีช่องโปร่งระบายอากาศ  ด้านบนเป็น Flat rib หรือแบบเรียบและเป็นแบบที่เตี้ยที่สุด 

[ลูกซองสั้น]

Recoil pad ภาพนี้ตั้งใจให้ดูรู ....จุ๊ ๆๆๆ   ...รูสำหรับไขถอดพานท้ายครับ Perazzi จะให้ไขควงมาให้ด้วย

[ลูกซองสั้น]

ภาพนี้ผมถ่ายไม่ชัดนะครับ ไม่ใช่ท่านทั้งหลายพากันตาลาย แหม เห็นรูไม่ได้เลยยยยย

รูรังเพลิง  ใส่ลูกตรงนี้แหละ

[ลูกซองสั้น]

ภาพนี้อยากให้ดูขนาดของ Extractor คนไทยชอบเรียกกันว่า  อีเจคเตอร์ เรียกกันไปจนเป็นที่ยอมรับว่าทำหน้าที่ดีดปลอกกระสุน  แยกกันอันละลำกล้อง  ยิงลำกล้องไหนลำกล้องนั้นจะดีดปลอกกระสุนที่ยิงแล้วออก แต่ลำกล้องที่ไม่ได้ยิงจะยกกระสุนลอยขึ้นมาเท่านั้น ขนาดใหญ่มากครับ และไม่เคยหักเลย 

[ลูกซองสั้น]

ภาพนี้ให้ดูตรงกลางภาพครับ จะเห็นเหล็กดันขึ้นนก ขนาดใหญ่มาก ยิงไปหลายหมื่นนัด ไม่มีร่องรอยสึกหรอเลยครับ ทำงานไม่มีผิดพลาด

[ลูกซองสั้น]

Box โคนลำกล้อง จะมีตัวเลขบอก กระสุนขนาด 12  รังเพลิงยาว 70 ม.ม. หรือ 2 3/4 นิ้ว proof mark มากมาย เชิญทอดทัศนากันเองครับ ผมไม่เคยดูเลยตรงนี้เลย

[ลูกซองสั้น]

Box โคนลำกล้องด้านซ้ายครับ มีข้อมูลที่สำคัญตีเอาไว้  ความกว้างของลำกล้อง 18.4 ม.ม. ทั้งบนและล่าง ลำกล้องบนตีไว้ ๐  คือ Full choke ลำกล้องล่างตีไว้ ๐๐  คือ improve modified choke  ตรงลำกล้องล่างตีเลขน้ำหนักของลำกล้องเอาไว้ด้วย  1.56 กิโลกรัม

 

[ลูกซองสั้น]

รูปนี้ให้ดูภายใน receiver จะเห็นสะพานเหล็กดันขึ้นนกขนาดใหญ่มาก อย่างว่าครับ ยิงไปตั้งหลายหมื่นนัด ยังไม่สึกหรอเลย

[ลูกซองสั้น]

ปุ่มเซฟอยู่หลังหางเหยี่ยว วิธีถอดชุดลั่นไก ทำได้โดยดันปุ่มเซฟไปข้างหน้า ผลักไปให้สุดและค้างเอาไว้แล้วดึงโกร่งไกของชุดลั่นไกลงด้านล่าง