เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าล้อมจับกลุ่มพรานเมืองกรุง ตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าวันหยุดกลางป่าทับลาน-เขาใหญ่ เขตป่ามรดกโลก รวบได้ 2 เป็นอาจารย์โรงเรียนดังใน กทม. อีก 3 แหวกวงล้อมหนีได้หวุดหวิด พบเจ้าของรถออฟโรดเป็นจ่าทหารม้า ค่ายสุรนารี ยึดของกลางอื้อ ทั้งไก่ป่า เลียงผา สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ ส่วนที่อุทยานน้ำหนาวพบซากกระทิงหนัก 500 กก.ถูกพรานไล่ล่าจนจมปลักตาย ระดมเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย ตามล่าพราน
แม้ จะมีกฎหมายจัดการกับผู้ลักลอบล่าสัตว์ป่าในพื้นที่ป่าสงวนอย่างเข้มงวด แต่ก็ยังพบผู้ฝ่าฝืนอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ นายสำเนา ขอร่วมกลาง อายุ 50 ปี หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลานที่ 11 (ไทยสามัคคี) พร้อมกำลัง ได้เข้าควบคุมตัวนายสุขะชัย ศุภศิริ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/233 ถนนพุทธมณฑล แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. และนายศินพ บุตรเนียน อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ประชานุกูล 3 ซอย 1 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. สองผู้ต้องหา ที่ร่วมกันล่าสัตว์ป่าสงวนในเขตมรดกโลกทับลาน-เขาใหญ่ พร้อมของกลางเป็นซากสัตว์ป่า และอาวุธปืน เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง มาให้ พ.ต.ท.พันธมิตร ชาติมนตรี พนักงานสอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีของกลางเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิด คือ รถปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นดีโฟร์ดี สีน้ำเงิน เลขทะเบียน บล 48 นครราชสีมา โดยให้เจ้าหน้าที่ลงบันทึกตรวจยึดไว้เพื่อติดตามตัวผู้ครอบครองรถต่อไป
นาย สำเนากล่าวว่า ชาวบ้านในเขต อบต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว ซึ่งเป็นสายข่าวอาสาสมัครพิทักษ์ป่า แจ้งว่า พบเห็นกลุ่มนายพรานนอกพื้นที่ลักลอบเข้ามาล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ ทับลาน-เขาใหญ่ มรดกโลกแห่งที่ 5 โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งกลุ่มนายพรานจะถือโอกาสตั้งเต็นท์พักค้างคืนกันกลางป่า ตนพร้อมพวกที่เป็นลูกจ้างงานพิทักษ์ป่า จึงต้องจัดเวรยามออกลาดตระเวนกันอย่างเข้มงวด
ขณะที่เดินเท้า ผ่านบริเวณพื้นที่ป่าโป่งเกต (แปลงปลูกป่าทดแทน) เขตบ้านซับพู หมู่ 16 ต.อุดมทรัพย์ แนวรอยต่อ อ.ครบุรี-อ.วังน้ำเขียว ในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พบรถกระบะของกลางที่ตรวจยึดได้ จอดอยู่บนเส้นทางแนวกันไฟกลางป่า จึงกระจายกำลังไว้โดยรอบ เพื่อรอดูความเคลื่อนไหว จนพบชายฉกรรจ์ 5 คน เดินมาที่รถยนต์ที่จอดไว้ ซึ่งทั้งหมดได้ช่วยกันหาบถุงปุ๋ย 2 ถุง โดยใช้วิธีหาบคานไม้ไผ่ และมีคนยืนถือปืนคุ้มกันไว้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่ชายฉกรรจ์ทั้งหมดเห็นท่าไม่ดีรีบทิ้งสิ่งของ พร้อมแยกย้ายวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการเดินป่า และรู้เส้นทางดี ไล่ตามจนสามารถจับกุมได้ 2 คน
ส่วนอีก 3 คน ฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ไปได้หวุดหวิด โดยชายฉกรรจ์ 2 คน ที่เจ้าหน้าที่จับได้กลางป่า ได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่หน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติที่ 11 (ไทยสามัคคี) และนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นาย สำเนากล่าวว่า ของกลางที่ยึดได้ในกระบะหลังรถเป็นซากไก่ป่า และเครื่องกระสุนปืน ส่วนถุงปุ๋ย ด้านในเป็นซากเลียงผา สัตว์ป่าสงวน 1 ใน 15 ที่ใกล้สูญพันธุ์ มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่สีข้าง เบื้องต้นตรวจสอบเป็นเลียงผา เพศผู้ น้ำหนัก 48 กก. นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเลขทะเบียนรถของกลาง ตามเอกสารระบุชื่อผู้ครอบครองคือ จ.ส.อ.สมเกียรติ เขียนกระโทก อายุ 48 ปี ทหารสังกัดกองพันทหารม้าที่ 8 (ม.พัน.
กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี
จากการสอบสวนผู้ต้องทั้งสอง ยังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการลักลอบล่าสัตว์ป่าแต่อย่างใด แต่ได้มาเที่ยวตากอากาศกับเพื่อน แล้วถูกชักชวนมาในป่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น นายสุขะชัย ศุภศิริ หนึ่งในผู้ต้องหา เป็นอาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย แต่นายสุขะชัยยังไม่ยอมรับ โดยอ้างว่าเป็นชาวบ้านธรรมดา ส่วนคนร้ายที่สามารถหลบหนีไปได้ เมื่อเทียบเคียงกับภาพถ่ายแล้ว ยืนยันว่าเป็น จ.ส.อ.สมเกียรติ เจ้าของรถที่ตรวจยึดได้กลางป่า ซึ่งจะประสานต้นสังกัดให้มารับทราบข้อกล่าวหาเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ป่าทับลาน-เขาใหญ่ เป็นหนึ่งในพื้นที่ของป่าในเขต 4 อุทยานแห่งชาติ และ 1 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติตาพระยา อุทยานแห่งชาติปางสีดา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ โดยคณะกรรมการมรดกโลกแห่งองค์การยูเนสโก เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 ในชื่อ "ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่"
ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ กินพื้นที่ใน 6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และบุรีรัมย์ มีพื้นที่รวมทั้งสิ้นราว 3,874,863 ไร่ หรือ 6,155 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นมรดกโลกแหล่งที่ 5 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติอันดับที่ 2 ของประเทศไทยต่อจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง เป็นผืนป่ารอยต่อของที่ราบลุ่มภาคกลาง กับที่ราบสูงโคราช เป็นถิ่นอาศัยสำคัญของสัตว์ป่าหายากมากมาย เช่น ช้างป่า เสือโคร่ง กระทิง วัวแดง และนกเงือก
ส่วนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว พบซากกระทิงป่าถูกพรานยิงตายอีกราย โดยเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ได้เข้ากู้ซากกระทิงเพศผู้ น้ำหนักตัวประมาณ 500 กก. ที่ถูกกลุ่มพรานป่ายิงได้รับบาดเจ็บ แล้ววิ่งหนีมาซุกตัวอยู่ในปลักโคลนจนตาย ในบริเวณป่าห้วยปลามัน เขต ต.ช่างตะลูด อ.หล่มสัก ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง กับอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่มาพบตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งระหว่างวางกำลังซุ่มดูกลุ่มนายพรานจะเข้าไปชำแหละซากกระทิง แต่กลุ่มนายพรานไหวตัวทัน ทิ้งซากกระทิงจนเน่า โดยเจ้าหน้าที่ได้นำซากส่วนที่เป็นเขากลับมาเก็บรักษายังที่ทำการอุทยานแห่ง ชาติน้ำหนาว และกระจายกำลังร่วม 100 นาย ติดตามจับกุมกลุ่มพรานป่าอาชีพที่ลักลอบเข้ามาล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่ง ชาติน้ำหนาวต่อไป
นายธรรมศักดิ์ พิทักษ์จารุพรรณ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง กล่าวว่า ได้สนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และเจ้าหน้าที่ส่วนป้องกันทรัพยากรสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 ประมาณ 100 นาย เพื่อตรวจและลาดตระเวนไล่ล่าพรานป่ากลุ่มนี้แล้ว และได้นำความเข้าแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านกลาง อ.หล่มสัก เพื่อร่วมกันสืบหาตัวกลุ่มพรานป่ามาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
นายธรรม ศักดิ์กล่าวต่อว่า ในการออกหาข่าวของเจ้าหน้าที่ป่าไม้พอทราบเบาะแส และแหล่งของพรานป่ากลุ่มนี้แล้ว จากการตรวจสอบทางลึกยังพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของป่าไม้ที่ทำหน้าที่เขตติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผา แดง ที่ขึ้นตรงกับหน่วยป้องกันรักษาป่า มีส่วนรู้เห็นกับการล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวด้วย ซึ่งได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชาดำเนินการแล้ว นอกจากนี้การทำงานระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ก็ยังขาดความร่วมมือที่จะปกป้องรักษาป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้น ในรอบ 1 ปี จึงพบว่ามีสัตว์ป่าจำนวนมากถูกล่าเอาเนื้อมาขายส่งให้แก่ร้านอาหารป่าที่มี อยู่เป็นจำนวนมากใน เขต อ.หล่มสัก และ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
นาย กำธร เสวีวัลลภ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว กล่าวว่า จากการตรวจสอบซากกระทิงพบว่า มีร่องรอยถูกยิงที่หน้าขาด้านขวา และวิ่งเตลิดมาตายในปลักข้างลำห้วย กระทั่งถูกสัตว์ล่าเนื้อมาฉีกกินเป็นอาหาร ทำให้ตรวจสอบไม่ได้ว่าพรานป่าใช้อาวุธปืนชนิดไหน ส่วนการไล่ล่าพรานป่าคงลำบาก เพราะป่าน้ำหนาวมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก อย่างไรก็ตาม กระทิงป่าที่ถูกยิงตายนั้นเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่หายาก และเป็นครั้งแรกที่พบว่ามีกระทิงป่าถูกล่าในป่าบริเวณนี้
หัวหน้า อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวกล่าวด้วยว่า ผืนป่าโซนนี้ประกอบไปด้วยป่าน้ำหนาว เชื่อมต่อกับป่าภูเขียว และป่าตาดหมอก โดยเรียกว่ากลุ่มป่าภูเขียว-น้ำหนาว ซึ่งเป็นป่าผืนใหญ่ครอบคลุมเนื้อที่เป็นล้านไร่ มีสัตว์ป่าชุกชุม ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทเพื่อดูแลป่าผืนนี้ ส่วนป่าน้ำหนาวมีเนื้อที่ราว 603,750 ไร่ มีหน่วยพิทักษ์อุทยานย่อย 12 หน่วย เฉลี่ยการดูแลราว 5 หมื่นไร่ต่อหน่วยพิทักษ์
Ref :
http://www.komchadluek.net/2009/02/22/a001_338465.php?news_id=338465