อิเหนาซื้อ 2 ลำเรือดำน้ำ Kilo รัสเซีย เรือใหม่ป้ายแดงแบบเวียดนามศึกษาและพิจารณากันมาข้ามปี กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียประกาศการตัดสินใจในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อเรือดำน้ำ
ชั้นคิโล (Kilo-Class) ของรัสเซีย แบบเดียวกันกับเวียดนาม โดยประธานาธิบดีวิโดโด ให้นโยบายใหม่ซื้อเรือใหม่
มือหนึ่ง ได้จำนวนน้อยกว่า แต่ก็ดีกว่าซื้อเรือเก่าเหลาเหย่จำนวนมากๆ เพราะฉะน้้นล็อตแรก ก็จึงซื้อได้เพียง 2 ลำ
จากโครงการจัดหา 5 ปี รวมอย่างน้อย 12 ลำ. -- ITAR-TASS/Yuri Smityuk.ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียได้เปิดเผย ผลสรุปเกี่ยวกับการจัดหารือดำน้ำ
สำหรับกองทัพเรือ โดยได้ตัดสินใจซื้อเรือชั้นคิโล (Kilo-Class) จากรัสเซีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้ กล่าวว่า แผนการ
ได้รับอนุมัติจากประธานาธิบดีโจโก วิโดโด แล้ว การประกาศเรื่องนี้ยังมีขึ้นขณะที่คณะทหารระดับสูงกำลังจะพบเจรจา
กับคณะผู้แทนฝ่ายรัสเซียเกี่ยวกับการจัดหาเครื่องบินรบ Su-35 เทคโนโลยีสูง ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า อาจจะมีจำนวน
4-6 ลำในล็อตแรก
พล.อ.รีอามิซาร์ดี รีอาคูดู ได้ยืนยันต่อผู้สื่อข่าวหลังประชุมลับกับบรรดาสมาชิกรัฐสภาจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 21 ก.ย.
ประธานาธิบดีวิโดโด ได้ให้นโยบายใหม่ว่า "ซื้อเรือใหม่ 5 ลำ ดีกว่าซื้อเรือที่ใช้แล้ว 10 ลำ" และยังเปิดเผยอีกว่า รัสเซีย
ก็เป็นประเทศหนึ่งในเป้าหมายของการจัดหา เรือดำน้ำรัสเซียสามารถปฏิบัติการใต้น้ำได้ดีกว่า ยาวนานกว่า ยังแล่นใน
ระดับน้ำตื้นได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับเรือที่สร้างในประเทศอื่นๆ
ทั้งสื่อในอินโดนีเซีย และสื่อทางการรัสเซีย รวมทั้งสำนักข่าวทาสส์ (ITAR-TASS) ต่างรายงานเรื่องนี้ในวันรุ่งขึ้น
หนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์ รายงานเมื่อวันที่ 22 ก.ย. อ้าง พล.ร.ต.เอ็ม ไซนุดดิน โฆษกกองทัพเรือที่ระบุว่า กองทัพได้
พิจารณาจัดหาเรือชั้นคิโล จำนวน 2 ลำ ในชั้นแรกนี้ ซึ่งเป็นไปภายใต้โครงการ 5 ปี ที่ประกาศมาก่อนหน้านี้ การตัดสินใจ
ซื้อเรือทั้ง 2 ลำจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ และ ในขณะนี้กำลังรอการติดต่อเจรจาอย่างเป็นทางการจากฝ่ายรัสเซีย
เมื่อปีที่แล้ว กองทัพเรืออินโดนีเซียได้พิจารณาข้อเสนอของรัสเซียที่เสนอขายเรือดำน้ำชั้นคิโลใช้แล้ว จำนวน 10 ลำ
รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและพลังงานรัสเซีย นายเดนิส มานตูรอฟ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวทาสส์ ระหว่างไปเยือนกรุงจาการ์ตา
เดือน ต.ค.ปีที่แล้วว่า อินโดนีเซียกำลังพิจารณาจัดซื้อเรือดำน้ำชั้นวาร์ชาฟยันกา (Varsharvyanka) หรือ โครงการ 636
ซึ่งหมายถึงเรือชั้นคิโลรุ่นปรับปรุงนั่นเอง
การตัดสินใจซื้อครั้งนี้ ทำให้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่สอง ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีเรือดำน้ำดีเซล-มอเตอร์
ไฟฟ้าคุณภาพเยี่ยมของรัสเซีย ที่ผ่านการทดสอบและพัฒนามาเป็นเวลานาน ถัดจากเวียดนาม ที่เซ็นซื้อ 6 ลำ ในเดือน
ธ.ค.2552 ถึงปัจจุบันได้รับแล้ว 4 ลำ สองลำสุดท้ายมีกำหนดส่งมอบทั้งหมดภายในปี 2559
อินโดนีเซียมีเรือดำน้ำประจำการมาก่อนใครๆ ในย่านนี้ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันใช้เรือดำน้ำรุ่นเก่าที่
ซื้อจากเยอรมนี จำนวน 2 ลำ และเมื่อปี 2555 ได้สั่งซื้อเรือสกุลเยอรมัน ที่ต่อในเกาหลี จำนวน 3 ลำ หากนับรวมกับ
เรือคิโลรัสเซียอีก 2 ลำ ก็จะเป็น 7 แต่ก็ยังห่างไกลจากความต้องการ
เรือชั้นชางโบโก (Chang Bogo) ของเกาหลี มีกำหนดส่งมอบระหว่างปี 2558-2559 แต่ได้เลื่อนออกไปเป็นปี 2560
ในขณะเดียวกัน ก็มีกำหนดจะปลดระวางเรือแบบ 209 หรือ Type 209 ซึ่งก็คือเรือชั้นจักรา (Cakra-Class) ทั้ง 2 ลำ
ในปี 2563 หลังใช้งานมาตั้งแต่ปี 2524
เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า เมื่อปีที่แล้วทางการอินโดนีเซียได้ประกาศแผนการจัดหาเรือดำน้ำอย่างน้อย 12 ลำในระยะ
5 ปี และได้มีการพิจาณาทั้งเรือชางโบโก เรือชั้นอามูร์ (Amur-Class) จากรัสเซีย เรือแบบ 214 (Type 214) จากเยอรมนี
กับเรือคิโล ซึ่งจำเป็นสำหรับภารกิจในการรักษาน่านน้ำที่กว้างใหญ่กับหมู่เกาะที่อยู่หางไกลจากเมืองหลวงออกไป
มีความสลับซับซ้อนทั้งทางด้านการเมือง และด้านภูมิรัฐศาสตร์
ถึงแม้อาจจะมีเรือดำน้ำ 5-7 ลำในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับในช่วงทศวรรษที่ 1960-1970 ที่กองทัพเรือ
อินโดนีเซีย เคยเป็นมหาอำนาจใต้ผิวน้ำในย่านนี้อย่างแท้จริง เคยมีเรือชั้นวิสกี (Whiskey-Class) ที่ซื้อจาก
สหภาพโซเวียตถึง 12 ลำ แต่ได้ทยอยปลดระวางประจำการ จนกระทั่งลำสุดท้ายเมื่อปี 2529
อินโดนีเซีย ไม่ใช่ลูกค้าแปลกหน้าสำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์ค่ายโซเวียต/รัสเซีย กองทัพบกอินโดนีเซีย ใช้ปืน AK-47
เป็นปืนเล็กยาวกึ่งอนามัติประจำกายกำลังพลนับหมื่นๆ มาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น รวมทั้งยานหุ้มเกราะอีกจำนวนหนึ่ง
ปัจุบันกองทัพอากาศยังมีเครื่องบินรบ Su-30 ที่ซื้อจากรัสเซีย ใช้งานอยู่กว่า 10 ลำ และเพิ่งประกาศเมื่อไม่นานมานี้
เกี่ยวกับการตัดสินใจซื้อ Su-35 จำนวน 16 ลำ โดยการจัดซื้ออย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามฐานะทางการเงินของประเทศ
เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเปิดเผยต่อสื่อเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การเจรจาในขั้นต้นกับฝ่ายรัสเซียกำลังจะมีขึ้นภายในเดือนนี้
สำหรับการเจรจาซื้อขายกันในเดือน ต.ค. ซึ่งจะทำให้อินโดนีเซียเป็นลูกค้าต่างประเทศรายแรก ของ เครื่องบินรบ
ยุคที่ 4++ สมรรถนะสูงที่มีการประยุกต์เทคโนโลยีเครื่องบินรบยุคที่ 5 เข้าไปด้วยจำนวนหนึ่ง.
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9580000108716