เกาหลีใต้อาจจะศึกษาความจำเป็นในการมีเรือดำน้ำนิวเคลียร์
ประจำการเพื่อรับมือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือSS-072 ROKS Son Won-il, a Type 214 submarine and CVN-68 USS Nimitz at Busan Naval Base, Republic of Korea.
(wikipedia.org)
Nuclear-powered sub review necessary for national security: JCS chief
Joint Chiefs of Staff Chairman Gen. Lee Sun-jin (Yonhap)
http://english.yonhapnews.co.kr/search1/2603000000.html?cid=AEN20161007010000315พลเอก Lee Sun-Jin ประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพสาธารณรัฐเกาหลีได้กล่าวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า
มีความจำเป็นที่เกาหลีใต้จะต้องศึกษาความเป็นได้ในพัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของตนเองเข้าประจำการ
ในกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติจากภัยคุกคามของกองทัพประชาชนแห่งสาธารณ
รัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี "มันมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษา(การสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์) ร่วมไปกับ
การตัดสินใจของระบบสาธารณูปโภคกองทัพ, ขีดความสามารถทางเทคโนโลยี, เงินทุน และแนวโน้มของประเทศ
เพื่อนบ้าน" นายพล Lee กล่าวระหว่างการตรวจสอบตามปกติที่จัดขึ้นที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์สามารถดำและซ่อนตัวใต้น้ำได้นานตราบเท่าที่เรือยังมีมีเชื้อเพลิงและเสบียงสำหรับ
กำลังพลประจำเรือเพียงพอ ซึ่งทำให้ยากต่อการถูกติดตามถ้าเทียบกับเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าตามแบบที่ต้องขึ้นมาผิวน้ำ
เพื่อเดินเครื่องยนต์ดีเซลในการประจุไฟฟ้า Battery ดังนั้นเรือดำน้ำนิวเคลียร์จึงสามารถนำไปใช้ในภารกิจลาดตระเวน
รอบฐานทัพเรือดำน้ำของกองทัพเรือประชาชนเกาหลีโดยที่ไม่สามารถถูกตรวจจับได้ และจะติดตามสะกดรอยเรือดำน้ำ
ติดขีปนาวุธยิงจากเรือดำน้ำ(SLBM: submarine-Launched Ballistic Missile)ของเกาหลีเหนือ และถ้าจำเป็นต้องทำ
เรือดำน้ำนิวเคลียร์กองทัพเรือเกาหลีใต้ก็จะสามารถยิงจมเรือดำน้ำติดขีปนาวุธเกาหลีเหนือก่อนที่จะสามารถยิงขีปนาวุธ
โจมตีเป้าหมายได้
อย่างไรก็ตามนายพล Lee กล่าวว่ากองทัพเกาหลีใต้ยังไม่ตัดสินใจการศึกษาการพัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์อย่าง
เป็นทางการในตอนนี้ โดยประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพเกาหลีใต้กล่าวว่าเขายังต้องมีการหารือเรื่องนี้กับกระทรวง
กลาโหมสาธารณรัฐเกาหลีต่อไป ขณะเดียวกันกระแสของภาคสังคมและกลุ่มการเมืองในเกาหลีใต้ที่เรียกร้องให้รัฐบาล
เกาหลีใต้จัดหาเรือดำน้ำนิวเคลียร์ปฏิบัติการในลักษณะเดียวกับกองทัพเรือสหราชอาณาจักรและกองทัพเรือฝรั่งเศสก็มี
เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการรับมือภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือที่เพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น โดยเกาหลีเหนืออ้างความ
สำเร็จในการทดสอบยิงขีปนาวุธ SLBM ในระยะทาง 500 km เมื่อ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา และกำลังจะมีการยิงจรวดส่ง
ดาวเทียมและทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งใหม่ในเร็วๆนี้ นั่นทำให้เกาหลีใต้และประเทศพันธมิตรเช่นสหรัฐฯได้หารือร่วมกัน
ในการพิจารณความเป็นไปได้ในการโจมตีก่อนต่อโรงงานอาวุธนิวเคลียร์และฐานยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ เพื่อทำลาย
ภัยคุมคามถ้ามีแนวโน้มว่าจะเป็นภัยต่อประชาชนเกาหลีใต้ครับ
http://aagth1.blogspot.com/2016/10/blog-post_12.html?m=0