เมื่อหลายปีก่อนนายคนนี้ก็พกพา M16 ไปกราดยิงสถานีตำรวจแถมจับตำรวจเป็นตัวประกันด้วยนะครับ แสดงว่าเป็นโดนสันดานแล้วอย่างนี้
มีเวปไซต์ของบริษัทที่นายคนนี้เปิด
http://www.interdetectivethai.com/index.php 
ลูกนายพลซ่าเจอ7ข้อหาหนักSource - เดลินิวส์ (Th)
Tuesday, July 01, 1997 08:45
14925 XTHAI XGEN XLOCAL V%PAPERL P%DND
กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--เดลินิวส์
ก่อคดีโฉ่รัวเอ็ม16 ยึดโรงพัก
แจ้ง7ข้อหาหนัก ลูกชายนายพลทหารบก "ธนะชาติ วิวัฒนชาติ"อดีตสามีเก่า"น้องอ้วน อารีวรรณ จตุทอง" อดีตรองนางสาวไทยปี 37
http://law-webservice.com/pa13.htm ผู้เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวทารุณภรรยา ครั้งนี้มาแนวใหม่บ้าระห่ำบุกจับ 2 นายตำรวจฝึกงานใช้ปืนเอ็ม16 เอ 2 จี้หัวถึงบน สน.พญาไท สาเหตุแค่ถูกยึดปืนกระบอกโปรดมาตรวจสอบเท่านั้่น ค้นรถ 2 คันรวด ตะลึงพบคลังแสงย่อยๆ ระบุปืนเอ็ม 16 เอ2 ติดเลเซอร์ มีใช้เฉพาะหน่วยรบพิเศษเท่านั้่น อ.ตร.กร้าวไม่สนใจเป็นลูกหลานใคร ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย แถมยังไม่ให้่ประกันตัว พ่อถึงเข่าอ่อน อ้อนวอนแต่ชวดอดประกันเช่นเดิม แพทย์นิติจิตเวช ยังไม่ยืนยันเป็นโรคจิตหรือไม่ ต้องตรวจสอบงอีกครั้ง ตำรวจคุมเข้มในห้องขังหวั่นฆ่าตัวตาย ผบ.สูงสุดบ่นปืนเอ็ม 16 เอ 2 เป็นของพ่อ ต้องดำเนินการ ไม่มีสิทธินำไปครอบครอง
เหตุการณ์ลูกชายนายพลผู้อื้อฉาวก่อเหตุระทึกใจอีกแล้วครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. ร.ต.ท.สมิง รอดรักษา หัวหน้าสายตรวจ สน.พญาไท รับแจ้งมีกลุ่มชายฉกรรจ์ พกพาอาวุธปืนอยู่ภายใน เดวี่ผับ บริเวณฮอลลีวูดสตรีท แหล่งบันเทิงแห่งใหญ่ในย่าน ถนนเพชรบุรี แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบนำกำลังไปปิดล้อมที่เกิดเหตุ จากนั้นเข้าตรวจค้นบรรดานักท่องราตรีที่เข้ามาเที่ยวภายในผับกว่า 50 คน แบบเรียงตัวสร้างความแตกตื่นโกลาหลให้บรรดานักท่องราตรีเป็นอย่างมาก
จากการตรวจค้นพบปืนขนาด 9 มม. ออโตเมติกจำนวน 2 กระบอก หมายเลขทะเบียน กท. 4006919 และ กท.607741 พร้อมแม็กกาซีน 3 อัน กระสุน 48 นัด และปืนขนาด .45 หมายเลขทะเบียน 4006929 พร้อมกระสุนอีก 25 นัด อยู่ในตัวนายปรัชญา แสงสว่าง อายุ 26 ปีและนายพิรพล นวลชัย อายุ 24 ปี จึงควบคุมตัวมาที่ สน.มอบให้ ร.ต.ท.วีระ เทศกล่ำ ร้อยเวรทำการสอบสวน ในระหว่างนั้นมีชายแต่งกายครึ่งท่อนขับรถอีซูซุโรดิโอสีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ก-7663 กรุงเทพมหานคร อ้างเป็นนายตำรวจกองปราบยศ ร.ต.ท. มาขอเคลียร์เรื่องโดยจะขอปืนขนาด 9 มม. ทะเบียน กท.4006919 คืนเพราะเป็นของตนเอง
แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมคืนปืนให้พร้อมคาดคั้นชายดังกล่าว จนทราบว่าเป็นนายคณิศร หรือธนะชาต วิวัฒนชาต อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/2 ซอยอารีย์สัมพันธ์ 7 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท ลูกชาย พล.ต.ปัญญา วิวัฒนชาต สังกัด บก.สส. และ รศ.สุรัชนา วิวัฒนชาต อดีตเป็นสามี อารีวรรณ จตุทอง หรือ น้องอ้วน อดีตรองนางสาวไทย ปี 2537 ที่เคยตกเป็นเรื่องข่าวอื้อฉาวฟ้องร้องกันมาแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอกุญแจรถดังกล่าวเพื่อทำการตรวจค้นอย่างละเอียดเนื่องจากเชื่อว่าอาจจะมีปืนซุกซ่อนอยู่อีกทำให้นาย ธนะชาต ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
จากการสอบสวนนายปรัชญา และนายพิรพล ให้การว่าเป็นลูกน้องของนายธนะชาต และก่อนถูกจับกุมเตรียมตัวไปถล่มกลุ่มของนาย จ๊อด ไม่ทราบนามสกุล นักเลงคุมบาร์เซโลนา ฝั่งตรงข้ามเดวี่ผับที่นายธนะชาต ดูแลอยู่ เนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา กลุ่มของนายจ๊อด พาพวกมารุมทำร้ายลูกน้องของนายธนะชาต เพราะแย่งลูกค้ากันเมื่อนายธนะชาต ทราบข่าวจึงหาทางแก้แค้นโดยให้นายปรัชญา พกปืนถึง 2 กระบอกหวังถล่มกลุ่มของนายจ๊อด ให้ราบคาบแต่ยังไม่ทันลงมือถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุและตรวจค้นพบปืนดังกล่าว หลังจากสอบสวนแล้วตั้งข้อหานายปรัชญา และนายพิรพล มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนนายธนะชาต นั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหาเนื่องจากไม่พบการกระทำผิดแต่อย่างใด จากนั้นนำนายปรัชญา แยกไปสอบสวนเพิ่มที่ สน.ดุสิต ส่วนนายพิรพล นั้นทำการสอบสวนปากคำต่อไป พร้อมกันนี้อนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ติดต่อญาติมายื่นขอประกันตัว ต่อมา พล.ต.ปัญญา พร้อมภรรยาเดินทางมาขอประกันตัวลูกน้องของนายธนะชาต โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการประกันตัว ระหว่างนั้นนายธนะชาต เริ่มมีอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดโดยกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะกลับบ้านขอกุญแจรถคืน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมเพราะยังไม่ได้ตรวจค้น ทำให้นายธนะชาต ไม่พอใจเป็นอย่างมากถึงขนาดหุนหันเดินไปนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านพักย่านซอยอารีย์สัมพันธ์ 7 ทันที
จนกระทั่งเวลา 05.00 น. เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อนายธนะชาต ขับรถเก๋งวอลโว่ รุ่น 960 สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน 6 ษ-5797 กรุงเทพมหานคร หลังคารถติดไฟไซเรนเข้ามาที่ สน.พญาไท อีกครั้ง ส่วนภายในห้องสอบสวนในระหว่างนั้นมี ร.ต.ท.วีระ แสงกล่ำ ร้อยเวร ว่าที่ ร.ต.ต.จำนงค์ ศรีคำวัง และว่าที่ ร.ต.ต.ธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ นายร้อยตำรวจฝึกงานนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ และทันทีที่นายธนะชาต ซึ่งยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเดินเข้ามาในห้องแล้วได้เอ่ยปากขอปืนของตัวเองคืนอีกครั้ง
แต่ทาง ร.ต.ท.วีระ ปฏิเสธโดยอธิบายให้ฟังว่า ขณะนี้ยังคืนปืนให้ไม่ได้ต้องรอให้เสร็จขั้นตอนเสียก่อน ทำให้นายธนะชาต แสดงอาการไม่พอใจเพิ่มมากขึ้นพร้อมกับกล่าวกับร้อยเวรว่า ขอตัวไปเอาของที่รถแป๊บหนึ่ง จากนั้นรีบจ้ำ อ้าวเดินไปที่รถเก๋งคันงามเข้ารื้อค้นสิ่งของในรถอยู่สักพักใหญ่แล้วย้อนกลับมาที่ห้องสอบสวนอีกครั้ง โดยมีสิ่งของซ่อนอยู่ในเสื้อแจ๊กเกตตุงไปหมดและไม่มีใครทราบหรือสงสัยว่าสิ่งที่ถูกซ่อนเร้นนั้นจะเป็นปืนชนิดร้ายแรง
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงกันอีกต่อไปนายธนชาต ล้วงปืน เอ็ม 16 แบบ เอ.2 ชนิดลำกล้องติดเลเซอร์ซึ่งเป็นปืนใช้เฉพาะหน่วยรบพิเศษของทางราชการที่ซุกซ่อนอยู่ในเสื้อแจ๊กเกตออกมารัวยิงเพดานห้องสอบสวนนับ 10 นัด จนเสียงดัง กึกก้อง 1 ชุด พร้อมตะโกนว่า ของจริงนะ ท่ามกลางความตื่นตกใจของร้อยเวรและนายร้อยตำรวจฝึกงานเป็นอย่างมาก ทาง ร.ต.ท.วีระ จึงเกลี้ยกล่อมให้นายธนะชาต วางปืนแต่ไม่เป็นผลจึงหลอกว่าจะเอาปืนมาให้แล้วรีบออกจากห้องไป ทางนายธนชาต ซึ่งมีอารมณ์เดือดจึงหันไปบังคับให้ว่าที่ ร.ต.ต.จำนงค์ และว่าที่ ร.ต.ต.ธนวัฒน์ มานั่งกลางห้องพร้อมใช้ปืนเอ็ม 16 เอ. 2 จี้ศีรษะเป็นตัวประกันไว้และพร้อมจะลั่นกระสุนใส่ได้ทุกเวลา
หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.วีระ จึงรายงานให้ทางผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมวิทยุขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.บางซื่อ ดุสิต มักกะสันและ สน.ดินแดง มาสมทบกว่า 100 นาย พร้อมอาวุธครบมือเข้าปิดล้อม สน.พญาไท ไว้เพราะเกรงว่านายธนชาต จะก่อเหตุรุนแรงยิ่งขึ้น ทำให้ประชาชนที่ผ่านไปมาไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรต่างพากันมามุงดูกันอย่างเนืองแน่นและเมื่อทราบข่าวต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำอย่างอุกอาจเย้ย กฎหมายบ้านเมืองถึงขนาดใช้ปืนจี้หัวนายตำรวจบน สน.กลางกรุง ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ ผบช.น.พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ นิลคูหา ผบก.สปพ.และพ.ต.อ.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พ.ต.อ. วรวิทย์ วัจจนะพุกกะ รอง ผบก.น.1 ทราบข่าวรีบเดินทางมาที่เกิดเหตุทันที
ด้าน พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ สั่งให้หน่วยจู่โจม หน่วยแม่นปืนและหน่วยวางระเบิดเครื่องกีดขวาง มาที่เกิดเหตุเข้าประจำจุดเพื่อรับรอคำสั่งจัดการขั้นเด็ดขาดหากนายธนะชาต ดื้อรั้นไม่ยอมปล่อยตัวประกัน และยิ่งสายมากเท่าใดยิ่งทำให้บริเวณหน้า สน.พญาไท เต็มไปด้วยบรรดาไทยมุงและบรรดาสื่อมวลชนทุกแขนง ในระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังสนั่นที่ห้องสอบสวนอีกครั้ง ทำให้บรรดาไทยมุงและสื่อมวลชนต่างกระโดดหมอบหลบกระสุนกันเป็นที่ชุลมุน จากการตรวจสอบพบว่านายธนะชาต ยิงเพื่อข่มขู่ไม่ให้ใครเข้าใกล้ห้องสอบสวนและข่มขู่ 2 ว่าที่นายตำรวจด้วยโดยยิงใส่กระจกหน้าต่างจนแตกกระจายเกลื่อน
จนกระทั่งเวลาผ่านพ้นไปเป็นเวลา 1 ชั่วโมงแล้วนายธนะชาต ยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยตัวประกันแต่อย่างใดยังคงใช้ปืนจ่อหัวอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน พล.ต.ปัญญา พร้อมภรรยา บิดามารดาของนายธนะชาต พยายามเข้าเกลี้ย กล่อมลูกชายให้วางปืนและมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่นายธนะชาต ยังดื้อรั้นไม่ยอมจำนนง่ายยังคงใช้ปืนจ่อหัว 2 นายตำรวจฝึกงานอยู่ตลอดเวลา พร้อมตะโกนออกมาว่า ตำรวจจับปืนผมแล้วไม่ยอมคืน เหตุการณ์ตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายบ้างเมื่อ พ.ต.อ.กฤษฎา และพล.ต.ปัญญา พร้อมภรรยาผลัดกันเกลี้ยกล่อมชี้ให้เห็นสิ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล แต่นายธนะชาต ยังไม่ยอมมอบตัวแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 07.00 น. นายธนะชาต ทนคำวิงวอนของผู้เป็นพ่อและแม่ไม่ไหวจึงยอมปล่อยตัววางปืนลงพร้อมกับมอบตัวกับตำรวจ โดยมี พ.ต.อ.กฤษฎา นำเข้าไปสอบสวนและขอตรวจค้นตัวนายธนะชาต เมื่อเปิดเสื้อแจ๊กเกตออกมาทาง พ.ต.อ.กฤษฎา ต้องถึงกับตะลึงเมื่อพบว่ายังมีแม็กกระสุนปืนเอ็ม 16 เต็มอัตราศึกรวม 7 แม็ก รวมทั้งหมด 178 นัด ซุกซ่อนอยู่อีก ทางเจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นของกลาง ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าขณะที่นายธนะชาตกำลังก่อเหตุจี้ตัวประกันอยู่นั้นได้มีว่าที่ ร.ต.ต.อำนาจ ไม่ทราบนามสกุลที่เพิ่งจะตื่นนอนได้ลงมาจากที่พักหลัง สน.พญาไท โดยไม่สังเกตว่ากำลังมีเหตุร้ายเดินตรงเข้าไปที่ห้องสอบสวนพอเห็นนายธนะชาต กำลังใช้ปืนจ่อหัวเพื่อนนักเรียนนายร้อยถึงกับตะลึงและรีบวิ่งหนีลงจากโรงพักอย่างรวดเร็วท่ามกลางความอกสั่นขวัญแขวนของบรรดากำลังตำรวจที่ยืนคุมเชิงอยู่รอบ ๆ โรงพัก
จากนั้น พล.ต.ท.โสภณ สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นรถของนายธนะชาต ทั้ง 2 คันแต่ทาง พล.ต.ปัญญา ยอมให้ตรวจค้นแต่รถอีซูซุโรดิโอเท่านั้น โดยไม่ยอมให้ตำรวจตรวจค้นรถเก๋งวอลโว่อย่างเด็ดขาดอ้างว่าเป็นรถของทางราชการทหารและตนเป็นคนขับมาเอง ทาง พล.ต.ท. โสภณ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทะเบียนและระหว่างนั้น พล.ต.ปัญญา สั่งให้ลูกน้องขับรถเก๋งวอลโว่หนีออกจาก สน.พญาไท ไปโดยที่ตำรวจไม่กล้าเข้าไปขัดขวาง เมื่อทาง พล.ต.ท.โสภณ ทราบดังนั้นถึงกับฉุนเฉียวขึ้นมาทันทีพร้อมกับสั่งให้เจ้าหน้าที่ออกสกัดจับรถคันดังกล่าวให้ได้
จนเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่จึงสามารถสกัดจับรถคันดังกล่าวเอาไว้ได้ เมื่อมาถึง สน. ทาง พล.ต.ท.โสภณ สั่งให้ตรวจค้นอย่างละเอียดโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้นสร้างความไม่พอใจให้กับ พล.ต.ปัญญาเป็นอย่างมาก ผลการตรวจค้นกระโปรงท้ายรถพบปืนขนาด .357 พร้อมกระสุน 14 นัด ดาบซามูไรยาว 1 เมตร 1 เล่ม และมีดพกสำหรับหน่วยปราบจลาจลอีก 1 เล่ม ส่วนรถอีซูซุโรดิโอพบปืนขนาด .45 มม. อีก 1 กระบอกพร้อมกระสุน 10 นัด กุญแจมือ 1 คู่ ถุงมือสีดำ 1 คู่ วิทยุรับ-ส่งยี่ห้อยาอีซุ 1 เครื่องและใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน 1 ใบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดไว้เป็นของกลาง
ต่อมาเวลา 07.10 น. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อ.ตร. พร้อมพล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รอง อ.ตร.เดินทางมาถึงเรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าหารือที่ห้องทำงานของ พ.ต.อ.บำรุงฤทธิ์ มหารักรัขกะ ผกก.สน. พญาไท เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด จากนั้น อ.ตร.พร้อมคณะเข้าไปสอบสวนนายธนะชาต ด้วยตัวเองโดยมี พล.ต.ปัญญา ผู้เป็นบิดาคอยนั่งฟังการสอบสวนอยู่ข้าง ๆ ทั้งนี้ใช้เวลาในการสอบสวนประมาณ 30 นาที ซึ่งระหว่างนั้น พล.ต.ปัญญา ขอประกันตัวลูกชาย แต่ทาง อ.ตร. ได้ปฏิเสธเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นถือว่ารุนแรงมากอีกทั้งอาวุธปืนที่นำมาใช้ยังเป็นอาวุธร้ายแรง
เมื่อทราบดังนั้น พล.ต.ปัญญา ถึงหน้าซีดเพราะสงสารลูกที่มีสิทธิ์ติดคุกถึงกับนั่งคุกเข่ายกมือพนมขอร้องแต่ทาง อ.ตร.ยังยืนยันในคำพูดเดิมพร้อมกับเดินทางกลับทันที ส่วนนายธนะชาต นั้นยังไม่สำนึกทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนแถมยังนั่งไขว่ห้างดูพ่อตัวเองขอร้องอย่างไม่สะทกสะท้าน สำหรับรถเก๋งวอลโล่นั้นตรวจสอบในภายหลังแล้วพบว่าเป็นของนายธนะชาตเอง ไม่ใช่ของ พล.ต.ปัญญา ตามที่อ้างแต่อย่างใด ซึ่งรถคันนี้จะเป็นรถที่มีเพียบพร้อมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาวุธหรืออุปกรณ์การสื่อสารรวมทั้งไซเรนรถที่ติดอยู่บนหลังคารถด้วย
ด้านว่าที่ ร.ต.ต.ธนวัฒน์ นายร้อยตำรวจฝึกงาน เปิดเผยหลังเจอเหตุการณ์ระทึกใจด้วยอาการตื่นเต้นว่า นายธนะชาต ได้บังคับให้ว่าที่ ร.ต.ต.จำนง นั่งหันหลังให้กับตัวนายธนะชาต ส่วนตนจะถูกนายธนะชาต ใช้ปืน เอ็ม 16 คอยจี้อยู่ตลอดเวลาปากพร่ำอยู่ตลอดเวลาว่า ผมไม่ทำร้ายใคร ถ้าไม่มีการขัดขืนและขอปืนผมคืน ซึ่งตลอดเวลานายธนะชาต จะมีอาการเครียดอยู่ตลอดเวลา ยิ่งมองไปข้างนอกเห็นกลุ่มตำรวจรายล้อมยิ่งทำให้นายธนะชาต มีอาการเครียดจัดถึงกับยิงปืนใส่กระจกหน้าต่างอีกชุด ผมรอดตายหนนี้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เพราะตลอดเวลานายธนะชาต จะใช้นิ้วแตะที่ไกปืนตลอด ถ้าเผลอกระดิกนิ้วเพียงนิดเดียวผมตายทันที ร.ต.ต. ธนวัฒน์กล่าวด้วยความตื่นเต้น
สำหรับปืนที่นายธนะชาตถูกจับในผับนั้นเป็นปืนขนาด 9 มม. ราคาประมาณ 8 หมื่นบาทเป็นปืนที่นายธนะชาต รักและหวงแหนมากซึ่งปืนขนิดนี้สามารถยิงใต้น้ำได้จะมีใช้เฉพาะหน่วยปราบปรามพิเศษเท่านั้น ขณะเดียวกัน พ.ต.อ. วิวัฒน์ วรรธนะวิบูลย์ ผกก.สส.น.1 พร้อมกำลังเดินทางไปตรวจค้นที่บ้านพักของนายธนะชาต ในซอยอารีย์สัมพันธ์ 7 โดยนำตัวนายปรัชญา ลูกน้องของนายธนะชาต เดินทางไปด้วยและจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบเอกสารเกี่ยวกับการซื้อปืนและใบพกจำนวน 10 ใบและในจำนวนนี้เป็นปืนของนายธนะชาต ถึง 9 กระบอก และของ พล.ต. ปัญญา แค่กระบอกเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบปืนลูกซองยาวอีก 1 กระบอก ทางเจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ตรวจสอบทั้งหมด
ทางด้าน พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รอง อ.ตร.เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรงเพราะผู้ต้องหาใช้อาวุธสงครามและสถานที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ราชการ ทางเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมายและจากการสอบสวนผู้ต้องหาคือนายธนะชาต ยังให้การปฏิเสธ ส่วนข้อหานั้นต้องรอทางพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเสียก่อน ส่วน พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ ผบช.น.กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องดำเนินการไปตามตัวบทกฎหมาย ส่วนอาวุธปืนทั้งหมดนั้นจะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นของใครบ้างแต่ในเบื้องต้นทางผู้บังคับบัญชายังไม่ให้ประกันตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ขณะรายงานข่าวนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำนายธนะชาต อยู่ที่ห้องสอบสวนใน สน.พญาไท และจากการสังเกตพบว่านายธนะชาต ยังทำตัวแบบสบาย ๆ ตามเดิมโดยทางตำรวจไม่ได้ใส่กุญแจมือแต่อย่างใดแถมยังนั่งจิบกาแฟให้การกับตำรวจด้วย จากการเปิดเผยของผู้ใกล้ชิดกับ พล.ต. ปัญญา ทราบว่า นายธนะชาตนั้นเป็นคนชอบเล่นปืนมากและมักจะมีอาการคลุ้มคลั่ง ก่อนหน้านั้นทาง พล.ต.ปัญญา จะนำตัวไปให้รักษาที่ รพ.โรคจิตแต่นายธนะชาต ไม่ยอมแถมยังใช้ปืนไล่ ยิง พล.ต.ปัญญากับคนในบ้านจนวิ่งหนีกระเจิงมาแล้วด้วย
ต่อมาเวลา 11.00 น. การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น โดยนายธนะชาตเริ่มมีอาการหงุดหงิดอีกครั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องนำก๋วยเตี๋ยวและน้ำมาให้รับประทานแล้วนายธนะชาต ขอตัวเข้าห้องน้ำระหว่างทางกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 29 มิ.ย. แขกที่มาเที่ยวที่ร้านเมาเหล้าแล้วทะเลาะกัน ลูกน้องของตนเข้าไปห้ามกลับถูกทำร้ายและเมื่อมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่รับแจ้ง ตนจึงต้องเรียกหาความเป็นธรรมให้กับลูกน้องเอง ส่วนปืนหลายกระบอกที่พบนั้นนายธนะชาต อ้างว่าต้องใช้คุ้มกันธุรกิจเพราะบางคืนต้องนำเงินที่เป็นรายได้จากร้านกลับบ้าน สำหรับเรื่องปืนเอ็ม 16 เอ. 2 นั้นไม่ขอตอบในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานมาอีกว่าสำหรับข้อหาที่แจ้งนายธนะชาต รวม 7 ข้อหาคือ 1.พยายามฆ่าเจ้าพนักงานหรือผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีหรือใช้อาวุธปืน 2.ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการหรือยอมทำสิ่งใดโดยให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายโดยมีอาวุธปืน 3.หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย 4.ทำให้เสียทรัพย์ 5.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 6.พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและโดยไม่มีเหตุอันควร 7.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหรือหมู่บ้านที่ชุมนุมชน
สอนลูกให้เสียคนโดยแท้ 
