SAAB AB สวีเดนเสนอเรือดำน้ำแบบ A26 ให้กองทัพเรือไทยบริษัท Saab ประเทศสวีเดน เข้ามาบรรยายข้อมูลเรือดำน้ำชั้น A-26 เมื่อ 2 เม.ย.58 โดยมี พล.ร.ท.ไพฑูรย์ ประสพสิน
รองเสนาธิการทหารเรือ เป็นประธานเข้ารับฟัง
ที่มา Page กองเรือดำน้ำ
https://www.facebook.com/222887361082619/photos/a.646128485425169.1073741837.222887361082619/878976835473665/?type=1https://www.facebook.com/pages/Submarine-Squadron-กองเรือดำน้ำ-กองเรือยุทธการ/222887361082619
SAAB AB สวีเดนนับเป็นบริษัทแรกในเดือนเมษายนที่มาบรรยายเสนอข้อมูลเรือดำน้ำแบบ A26 ให้กองทัพเรือไทยรับทราบ
ก็เป็นที่น่าสนใจว่ารัฐบาลสวีเดนเองเพิ่งจะอนุมัติการจัดหาเรือดำน้ำ A26 จำนวน ๒ ลำ วงเงินโครงการไม่เกิน SEK8.2 billion
หรือราว $943 millionหลังจากที่ SAAB AB ซื้ออู่ Kockums คืนจากเครือ TKMS เยอรมนีและซื้อตัววิศวกรทางเรือสวีเดน
มาทำงานให้ SAAB ที่ในปี 2014 นั้นรัฐบาลสวีเดนได้เคยสั่งยกเลิกโครงการจัดหาเรือดำน้ำ A26 ไป แต่ก็มีการตั้งโครงการ
ใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นไปตามแผนปรับปรุงกำลังเรือดำน้ำกองทัพเรือสวีเดนที่ต้องการจัดหาเรือดำน้ำใหม่แทนเรือแบบ A17
ชั้น Sodermanland ๒ลำที่จะปลดประจำการในอนาคตอันใกล้ โดยกองทัพเรือสวีเดนจะได้รับมอบเรือดำน้ำ A26 ครบทั้ง
๒ ลำ ภายในปี 2022
http://www.saabgroup.com/en/Naval/Kockums-Naval-Solutions/Submarines/Kockums-Next-Generation-Submarine/เรือดำน้ำแบบ A26 นั้นเป็นเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าที่ออกแบบมาสำหรับการปฏิบัติการในเขตน่านน้ำชายฝั่งซึ่งเป็นสภาพภูมิศาสตร์
ของอ่าว Baltic สวีเดนที่มีความลึกไม่มากนัก เรือดำน้ำแบบ A26 ถูกออกแบบให้เป็นเรือดำน้ำยุคอนาคตที่มีความสมบัติตรวจจับ
ได้ยากมากสูงทั้งขณะลอยลำเหนือผิวน้ำและดำอยู่ใต้น้ำ ทั้งนี้เรือดำน้ำแบบ A26 ยังถูกออกแบบให้มีความอ่อนตัวต่อภารกิจ
หลายรูปแบบ เช่น การลาดตระเวนตรวจการณ์ทางทะเล ทำสงครามทุ่นระเบิด โจมตีเรือข้าศึก และสนับสนุนหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
รวมถึงขีดความสามารถในการเชื่อมโยงเครือข่าย Data Link Network Centric ที่มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมระบบ
อำนวยการรบที่ล้ำยุค ตัวเรือซ่อมบำรุงง่ายและมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการตลอดอายุการใช้งานต่ำ ระบบอาวุธหลักของเรือดำน้ำ
A26 ประกอบไปด้วยท่อ Torpedo จำนวน ๔ท่อยิงสำหรับ Torpedo ขนาด 53cm, Torpedo ขนาด 40cm และทุ่นระเบิด ซึ่งเรือดำน้ำ
A26 สามารถติดตั้ง Torpedo หนักได้สูงสุดมากกว่า ๑๕ นัด พร้อมส่วน Multimission Portal ที่สามรถติดตั้งระบบเสริมต่างๆ ตาม
ความต้องการภารกิจได้ เช่น ติดตั้งยานใต้น้ำ UUV/ROV หรือสนับสนุนหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ หรือเป็นคลัง Torpedo หรือ
ทุ่นระเบิดเสริม โดยเรือดำน้ำแบบ A26 นั้นติดตั้งระบบ Stirling AIP ที่มีความก้าวหน้าสูงซึ่งจะช่วยเพิ่มระยะเวลาในการปฏิบัติ
ใด้มากขึ้น และปลอดภัยต่อแรงสั่นสะเทือนจากการระเบิดใต้น้ำ เรือดำน้ำแบบ A26 มีระวางขับน้ำที่ผิวน้ำประมาณ 1,800 tons
ขณะดำประมาณ 1,900 tons ตัวเรือยาว 62 m ดำน้ำได้ลึกสุดมากกว่า 200 m ทำความเร็วได้สูงสุดเมื่อใช้ Snorkel มากกว่า
12 knots เมื่อใช้ Stirling AIP มากกว่า 6 knots ระยะเวลาปฏิบัติการสูงสุด ๔๕ วัน กำลังพลประจำเรือ ๒๖ นาย
อย่างไรก็ตามเรือดำน้ำแบบ A26 นั้นมีข้อเสียเปรียบถ้าเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ที่มานำเสนอแบบเรือของตนให้กองทัพเรือรับทราบ
ตรงที่ยังเป็นแบบเรือที่อยู่ระหว่างการออกแบบยังไม่ได้ต่อขึ้นมาจริงในขณะนี้ อีกทั้งสวีเดนยังได้ทิ้งช่วงการต่อเรือดำน้ำเอง
ในประเทศไปนานนับตั้งแต่ต่อเรือดำน้ำแบบ A19 ชั้น Gotland ๓ลำในช่วงปี 1990s เป็นต้นมา ทำให้ถูกมองว่าขาดประสบการณ์
ด้านการต่อเรือดำน้ำไป ซึ่งเหตุผลนี้เองทำให้กองทัพเรือออสเตรเลียปฏิเสธแบบเรือ Type 612 ขนาด 4,000 tons ที่พัฒนาจาก
เรือแบบ A26 ในโครงการจัดหาเรือดำน้ำทดแทนเรือชั้น Collins โดยให้ความสนใจ Technology เรือชั้น Soryu ของญี่ปุ่น
ถ้ากองทัพเรือไทยสนใจแบบเรือดำน้ำ A26 ของ SAAB AB สวีเดนจริงก็คงจะต้องรอจนราวหลังปี 2020 เป็นต้นไปที่เรือดำน้ำ
ลำแรกของกองทัพเรือสวีเดนจะสร้างเสร็จเข้าประจำการ ซึ่งถ้ากองทัพเรือไทยจะมีการจัดตั้งโครงการจัดหาเรือดำน้ำและ
พิจารณาเลือกแบบเรือภายในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๙ แล้ว การเลือกแบบเรือ A26 อาจจะต้องใช้เวลาจัดหาและรับมอบเรือ
นานกว่าการเลือกเรือแบบอื่นอยู่บ้าง
แต่โดยความเห็นส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งการเลือกแบบเรือดำน้ำนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะเลือกแบบเรือที่เข้ากับ
ระบบการฝึกกำลังพลที่กองเรือดำน้ำจัดตั้งมาได้จะดีกว่า โดยเรือดำน้ำจากเยอรมนีซึ่งกองเรือดำน้ำก็ใช้ระบบฝึกจำลองเรือดำน้ำ
ของเยอรมันอยู่หรือเรือดำน้ำสวีเดนก็เป็นระบบมีมาตรฐานสูงได้รับการพิสูจน์ในการฝึกซ้อมร่วมนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง
หรือเรือดำน้ำเกาหลีใต้ที่กองทัพเรือส่งกำลังพลไปศึกษาก็เช่นกัน และน่าจะเข้าระบบฝึกพื้นฐานของกองทัพเรือได้มากกว่า
เรือดำน้ำรัสเซียที่กองทัพเรือไทยไม่มีความคุ้นเคยกับระบบอาวุธทางเรือรัสเซียเลย หรือเรือดำน้ำจีนที่แทบจะไม่มีประเทศใด
จัดหาไปใช้งานนักด้วย
แต่ก็นั่นละว่าตอนนี้โครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือไทยยังไม่ได้มีการตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเลย จึงยังเร็วเกินไปที่จะ
กล่าวถึงความชัดเจนของเรือดำน้ำในขณะนี้ ทางกองทัพเรือคงไม่ได้รีบมากในการพิจารณาการจัดตั้งโครงการและเลือก
แบบเรือครับ แต่ถ้าช้าเกินไปก็ไม่ดี เพราะ ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย ก็ปลดประจำการไปตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘
ที่ผ่านมาและ ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ก็จะปลดตามไปในอนาคตอันใกล้ ทำให้กองทัพเรือขาดประสิทธิภาพในการปราบ
เรือดำน้ำลงไปอีกพอสมควร ถ้ากองทัพเรือไทยจัดหาเรือดำน้ำได้ช้าเกินไปมากเท่าไร ความมั่นคงของชาติทางทะเลของไทย
ก็ตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้นครับ
http://aagth1.blogspot.com/2015/04/saab-ab-a26.html