เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 18, 2024, 03:44:21 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ลูก"เถียง"พ่อแม่...แก้อย่างไร  (อ่าน 4153 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2009, 08:00:25 PM »





พ่อแม่จะรู้สึกอย่างไรหากวันหนึ่งลูกที่เราคอยเลี้ยงดูมาขึ้นเสียงเถียงเราโดยที่ไม่ฟังเสียงใคร?!!
       
       ปัญหาหนึ่งเมื่อลูกเริ่มที่จะมีความคิดเป็นของตัวเอง เริ่มโตพอที่จะรู้จักตัดสินใจในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
พ่อแม่หลายคนจึงอาจเจอปัญหาที่คล้ายๆกันในเรื่องของพฤติกรรมของลูก โดยเฉพาะคำพูดของลูกที่อาจดูก้าวร้าว
และดูเหมือนว่า ความเข้าใจระหว่างพ่อแม่และลูกจะหายากกว่าที่ผ่านมา แต่ทว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้าในขณะที่ลูกกำลังเสียงดังใส่พ่อแม่นั้น
พ่อแม่ได้โต้ตอบกลับมาในน้ำเสียงที่ดังไม่แพ้กัน
       
       ในเรื่องนี้ พญ.สุธิรา ริ้วเหลือง จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น และ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์
สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์กล่าวว่า "เมื่อลูกเริ่มโตพอที่จะมีความคิดเป็นของตัวเอง
อาจมีบางครั้งที่เขาเริ่มไม่ยอมทำตามที่พ่อแม่บอก และมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องเสมอไป
ดังนั้นความเข้าใจระหว่างพ่อแม่และลูกอาจถูกบั่นทอนลงไปได้ ซึ่งไม่มีครอบครัวไหนอยากให้ลูกโตมาเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง
ยึดตัวเองเป็นหลักโดยที่ไม่ฟังเสียงใคร แต่การที่ลูกเริ่มที่จะเถียงพ่อแม่นั้นได้เป็นสัญญาณที่บอกว่าเขามีความคิด มีเหตุผล
ดังนั้นพ่อแม่ควรจะคำนึงไว้ว่า ลูกเริ่มมีความคิดที่เป็นของตัวเองแล้ว ลูกไม่ใช่เด็กๆที่เราจะบอกอะไรแล้วเขาจะทำตามทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อเด็กมีเหตุผลร่วมกับอารมณ์"

 
 
 
 
       "สิ่งที่พ่อแม่ควรทำอย่างแรกคือต้องเข้าใจเขาก่อนว่า สิ่งที่ลูกเป็นนั้นคือพัฒนาการของเขาที่เริ่มมองตัวเองเป็นหลัก
เด็กวัยนี้จะคิดว่าเขาถูกต้องเสมอ เราต้องรับฟังเขาก่อน โดยที่ให้เขาชี้แจงว่าทำไมถึงคิดอย่างนั้น พ่อแม่และลูกต้องแชร์กันเช่น
หากลูกเถียงว่า ของเล่นชิ้นนี้เป็นของเขา เขาซื้อมาเอง เราต้องถามว่า เอาเงินทีไหนไปซื้อ เราต้องถามถึงสาเหตุและให้เขาพูดอย่างมีเหตุผล
หรือถ้าหากเขาไม่ทำการบ้าน แต่บอกว่าทำแล้ว เราต้องบอกลูกว่าอย่าเถียงพ่อแม่ เพราะมันไม่ดี ถ้าทำการบ้านแล้วให้เอามาให้พ่อแม่ดูด้วย
เราต้องเชื่อก่อนแล้วหลักฐานค่อยตามมา เราไม่ต้องต่อว่า ถ้าทำการบ้านไม่เสร็จ ก็บอกว่าไม่เสร็จ หาทางออกให้เขาใจเย็น
ในขณะที่พ่อแม่ก็ต้องอดทนและเข้าใจพฤติกรรมของลูกด้วย ซึ่งหากผู้ใหญ่เริ่มต้นด้วยความเข้าใจ รับฟัง มีเหตุผล เด็กก็จะเถียงน้อยลง
แต่ถ้าเราบังคับ ใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกไม่ควร เด็กก็จะไม่ยอม ถ้าพ่อแม่เสียงดัง เมื่อลูกโตขึ้น มีอิสระ เขาก็จะทำกับพ่อแม่เช่นนั้นเหมือนกัน" พญ.สุธิราแนะ
       
       อย่างไรก็ดี เมื่อการถกเถียงมักมีอารมณ์เข้ามาด้วยเสมอ ถ้าลูกเสียงดังพ่อแม่ต้องมีสัญญาณเตือน ไม่ว่าจะเป็นคำพูด น้ำเสียง
เพราะพ่อแม่ต้องจัดการอารมณ์ของลูกให้ได้ก่อน มิเช่นนั้นเขาก็จะไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น แต่หากในทางธรรมแล้ว
ปัญหาการถกเถียงของลูกนั้นแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุตได้ให้คำแนะนำว่า
       
       "เวลาที่เราถกเถียงกันคุณแม่ขุ่นมัวหรือเปล่าคะ ถ้าคุณแม่ไม่ขุ่นมัวการถกเถียงนั้นก็เป็นโอกาสให้เด็ก ๆ กับเราได้มีโอกาสเรียนรู้ร่วมกัน
แต่ถ้าเผื่อว่าคุณแม่ขุ่นมัวคราวนี้มันเป็นการขัดแย้งแล้ว ลูกจะเอาอย่าง แม่จะเอาอย่าง เวลาที่เราขุ่นมัวเพราะกิเลสเข้าครอบงำ
การขัดแย้งจะไม่มีใครได้เรียนรู้เลย ขอให้เรารักษาใจในฐานะที่เป็นแม่ ที่จะสอนให้ลูกรู้โดยการปฏิบัติของเราว่าการแสดงความคิดเห็นด้วยการพูดนั้น
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำได้ แต่ขอให้เคารพกันด้วยการทำหน้าที่ที่จะรักษาใจของเราในขณะแสดงความคิดเห็นนั้นอย่าให้มีกิเลสเข้าครอบงำ
การฝึกให้มีโอกาสพูดคุยกันนั้นเด็ก ๆ จะกล้าหาญมากขึ้นและถ้าเผื่อจะให้จิตสำนึกที่เขาจะรู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรในเวลาไหนและ
การใช้โอกาสแห่งการพูดนั้นจะทำให้คนไม่ทุกข์ยากได้อย่างไร คราวนี้ลูกของเราจะเก่งขึ้นจากโอกาสที่คุณแม่ให้
ขอให้คุณแม่รักษาใจของคุณแม่อย่าให้มีกิเลสเข้าครอบงำในขณะที่เรากำลังแสดงความคิดเห็นกับลูกเอาไว้
นั่นเป็นโอกาสที่ดีที่ลูกจะได้เรียนรู้ว่าความสงบเย็นของจิตนั้นการถกเถียงจะเป็นประโยชน์ไม่ใช่การขัดแย้งเพราะมีกิเลสเข้าครอบงำ
ขอให้มีความสุขกับการที่ได้แสดงความคิดเห็น"
       
       สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนแนวทางปฏิบัติที่พ่อแม่ควรตระหนักก่อนที่ความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างพ่อแม่และลูก
จะถูกบั่นทอนทุกวันๆเพียงเพราะคำพูดที่ไม่เข้าใจกัน ดังนั้นหากเราหันหน้ามาคุยกันอยู่บนเหตุผลก็คงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกคน
ในขณะที่ลูกๆเองก็ไม่ควรลืมว่า การที่ลูกขึ้นเสียงกับพ่อแม่ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรนั้นนับเป็นการสร้างบาปโดยปริยาย
 
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2009, 08:07:21 PM »


       พ่อแม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมในปัจจุบันด้วยครับ   

       หากยึดถือเรื่องเก่าโบราณคร่ำครึก ก็เข้ากันไม่ได้   พ่อแม่ยุคเก่าเล่นเน็ตไม่เป็น เห็นคอมฯเป็นเรื่องน่ารังเกียจ

       การแต่งกายตามสมัยนิยมเป็นเรื่องน่าระแวง ฯลฯ ........ บุพการีต้องปรับต้องให้เข้ายุคด้วยครับจึงเกิดช่องว่าง

       ของปัญหาน้อยลง ...... ผมอยู่ในพวก  ปัจฉิมวัย  แต่พยายามศีกษาหาแนวทางจนลูกๆรับได้ มีอะไรเราสามารถ

       ติดต่อสื่อสารและแก้ไขปัญหาได้ตลอดเวลา โดยไม่ยึดถือความคิดเก่าๆมาเป็นบรรทัดฐาน แค่นี้ก็สร้างความสุข

       ได้ในระดับหนึ่ง  ............. แต่ถ้าถามว่าตามทันได้แค่ไหน ตอบได้เลยว่า ไม่มากนักหรอก ทำใจครับ ทำใจ

บันทึกการเข้า

                
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2009, 08:57:20 PM »

   
            อยากให้ลูกรัก   หลงรัก หลงรัก  ...... ต้องห่างลูกให้มากที่สุด    จูบบบบ จูบบบบ
บันทึกการเข้า

                
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2009, 09:18:43 PM »

   
            อยากให้ลูกรัก   หลงรัก หลงรัก  ...... ต้องห่างลูกให้มากที่สุด    จูบบบบ จูบบบบ

ต้องห่างลูกหรอครับ  ไม่ใช่ใกล้ชิดลูกหรอ  Huh
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2009, 09:24:58 PM »


       อยู่ที่วัยครับ       ปฐมวัย ก็ต้องใกล้ชิดอบรมบ่มนิสัย  โตมาหน่อยก็ห่างนิดๆแบบแสดงความไว้วางใจเขา

       แต่ก็อยู่ในสายตาตลอด  อบรมสั่งสอนกันอีกแบบหนึ่ง  การชิดมากเกินไปทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด หาว่าเราระแวง

       ไม่ไว้ใจ  ........ เด็กคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว  ดูแลตัวเองได้  ยิ่งชิดมากเด็กก็จะถอยห่างไปเรื่อยๆ

บันทึกการเข้า

                
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2009, 09:29:26 PM »


          ในทางกลับกัน  หากเราแสดงว่าห่างเพราะไว้ใจเขา  แต่ก็เกริ่นว่าหากมีปัญหาให้มาปรึกษาได้ทุกกรณี

          พ่อแม่ก็จะได้รับความไว้วางใจมากขึ้น เพราะเป็นการให้เกียรติลูก  แต่หากลูกมีปัญหาก็กล้าเข้ามาขอคำแนะนำ




          ส่วนบรรดาพ่อแม่ที่คิดว่าลูกยังเด็ก แถมโง่ไม่ทันโลก ลูกก็จะมีแนวคิดเป็นปฎิปักษ์ ตอบโต้ตลอดเวลา

          พ่อแม่ น่าจะรู้ดีว่าลูกตัวเองเป็นคนแบบไหน  ....... สำหรับผมแล้วการไว้ใจลูกทำให้ลูกสบายใจและเข้าหาตลอด

บันทึกการเข้า

                
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2009, 09:35:10 PM »

ขอบคุณครับ น้า ปู  ไหว้
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« ตอบ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2009, 10:13:11 PM »

....แต่เมื่อก่อนก็เคยเป็นครับสมัยวัยรุ่น ไหว้
บันทึกการเข้า
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2009, 12:37:24 AM »

ลูกสาวคนโตของผมเพิ่ง3ขวบครึ่งครับ เลยยังไม่มีปัญหาอะไร

แต่3ขวบก็มีความคิด/การตัดสินใจประสา3ขวบ....ก็ต้องฟังกัน อย่างมากผมก็ใช้วิธีอ้อนเอา น๊า.....ทำอันนั้นน๊า ไม่ทำอันนี้น๊า......ก็ได้ผลดีทุกครั้ง อันไหนที่เป็นเรื่องถูก/ผิดแกรู้อยู่แล้ว ถ้าดื้อแพ่งนักก็จ้องเอาทีนึง อันไหนที่เป็นเรื่องของทางเลือกก็ต่อรองกันไป  Cheesy

อยากให้ลูกฟังเรา เราก็ต้องพยายามฟังแกด้วย สำคัญมากคือถ้าอยากให้ลูกเชื่อเรา เราต้องซื่อสัตย์กับลูก ต้องรักษาสัญญาอย่างยิ่งยวด ต้องไม่ผิดนัด ต้องไม่ผิดคำพูด ต้องไม่หลอกเด็กเด็ดขาด....เด็กๆเค้า"จำ"ครับ  Wink
บันทึกการเข้า
ป้อมทอง พรานชุมไพร
ดับบาป ด้วยบุญปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 780
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6885


นรชาติวางวาย สถิตย์ไว้ แต่ความดีประดับไว้โลกา


« ตอบ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2009, 01:09:53 AM »

แก้ได้ด้วย   เหตุผล

ลูกจะมีความคิดและภาวะวิสัย    เมื่อเริ่มเป็นวัยรุ่น    ปัญหาของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน

ลองปรับวิธีแก้ไข   ปรึกษาเพื่อน พี่   ที่ใกล้ชิด    อย่ามองข้ามปัญหา   อย่าคิดว่าตนเองถูกเสมอไป
บันทึกการเข้า

รักกันไว้เถอะ  เราเกิดร่วมแดนไทย   จะเกิดภาคไหนๆ    ก็ไทยด้วยกัน      
เชื้อสายประเพณีไม่มีขีดคั่น        เกิดเป็นไทยนั้นปวงชนทุกคนคือไทย
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2009, 07:41:27 AM »

            อยากให้ลูกรัก   หลงรัก หลงรัก  ...... ต้องห่างลูกให้มากที่สุด    จูบบบบ จูบบบบ

       อยู่ที่วัยครับ       ปฐมวัย ก็ต้องใกล้ชิดอบรมบ่มนิสัย  โตมาหน่อยก็ห่างนิดๆแบบแสดงความไว้วางใจเขา

       แต่ก็อยู่ในสายตาตลอด  อบรมสั่งสอนกันอีกแบบหนึ่ง  การชิดมากเกินไปทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด หาว่าเราระแวง

       ไม่ไว้ใจ  ........ เด็กคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว  ดูแลตัวเองได้  ยิ่งชิดมากเด็กก็จะถอยห่างไปเรื่อยๆ

          ในทางกลับกัน  หากเราแสดงว่าห่างเพราะไว้ใจเขา  แต่ก็เกริ่นว่าหากมีปัญหาให้มาปรึกษาได้ทุกกรณี

          พ่อแม่ก็จะได้รับความไว้วางใจมากขึ้น เพราะเป็นการให้เกียรติลูก  แต่หากลูกมีปัญหาก็กล้าเข้ามาขอคำแนะนำ

          ส่วนบรรดาพ่อแม่ที่คิดว่าลูกยังเด็ก แถมโง่ไม่ทันโลก ลูกก็จะมีแนวคิดเป็นปฎิปักษ์ ตอบโต้ตลอดเวลา

          พ่อแม่ น่าจะรู้ดีว่าลูกตัวเองเป็นคนแบบไหน  ....... สำหรับผมแล้วการไว้ใจลูกทำให้ลูกสบายใจและเข้าหาตลอด

 Grin เป็นจริงอย่างที่พี่ปูบอกทุกประการ Grin
บันทึกการเข้า

cobra-รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 86
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 557


36003


« ตอบ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2009, 09:12:53 AM »

จริงครับ เด็กสมัยนี้เลี้ยงยากครับ อาจจะเป็นเพราะในปัจจุบันเรามีความเข้าใจในตัวเด็กมากขึ้น การเลี้ยงดูลูกเลยแตกต่างจากสมัย่อนที่พ่อแม่เราเลี้ยงดูเรา ทุกวันนี้ต้องหาหนังสือเกี่ยวกับเด็กมาอ่านให้มากๆ เพื่อที่จะสามารถพูดคุยกับลูกได้ ลูกผมตอนนี้ อยู่ในวัยที่เรื่มมีความคิดเป็นของตัวเอง จนดูเหมือนกับว่า เขาดื้อมากครับ เวลาคุยกับลูกบางครั้งต้องพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เพื่อที่จะได้คุยกับเขารู้เรื่อง ลำบากจริงๆครับ
บันทึกการเข้า



Uploaded with ImageShack.us
ลานดาว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 327
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2420


เขาเสียคนที่รักเขามากที่สุด เราเสียคนที่ไม่รักเรา


« ตอบ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2009, 11:50:54 AM »


ตามทฤษฎี ......
พฤติกรรมเด็กที่เปลี่ยนแปลงแล้วน่ากลัว และต้องติดตามอย่างใกล้ชิด มีประมาณ 3 ช่วง
คือ เด็กที่กำลังขึ้น ม. 2  อีกช่วงก็คือ ม.5  และเด็กมหา'ลัย ก็ปี 2 ขึ้นปี 3
เป็นช่วงที่เพื่อนๆ และสิ่งแวดล้อม นำพาได้มากที่สุด
บันทึกการเข้า

ถ้าตกอยู่ใต้อำนาจกิเลส ตัญหา  สติปัญญาและความรู้ความสามารถที่มีก็ไร้ค่า  ความคิดอ่านทั้งหมดจะถูกนำมาใช้สนับสนุนความหลงผิด หน้ามืด ตามัว  ถ้าตั้งใจให้สัตย์ปฏิญาณกับตนเองอย่างแข็งแรงไว้ คือเป็นตายอย่างไรจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์  เราก็จะไม่มีวันสร้างเหตุแห่งความเดือดร้อนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นในภายหลัง
phot99
Full Member
***

คะแนน 22
ออฟไลน์

กระทู้: 182


« ตอบ #13 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2009, 04:26:51 PM »

สมัยผมเป็นเด็กเขาแก้กันด้วยไม้เรียว..
สมัยนี้แก้ยากขั้นตอนมันเยอะครับ
บันทึกการเข้า
บ่าวอู๋
เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย...!
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 294
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3466


« ตอบ #14 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2009, 04:32:09 PM »

เคยเจอแต่ลูกชาวบ้าน...พูดมาก...สนทนาไม่ยอมหยุด... คิก คิก
บันทึกการเข้า

หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.088 วินาที กับ 22 คำสั่ง