สำนักข่าวซินหัวบทวิเคราะห์:ความโชคร้ายของสหรัฐฯในการท้าทายอำนาจของจีนอย่าง ผิดที่ผิดเวลาเมื่อไม่นานมานี้เกมของสหรัฐฯที่ใช้ปัญหาทะเลจีนใต้มาปิดล้อมจีนนั้นดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะมีคน
บางคนในสหรัฐอเมริกาที่อยากเห็นจีนต้องเผชิญกับปัญหาด้านความมั่นคงจากการท้าทายของประเทศที่อยู่รอบๆจีน
ซึ่งความคิดอันร้ายกาจนี้ยังมีจุดประสงค์อื่นที่มากกว่านี้
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯและออสเตรเลียได้มีจัดการประชุม
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและกระทรวงต่างประเทศในการประชุม 2+2 ก็ได้มีคำประกาศที่แข็งกร้าวมากยิ่งขึ้นโดย
กล่าวว่า สหรัฐฯจะบินผ่านน่านฟ้าและเดินเรือผ่านน่าน้ำใดใดก็ตามที่ไม่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
และจากการรายงานของสื่อสหรัฐฯ ทหารเรือสหรัฐฯหลายคนได้แย้มข้อมูลว่ากองทัพเรือสหรัฐฯกำลังเตรียมที่จะส่งเรือ
เข้าไปในพื้นที่ที่ห่างจากบริเวณที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือแนวปะการังแห่งหนึ่งในหมู่เกาะสแปรตลี่ในทะเลจีนใต้ไม่เกิน
12 ไมล์ทะเล ซึ่งการเดินหมากครั้งนี้อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้เพราะ รอแค่การอนุมัติจากรัฐบาลโอบามาเพียงเท่านั้น
พลเอก แฮร์รี แฮร์ริส ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯกล่าวกับสื่อว่าสหรัฐฯกำลังจะแสดงให้จีนเห็นว่าสหรัฐฯไม่ยอมรับ
การสร้างเกาะเทียมใหม่ของจีนในทะเลจีนใต้
อันดับแรกคำกล่าวของสหรัฐฯที่บอกว่าจีนได้ถมเกาะเทียมขึ้นมาใหม่นั้นไม่มีหลักฐานรองรับ เพราะสิ่งที่จีนกำลังทำอยู่คือ
ขยายพื้นที่เพิ่มไปบนแนวปะการังเดิมที่พ้นน้ำขึ้นมาโดยการก่อสร้างของจีนนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงลักษณะตามธรรมชาติ
ที่มีอยู่ดั้งเดิมของเกาะดังนั้นการที่บอกว่าจีนสร้างเกาะขึ้นมาใหม่จึงไม่สมเหตุสมผล
อันดับที่สอง แผนการที่สหรัฐฯจะเดินเรือเข้ามาในบริเวณห่างจากเกาะไม่เกิน 12 ไมล์ทะเลนั้นมีจุดประสงค์ที่ซับซ้อน
มากกว่านั้น โดยมีผู้วิจารณ์ว่าการเข้ามามีส่วนร่วมในทะเลจีนใต้นั้นไม่ใช่จุดประสงค์หลักของสหรัฐฯแต่เป็นเพียงแค่
จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะจริงๆแล้วสิ่งที่สหรัฐฯต้องการคือหนุนกลยุทธ์การถ่วงดุลอำนาจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
การกระทำครั้งนี้ของสหรัฐฯในทางหนึ่งคือต้องการทำให้จีนลำบาก ทำให้จีนหาทางออกไม่ได้ อีกทางหนึ่งก็เป็นการแสดง
อำนาจของสหรัฐฯว่าสหรัฐฯยังคงมีตำแหน่งเป็นพี่ใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ ลิ่วล้อทั้งหลายในภูมิภาคยังคง
เชื่อฟังคำพูดของสหรัฐฯ
หากมองในระยะยาว คนของสหรัฐฯที่อยากจะปราบจีนด้วยอาวุธนั้นต้องการเห็นจีนเดินหมากผิดในการรับมือกับการยั่วยุ
ครั้งนี้และทำให้จีนมีปัญหาด้านความมั่นคงจน"เอาตัวไม่รอด" ซึ่งนี่คือการขัดขวางการผงาดขึ้นทางเศรษฐกิจของจีน
แถมยังมีประเทศบางประเทศแถวๆนี้ที่เชียร์แผนการนี้ของสหรัฐฯเพราะไม่หวังดีต่อจีนเช่นกัน แต่ทว่าจริงๆแล้วเรื่องมัน
ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น
"สรรพสิ่งบนโลกล้วนแต่รู้จักยับยั้งชั่งใจตนเอง" เมื่อมองสถาณการณ์โลกในปัจจุบัน รวมถึงแนวโน้มการพัฒนาของจีน
แล้วความโชคร้ายของสหรัฐฯในการท้าทายอำนาจจีนก็คือมันเกิดขึ้นอย่างผิดที่ผิดเวลา
เมื่อมองจากสภาพแวดล้อมทั่วโลกแล้ว สหรัฐฯเป็นประเทศที่มีอิทธิพลในด้านกลยุทธ์ของทั่วโลกมาโดยตลอด แต่ทว่า
ไม่กี่ปีมานี้กลายเป็นผู้ที่ไร้ซึ่งเหตุผล ทั้งพัวพันวุ่ยวายกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งยังกัดทะเลจีนใต้ไม่ปล่อย และกลยุทธ์
แบบนี้สุดท้ายก็จะทำให้ตนเองเสียผลประโยชน์ที่มีในภูมิภาคอื่นๆทั่วโลก ซึ่งกล่าวได้ว่าได้ไม่คุ้มเสีย ดังจะเห็นได้จาก
หลังจากที่รัสเซียได้มีปฏิบัติการโจมตีกลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย แต่สหรัฐฯกลับไม่ได้มีมาตรการหรือกลยุทธ์ใดๆที่มี
ประสิทธิภาพเลย
และถ้าหากสหรัฐฯยังคงยืนหยัดที่จะทำเช่นนี้ต่อไป แนวโน้มการพัฒนาของสถานการณ์จะพิสูจน์ให้เห็นว่ากลยุทธ์ที่
ขาดการคิดไตร่ตรองนี้จะอยู่ได้อีกไม่นานเพราะสุดท้ายก็จะพัง
ตั้งแต่ที่จีนเริ่มพัฒนาขึ้นมา คนในสหรัฐฯบางกลุ่มก็ได้สร้างวิกฤติและอุปสรรคต่างๆให้จีนมาแล้วหลายครั้ง แต่จีนก็สามารถ
ข้ามผ่านมันมาได้ และครั้งนี้จีนก็คงไม่ยอมให้การพยายาม ขัดขาจีนในปัญหาทะเลจีนใต้ของสหรัฐฯกลายมาเป็น
สิ่งกีดขวางบนเส้นทางการพัฒนาของจีนเช่นกัน ดังนั้นสหรัฐฯควรจะคิดใคร่ครวญให้ดีก่อนที่จะทำอะไรลงไป
(ผู้เขียน ซ่าว จิ้น / บรรณาธิการ เฉิน จิ้ง / Xinhua Internationalรายงาน)