เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 29, 2024, 09:49:22 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 6 7 8 [9] 10 11 12 ... 15
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าจากชาวปืนแฝด Perazzi MX 8 และประวัติความเป็นมา  (อ่าน 139426 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #120 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 07:58:02 PM »




พลิกมาดูด้านซ้าย นี่ยังไม่ได้เหนี่ยวไกนัดแรกนะครับ แต่ว่านกสับอยู่ในสภาพพร้อมยิงนัดแรกลำกล้องล่างแล้วนะ

ด้านซ้ายลำกล้องบน จะเห็นว่า สะพานไก ไม่ได้แตะไม่ได้ขัดกับ sear นะ นี่แหละครับ เราเหนี่ยวไกยิงนัดแรก สะพานไกดันขึ้น จะไม่ได้ดัน sear ตัวซ้าย เพราะ sear ตัวซ้ายสั้นกว่าไงครับ นี่แหละครับ ลำกล้องบนจึงไม่ได้ถูกยิงออกไปด้วย
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #121 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 07:59:42 PM »




เมื่อยิงนัดแรก ลำกล้องล่าง นกตัวขวาจะสับลง แรงถีบของปืนจะสะเทือนถอยหลัง แรงเฉื่อยจะส่งให้ connector ถอยหลัง sear ตัวขวา จะลดลงต่ำ เมื่อ connector ถอยหลังไปจนหมดแรงเฉื่อย สปริงที่อัดอยู่ในตัว connector เอง จะดันตัว connector กลับไปด้านหน้า
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #122 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 08:55:35 PM »




รปนี้เป็นจังหวะเดียวกันกับรูปก่อนนี้ คือ connector ดันกลับไปด้านหน้า เข้าไปชิดกับ sear ข้างซ้ายลำกล้องบนก็จะพร้อมยิง
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #123 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 09:28:54 PM »




จากจังหวะของภาพก่อนนี้ ที่พร้อมให้เหนี่ยวไกยิงนัดสองลำกล้องบน เรากดไกบึ้มออกไป แรงถีบของปืน จะส่งแรงเฉื่อยให้ connector เหวี่ยงไปข้างหลัง ปลด sear ข้างซ้ายที่เหลือ จะเห็น sear ทั้งสองข้างลดต่ำลงหมด เวลานี้ ถ้าเราเหนี่ยวไก จะฟรีตลอดครับ

ก็จบวงจรการยิงทั้งสองนัด จะยิงใหม่ ก็หักลำกล้องลง บรรจุกระสุนใหม่ กลไกในชุดลั่นไก ก็จะเริ่มวงจรรอบใหม่

นี่แหละครับ กลไกง่ายๆ แข็งแรง ทนทาน เชื่อถือได้ที่ Mattarelli ร่วมมือออกแบบ กลไกของ MX8 ทำง่ายกว่า sidelock มาก เลยผลิตได้เร็ว งาน fitting ก็ง่ายกว่าการทำ fitting ปืน sidelock ต้นทุนการผลิต MX8 ในปี 1966 ต่ำกว่าพวก SHO อยู่หลายเท่าตัว โรงงาน MAP/Daniele Perazzi เลยปั้ม MX8 ออกมามากมาย ปืนดีก็เลยขายดีครับ
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #124 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 09:33:22 PM »

ดังที่ผมเล่าให้ฟังไปแล้วครับ MX8 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นปืนแข่ง และถูกใช้ในการแข่งขัน Olympic Mexico ในปี 1968 แต่ว่า ผมไม่พบประวัติว่า ปืนกระบอกนี้เป็นปืนที่ใช้ยิงชนะหรือเปล่านะครับ แต่ว่าชื่อเสียงและความเป็นเลิศของการออกแบบของ MX8 ทำให้ MX8 กลายเป็นปืนแข่งที่ประสบความสำเร็จทางการตลาดเป็นอย่างมาก Daniele เร่งการผลิตปืนสุดตัว น้ำขึ้นให้รีบตัก

Ivo Fabbri หนุ่มสายเลือดวิศว สะสมความไม่พอใจมากจนสุดทน  Ivo ไม่อยากให้สายการผลิตของ Perazzi มีมากเกินไป มากจนปืนชั้นดีกลายเป็นปืน mass ไม่มีคุณภาพ  ถ้าใครได้เคยพบเห็นหรือได้มีโอกาสสัมผัสปืน SHO ที่ผลิตออกมา จะเข้าใจหัวอกอันชอกช้ำของ Ivo Fabbri  การทะเลาะกันในโรงงานปืน เรื่องความปราณีตของปืนที่ผลิต ลุกลามไปถึงเรื่องส่วนตัว และจนกระทั่ง Ivo Fabbri คิดตัดสินใจแยกทางกันเดินกับ Daniele Perazzi

เรื่องคอคาดบาดตายเรื่องสุดท้าย ที่ทำให้ Daniele ซึ่งพยายามประนีประนอมกับ Ivo Fabbri ตลอดเวลา ตัดสินใจแยกทางกับ  Ivo Fabbri เป็นเรื่องส่วนตัวที่บุคคลที่สามคือ  Mattarelli ได้เล่าให้พี่ใหญ่ฟัง  พี่ใหญ่ได้เล่าให้ผมฟังอีกต่อหนึ่ง ผมฟังแล้วคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกันนะ เรื่องใหญ่เรื่องนี้ Daniele  ถือมาก และโกรธมาก เอ้า ใครอยากรู้ความลับข้อนี้ ต้องไปฟังจากปากของพี่ใหญ่เองครับ พี่ใหญ่ไม่อนุญาตให้ผมเล่าเผยแพร่ทาง internet   Grin

ปี 1969 Ivo Fabbri ทะเลาะแตกหักกับ Daniele Perazzi และต้องการขายหุ้นของโรงงาน MAP/Daniele Perazzi จำนวนที่ตนถือไว้ทั้งหมด  Mattarelli กับ Daniele คงจะไม่มีเงิน เลยปรึกษากัน และได้ตกลงให้ Ivo ไปขายหุ้นส่วนของเขาให้แก่โรงงานผลิตกระสุน Baschieri & Pellagri  โรงงานแห่งนี้ก็คือ โรงงานผลิตกระสุนที่ Mattarelli เคยเป็น salemans ขายกระสุนให้ไงครับ  สาเหตุอีกอันหนึ่งที่ ทั้ง Mattarelli และ Daniele ตัดสินใจเลือกให้ Ivo เอาหุ้นไปขายให้แก่โรงงานผลิตกระสุน ก็เพราะ Daniele คิดที่จะให้โรงงานแห่งนี้ผลิตกระสุนที่ตีตรา Perazzi  เป็นการต่อยอดทางธุรกิจที่หลักแหลมมาก

แล้ว Ivo Fabbri ก็นำเงินที่ได้ไปสืบทอดอุดมการณ์แบบเด็กวิศวของตนเอง โดยการไปก่อตั้งโรงงานผลิตปืนลูกซองแฝดสุดหรู ซึ่งในปัจจุบันนี้ เป็นปืนที่ดีที่สุด เลิศที่สุด ราคาปืนมือสองแพงเกือบเท่ากับปืนใหม่ที่ออกจากโรงงาน  ชื่อว่าปืน FABBRI
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #125 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 09:37:24 PM »

หลังจาก Ivo Fabbri แยกตัวออกไปจาก Perazzi แล้ว Daniele ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อโรงงานของตนเองเป็นอื่นนะครับ ยังคงชื่อ MAP ไว้เหมือนเดิม ปืน MX8 ที่เข้ามาขายในเมื่อไทยรุ่นแรกๆ จะมองเห็นอักษร MAP ตีไว้ใกล้กับเลขหมายประจำปืนด้วยครับ

เมื่อไม่มี Ivo มาคอยขัดคอแล้ว Daniele ก็ปั้มปืนออกมาขายได้สบายกว่าเดิมเยอะเลย อย่าไปเข้าใจว่า ปืน Perazzi หลังจากที่ไม่มี Ivo คอยตรวจ prove ปืนแล้ว ปืนของ Daniele จะไม่ดีนะครับ คุณภาพปืนของ Perazzi ไม่ได้ด้อยลง แต่ว่า Daniele ได้ boost เครื่องตัวเองสุดโด่ง ออกปืนรุ่นใหม่ๆอีกหลายรุ่น เพื่อหวังจะจับตลาดปืนแข่งขันยิงเป้าบินให้หมด กะว่า เหมามันทุกเกมส์ ทั่วโลกเลยครับ

ปี 1969 ไม่มี Ivo มาขัดคอแล้ว Daniele ออกแบบปืนรุ่นตระกูลลำกล้องเดี่ยว ปืนลูกซองเดี่ยวที่ว่าใช้สำหรับยิง American Trap ครับ  ใน Italy ไม่มีใครยิงเกมส์ American trap หรอกครับ Daniele ทำปืนลูกซองเดี่ยวออกมาเพื่อขายในตลาดอเมริกาครับ ปืน Perazzi ในปี 1969 ที่ส่งไปทำตลาดในอเมริกา ประทับชื่อ Ithaca ครับ ปืนลูกซองเดี่ยวของ Perazzi พวกนี้มีชื่อรุ่นเป็นทางการว่าตระกูล TM   
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #126 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 09:40:38 PM »

มาดูรูป TM1 ที่ตีตรา Ithaca ครับ ปืนกระบอกนี้อยู่ในอเมริกานะครับ ในเมืองไทยไม่มีตัวเป็นๆหรอกครับ



ตัว receiver เตี้ย เล็ก กระทัดรัด น่ารักนะ มองเหมือน MX8 ที่เป็นเด็กแรกสาว ยังไม่สูง ยังไม่โตเต็มที่ครับ
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #127 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 09:42:48 PM »




Tm1 เป็นปืนที่ติดตั้ง rib สูง 3.5 ม.ม. ครับ
กระบอกนี้ลำกล้องยาว 34 นิ้ว สำหรับแข่งยิง Handicap 27 หลา
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #128 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 09:44:35 PM »



มุมมองด้านบน เหมือน MX8 อย่างกับแฝดพี่แฝดน้อง

อ้อ ปืนกระบอกนี้ใช้ปุ่มเซฟแบบรุ่นแรก ผมชอบปุ่มเซฟรุ่นนี้มาก มันสวยที่สุดเลยนะ
รุ่นหลังๆที่ทำมาแบบหลบพวกนิ้วโป้งเสพติดปุ่มเซฟ มันไม่มีความงามเลย
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #129 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 09:46:27 PM »



รูปด้านข้าง นักยิงเป้าบินในอเมริกา เป็นพวกหัวแข็งครับ ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร แฮะๆ จะก้มหน้าแนบพานท้าย ก็ไม่ค่อยจะนิยม ปืนที่เหมาะกับพวกคนหัวแข็งก็เลยต้องทำพานท้ายแบบ Monticarlo ครับ

อ้อ อเมริกาน่าจะเป็นชนชาติที่มีพลเมืองถนัดซ้ายมากกว่าชาติไหนๆในโลกนะครับ (ผมเดาเอานะ) ปืนลูกซองของอเมริกา เช่นพวก Remington จะเป็นปืนที่พานท้ายตรง ไม่มี cast off ก็เรียกว่ายิงได้ทั้งคนถนัดซ้ายและคนถนัดขวาครับ ปืนกระบอกนี้ก็เช่นกันครับ American spec เลย   Monticarlo with no cast off โอ อย่าง นี้ จี ไอ ชอบบบบ
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #130 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 09:49:47 PM »




พออ่านออกนะครับ ITHACA - Newyork  Made in Italy

ปืนที่ถูกนำเข้าโดย Ithaca ในอเมริกาเรียกว่ารุ่น Comp 1  ก็ย่อมาจาก Competition 1 นั่นแหละครับ

ปืน Comp 1 รุ่นแรกๆพวกนี้ ถอดชุดลั่นไกได้นะครับ และก็ใช้สปริงนกสับแบบแหนบด้วย
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #131 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 09:51:43 PM »

ปืนตระกูล TM (มันย่อมาจากอะไรนะ) รุ่นที่สอง ออกขายในปี 1981 ครับ ชื่อว่า TMX

TMX มีจุดขายที่สะดุดตาที่สุดก็คือ rib สูงแบบสะพานข้ามแม่น้ำแควครับ สูงตั้ง 13.5 ม.ม.


บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #132 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 09:53:25 PM »



ปืนรุ่น TMX เปลี่ยนสปริงนกสับแบบแหนบ มาเป็นแบบสริงขดลวดแล้วครับ
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #133 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 10:03:54 PM »

เราดู receiver ของ Perazzi ไปสอง version ไปแล้ว มาดูรุ่นออกแบบมาให้อึดอีกรุ่นนึง

สืบเนื่องมาจาก สปริงแบบแหนบของ MX8 ซึ่งแม้นว่าจะสับได้เฉียบคม แต่แหนบก็คือแหนบครับ หักได้ และหักได้โดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า แต่จะว่าระบบแหนบมีจุดอ่อนซะทีเดียว ก็ไม่ค่อยจะ fair สักเท่าไหร่นะครับ แหนบใหม่ๆไม่หักส่งเดชนะครับ อ่านแล้วงง  สรุปว่าแหนบนกสับมีอายุการใช้งานนานพอสมควร นักยิงเป้าบินในอิตาลี ยิงอาทิตย์ละ 3 วัน ทุกอาทิตย์ จะเปลี่ยนแหนบปีละชุด โดยไม่รอให้หักเอง ถ้าแบบไทยๆเรา เราก็ยิงมันไปชุดเดียวนั่นแหละครับ แต่ว่าพอถึงวันแข่ง เราก็เปลี่ยนเอาชุดใหม่ๆมาใช้ พอแข่งเสร็จ ก็เปลี่ยนกลับ เอาชุดแข่งเก็บไว้แข่งอย่างเดียวครับ

ก็เรื่องแหนบหักนี่แหละครับ นักยิงเป้าบินในหลายประเทศบ่นเรื่องนี้ เพราะว่าไม่ค่อยจะมีอะไหล่เตรียมไว้ แหนบขาดแคลน พอแหนบหัก ปืนก็ยิงไม่ได้ ก็ขอบ่นหน่อยน่า อีกอย่างหนึ่ง Daniele เอง ก็อยากจะทำให้ปืน Perazzi มีต้นทุนต่ำลงไปอีกหน่อย อยากลงไปชกตลาดล่างบ้าง เลยมีความคิดที่จะทำปืน boxlock แบบธรรมดาๆออกขายบ้าง ก็ทำแบบถอดชุดลั่นไกไม่ได้ไงครับ 

ปี 1976 Daniele ผลิตปืนแฝดซ้อน แบบถอดชุดลั่นไกไม่ได้ออกขาย ตั้งชื่อรุ่นว่า MT6 MT ก็ย่อมาจาก Montreal ครับ Daniele บอกว่า ทำรุ่นนี้มาเพื่องาน Montreal Olympics เลย
ลักษณะที่เห็นเด่นชัดของ MT6 ก็คือ ตรง receiver มีแถบคาดสีเงินครับ



ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง ผมว่า Daniele ต้องเพี้ยนแน่ๆ ถอยหลังลงคลองนะ  MX8 หนะเปรียบเสมือนรถเบนซ์ จะมาทำรถ pick up ดีเซลขายทำไมก็ไม่รู้ มันไม่สมศักดิ์ศรีของปืนแข่งเลยครับ

Receiver แบบชาวบ้านทั่วไป Boxlock ธรรมดาๆ ทำขายได้เหมือนกันนะ  พอมาถึงปี 1987 Daniele ก็เปลี่ยนชื่อปืนรุ่นนี้ไปเป็น MX12 ครับ แต่ MX12 ไม่มีการคาดแถบสีเงินแล้วนะครับ   
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #134 เมื่อ: มกราคม 11, 2009, 10:13:44 PM »



เรามาต่อเรื่องปืน Perazzi MX12 กันสักนิดหน่อยนะครับ

MX12 ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1987 ครับ จนทุกวันนี้ ก็ยังอยู่ในสายการผลิตนะครับ MX12 เป็นปืนที่ปรับแต่งมาจาก MT6 นั่นแหละ แต่แทนที่จะแต่งตัวให้สวย กลับแต่งชุดลุยป่าออกมาแทน ค่าเสื้อผ้าเลยย่อมเยาลงแยะ

MX12 เป็นปืนยิงนกครับ ไม่ใช่ปืนแข่ง เลยไม่มีความจำเป็นต้องถอดชุดลั่นไกออกมาซ่อม ชุดนกสับใช้สปริงแบบขดเกลียว ดังนั้น ปืนรุ่นนี้ซึ่งเป็นปืนที่ไม่มีแหนบให้หัก หรือ เรียกว่า ยิงไปเถอะ ไม่มีอะไรเจ๊งแน่

ความที่ MX12 เป็นปืนยิงนก แนวกลุ่มกระสุนของทั้งสองลำกล้องจึงยิงไปที่จุดเดียวกันครับ อ่านแล้วอย่าเพิ่งงงนะ

มีความจริงอันหนึ่งที่น้อยคนจะรู้ เรื่องศาตร์ของการผลิตปืนลูกซองแฝดซ้อน โดยเฉพาะปืน trap การเข้าคู่ลำกล้องของ MX8 ปืนที่ถูกออกแบบมาเพื่อยิงเป้าบินประเภท trap โดยตรง ลำกล้องล่างจะถูกทำไว้ให้ยิงกินสูง ส่วนลำกล้องบน จะยิงตรงแนวเล็ง ที่เป็นดังนี้ ก็เพราะนก trap จะเป็นเป้าที่บินขึ้นสูงครับ เลยทำแนวลำกล้องล่างซึ่งยิงนัดแรก ให้ยิงกินสูงไว้ดักทางไงครับ

MX12 ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะครับ ทั้งสองลำกล้องยิงตรงแนวตาเป๊ะ

MX12 มีปุ่มเลือกลำกล้องเหมือนกันกับ MT6 อยากจะยิงลำก้องไหนก่อน ก็สามารถเลือกได้ตามความต้องการ อีกอย่างหนึ่ง ความที่มันเป็นปืนยิงนก ทางโรงงานเลยมีการทำลำกล้องแบบเปลี่ยนโช้คได้ออกมาด้วยครับ

แฮะๆ Daniele มีความสุขกับการปั้มปืนออกมาขายมากครับ ปืนแข่งอย่าง MX8 ก็ว่าขายดีแล้ว นี่ Daniele ยังหันมาจับตลาดนายพรานอีกด้วย สมแล้วที่เขาคิดว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก ผมไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไหร่นะครับ ว่า ในปี 1987 ซึ่งเป็นปีกำเนิดของ MX12 Mattarelli กำลังคิดอะไรอยู่ 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 8 [9] 10 11 12 ... 15
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.08 วินาที กับ 24 คำสั่ง