ขอ Reference ด้วยครับ...
เรื่องเข้าเกียร์ D ตอนติดไฟแดงนี่ผมเห็นคุณธเนศแนะนำให้เข้าไว้ตลอดครับ...
ถ้ารถติดไม่เกินนาที ผมจะเข้า D เอาไว้ ถ้าเกินนั้น ผมจะปลดไป N แล้วดึงเบรคมือครับ
นัยว่า ทุกครั้งที่เปลี่ยนจาก N ไป D จะมีการทำงานจับปล่อยของชุดครัทช์หลักในห้องเกียร์ การคา D เอาไว้ช่วยลดความถี่การเสียดสีของชุดผ้าครัทช์ ทำให้มีอายุการใช้งานยาวขึ้น เพราะการเปลี่ยนชุดผ้าครัชท์เกียร์ออโต ทำได้วิธีเดียวคือต้องผ่าเกียร์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง
จริงอยู่ที่ทุกครั้งเมื่อเกียร์เปลี่ยนขณะขับขี่ ชุดครัทช์อัตโนมัติก็ทำงานเช่นกัน แต่การเปลี่ยนเกียร์ขณะที่รถมีความเร็วแล้วนั้น การเสียดสีจะไม่รุนแรงเท่าเมื่อตอนเข้าเกียร์ขณะอยู่นิ่ง
นี่คือเหตุผลของผู้ขับขี่ที่นิยมเข้า D เอาไว้ แต่ผู้ขับขี่ที่ไม่เห็นด้วยก็จะมองไปที่ความปลอดภัย และความสะดวกสบายครับ
..ขอบคุณครับ..ถือปฎิบัติเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว..
..ข้อ 28 เมื่อก่อนเจอประจำ เปลี่ยน/ถ่ายน้ำหม้อน้ำเอง เติม Coolant ลงไปทีไร หม้อน้ำรั่วทุกที..
น้ำยาตัวนั้นมีคุณสมบัติกัดสนิมหรือเปล่าครับ สมัยก่อนเคยเจอผู้ใช้รถที่เอาน้ำยาล้างหม้อน้ำ,กัดสนิมเติมรถเพราะเข้าใจว่าเป็น Coolant ใช้ไปได้ไม่กี่เดือน หม้อน้ำรั่ว ท่อยางแตก ท่อทางเดินน้ำกร่อนหมด
สมัยนี้ Coolant มีหน้าที่โดยตรงคือ เพิ่มจุดเดือด ลดจุดเยือกแข็ง ป้องกันการเกิดสนิม .... แต่ไม่มีหน้าที่ล้างกัดสนิมหรือตะกรัน
มีอีกเรื่องที่สงสัย เวลาขับรถยนต์เดินทางไกลๆ ข้ามจังหวัดหลายๆจังหวัด แวะปั๊มข้างทางพักเหนื่อยล้างหน้าล้างตา ทำธุระห้องน้ำ
จำเป็นหรือไม่ต้องดับเครื่องยนต์ และเปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้ เพราะมีคนมาแนะนำว่า เวลาเดินทางไกลๆแวะปั๊มเข้าห้องน้ำทำธุระไม่ควรดับเครื่อง
ควรติดเครื่องอย่างนั้นไว้ เพราะหากดับเครื่องจะทำให้เคื่องยนต์มีความร้อนไม่สม่ำเสมอ และสูงขึ้นได้หากสตาทเครื่องใหม่
ขอความกระจ่างเรื่องนี้ด้วยครับ
ขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ก่อนจอดครับ ถ้าอัดๆมา ก็ควรติดเครื่องทิ้งไว้สักพักก่อนดับเครื่อง เพื่อให้ระบบหล่อเย็นทำงานลดจุดร้อนต่างๆที่เกิดจากการใช้รอบสูงก่อนมาจอด
ถ้าขับเรื่อยๆมาเรียงๆ หรือลดความเร็วมาสักระยะหนึ่งแล้ว ก็ดับเครื่องได้เลย
ขออนุญาต จขกท. เรียนถามผู้รู้ครับ...เนื่องจากผมเพิ่งใช้รถเป็นยังไม่ถึง 3 ปี เลยไค่อยรู้เรื่องรถ
รถผมกินยางหน้าข้างซ้าย...ด้านใน
ถามช่างที่รู้จักกันบอกว่า "ไม่เป็นไรแค่ลูกปืนล้อหลวม.." เดียวทำให้.. ทำให้ซักพักก็กลับมาเป็นอีก..
แต่ถามที่ศูนย์ซ่อมบอกว่า "ต้องเปลี่นลูกหมาก" ผมจะเซื่อใครดี ผมจะเอาเข้าศูนย์ดีมั้ยครับ...
เชื่อศูนย์ซิครับ ช่างเปลี่ยนลูกปืนล้อแล้วยังเป็นอีก ก็แสดงว่าไม่ใช่สาเหตุ.... ศูนย์รับประกันงานซ่อมให้ด้วย เป็นแบบเดิมอีกเราเคลมได้.....
.... เปลี่ยนลูกหมาก ตั้งศูนย์ล้อใหม่ น่าจะจบ..........
ขอบคุณครับพี่แขก
เหตุที่ลังเลก็เพาระช่างบอกว่า "เป็นแบบนี้และ..ไม่มีอะไรหรอก..." ไอ่เราก็ไม่กล้าเพิ่งใช้รถ
อาจเกิดได้จากทั้ง 2 สาเหตุครับ ลูกปืนล้อและลูกหมากที่ชำรุดก็ทำให้กินยางได้เช่นกัน ช่างคนแรกอาจตรวจเจอว่าเป็นที่ลูกปืนล้อ เลยไม่ตรวจสอบต่อ ว่ามีชุดอื่นชำรุดอีกหรือไม่
ผมติดนิสัยอีกอย่างคือ เมื่อกลับถึงบ้านจะเปิดฝากระโปรงรถไว้เพื่อระบายความร้อนครับ เป็นการยืดอายุท่อยาง สายไฟต่างๆที่อยู่ในห้องเครื่อง รวมทั้งช่วยยืดอายุแบตเตอรี่อีกด้วย...