เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 02, 2024, 05:31:41 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กำลังรบของประเทศเพื่อนบ้าน  (อ่าน 14681 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
mb154cm
ชอบบรรยากาศที่อบอวลด้วยมิตรภาพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 1221


« ตอบ #60 เมื่อ: กันยายน 15, 2005, 09:59:50 PM »

ผมว่าแปลกนะที่เรายังไม่มีเรือดำน้ำ Smiley

...ผมเห็นอยู่แถวๆ คาราโอเกะบ่อยๆ ครับ ทีละหลายลำเลยอ้ะ Grin Grin

ท่อนไหนร้องไม่ได้ก็ดำน้ำไปเหรอครับพี่ ......... บุ๋ง บุ๋ง บุ๋ง... ฮืมมม มมม บุ๋ง บุ๋ง Grin
อ้อ get แล้วครับ Wink
บันทึกการเข้า

Chayanin-We love the king
ฟ้าสว่างสดใสไร้มลทิน เพียงเมฆินบังเบียดเสนียดฟ้า แกว่งยางยูงปัดป้องท้องนภา ผู้แก่กล้าโปรดอย่าว่าตัวข้าเลย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2610



« ตอบ #61 เมื่อ: กันยายน 16, 2005, 10:48:16 AM »

สิงคโปร์ เป็นเมืองท่า และศูนย์กลางซื้อขายสินค้าที่สำคัญของแถบนี้  แล้วมาเลย์ล่ะครับได้อะไรด้วยไหม   แล้วหากซักวันหนึ่งแผนของคนคนนั้น "ซึ่งเราก็รู้ว่าเป็นใคร" สำเร็จขึ้นมา  โดยลักษณะภูมิศาสตร์ของ 3 จว. ชายแดนใต้จะขุดคลองเชื่อมอ่าวไทย และ อันดามันได้ไหมครับ  เพราะมันก็ยังสั้นกว่าคลองใหญ่ๆแถบเปอร์เซียอยู่ดี    Huh
บันทึกการเข้า

ไม่อยากเป็นมะเร็ง   ก็ใช่ว่าต้องเป็นโรคหัวใจ
สุขภาพดีเป็นเรื่องไม่ยาก
สุขภาพที่ดีของประเทศไทย   อยู่ที่สภาวะปราศจากโรคร้าย
ไม่ใช่อยู่ที่ต้องเลือกระหว่าง  มะเร็ง  กับ โรคหัวใจ
Army - รักในหลวงครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 151
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2251



« ตอบ #62 เมื่อ: กันยายน 16, 2005, 11:09:38 AM »

สิงคโปร์กับมาเลย์กำลังแข่งกันเป็นเมืองท่าอยู่ มาเลย์ไปสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ตรงชายแดนที่ห่างจากท่าเรือสิงคโปร์ 50-60 กม. เท่านั้น ผมจำชื่อเมืองไม่ได้ แถมลดราคาค่าบริการให้ถูกกว่าสิงคโปร์อีกด้วย สายการเดินเรือขนาดใหญ่หลายแห่งย้ายไปมาเลย์แล้ว ถ้าไทยสร้างขึ้นมาแข่งอีก คงยากที่จะคุ้มทุนในเชิงธุรกิจครับ ยังไม่ได้พูดถึงความสามารถในการให้บริการของท่าเรือไทยซึ่งเป็นรองสิงคโปร์อยู่หลายลี้นะครับ   Smiley ส่วนเรื่องยุทธศาสตร์คงให้ความเห็นไม่ได้ เพราะไม่ชำนาญ แต่ส่วนตัวไม่อยากให้ไทยเป็นอย่างอียิปต์หรือปานามาครับ  Smiley
บันทึกการเข้า
Skynavy
Serve navy with pride
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 537
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7597


Old sailor never dies


เว็บไซต์
« ตอบ #63 เมื่อ: กันยายน 19, 2005, 09:04:13 PM »

สิงคโปร์ เป็นเมืองท่า และศูนย์กลางซื้อขายสินค้าที่สำคัญของแถบนี้ แล้วมาเลย์ล่ะครับได้อะไรด้วยไหม แล้วหากซักวันหนึ่งแผนของคนคนนั้น "ซึ่งเราก็รู้ว่าเป็นใคร" สำเร็จขึ้นมา โดยลักษณะภูมิศาสตร์ของ 3 จว. ชายแดนใต้จะขุดคลองเชื่อมอ่าวไทย และ อันดามันได้ไหมครับ เพราะมันก็ยังสั้นกว่าคลองใหญ่ๆแถบเปอร์เซียอยู่ดี Huh

เรื่องประเทศอะไรได้อะไรนั้นมันล้ำลึกหลาย"เฉิน"มากครับ เอาเท่าที่ทหารเรืออย่างผมทราบในเรื่องทางทหารเรือดีกว่านะครับ
๑.ระดับน้ำในทะเลอันดามันกับระดับน้ำในอ่าวไทยมีระดับน้ำต่างกันมากครับ การขุดคลองจะต้องมีแนวกั้นและปรับระดับน้ำให้สมดุลย์พอที่จะไม่เกิดปัญหาได้
๒.แนวที่คิดกันไว้มี๓เส้นที่จะตัดผ่านได้ แต่ละเส้นทางมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ประชุมกันมาหลายสิบปีแล้วยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ประเทศต่างๆที่เคยเสนอว่าจะขุดให้ก็ล้มหายตายจากกันไปบ้างแล้ว
๓.หลายฝ่ายมักเอาเรื่องของการแบ่งแยกดินแดนมาเป็นข้ออ้างในการไม่ให้ขุด เวลาไหนคิดจะขุด คนคัดค้านเริ่มน้อยก็จะมีเหตุให้มีปัญหาทางภาคใต้อยู่เรื่อยจนทำให้มีคนเห็นด้วยเรื่องแบ่งแยกดินแดน ก็ต้องกลับมาที่เดิมเป็นอย่างนี้เรื่อยไป
๔.สภาพเศรษฐกิจของประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยในการทำสัญญาผูกพันกับต่างชาติในการว่าจ้างมาขุดคลอง
         ประเทศไหนที่ขุดคลองแบบนี้แล้วโดนแบ่งแยกดินแดนมีบ้างไหมครับ ช่วยบอกที
บันทึกการเข้า

     
popeye
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #64 เมื่อ: กันยายน 19, 2005, 09:54:59 PM »

จริงๆแล้วข้อมูลตรงส่วนนี้ถ้าจะหาตัวเลขที่แน่ชัดยากมากครับ ข้อมูลของกองทัพจะถูกปิดไว้เป็นความลับสุดยอดเสมอ เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคงของชาติครับ ไม่มีประเทศไหนเปิดเผยข้อมูลส่วนนี้ที่แท้จริงหรอกครับ เปิดเผยก็มีแต่ข้อมูลเท็จ หรือแค่บางส่วนเท่านั้น ถ้าอยากรู้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด มีทางเดียวคือส่งสายลับไปครับ Undecided ดังสุภาษิตพิชัยสงครามกล่าวไว้ครับว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 19, 2005, 10:39:58 PM โดย popeye » บันทึกการเข้า
S.W.A.T
Hero Member
*****

คะแนน 6
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1023

Ceska Zbrojovka


« ตอบ #65 เมื่อ: กันยายน 20, 2005, 09:09:52 AM »

 Grin Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

อรินทราช 26
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #66 เมื่อ: กันยายน 20, 2005, 10:11:20 AM »

ขุดคอคอดกระ เมื่อไหร่ พี่สิงห์กับพี่เสือ ตายเมื่อนั้น ไส้แห้งตาย คงจะเดือนร้อนตาลีตาเหลือกไม่เบา Grin
บันทึกการเข้า
nampueng
Jr. Member
**

คะแนน 1
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 92


« ตอบ #67 เมื่อ: กันยายน 20, 2005, 11:16:44 AM »

     ผมว่าน่าขุดคลองคอดกะนะครับปรัเทศไทยจะได้ประโยชน์มากๆๆๆๆๆ และใครจะไปตั้งบริษัทตรงนั้นครับ Grinรวยแน่ๆเลยครับ
     อาจารย์สอนสังคมตอนผมอยู่ ม.3 ว่าถ้าไทยกับพม่ารบกันใช้เวลาแค่ 7 วันก็บุกถึงย่างกุ้งได้จริงไหมครับ แต่ก่อนผมทำงานที่แม่อาย พม่ามันชอบยิงพาดหรือจงใจก็ไม่เข้าในเขตไทยครับ Angry
บันทึกการเข้า

nampueng
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #68 เมื่อ: กันยายน 20, 2005, 03:39:16 PM »

เท่าที่รู้นะครับมาเลย์เพิ่งจะได้รับ F18 Super Hornet 1ฝูงเมื่อประมาณปี2ปีที่แล้วซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของF/A18 ครับ พม่ามี MIG 21 เป็นหลัก ส่วนเวียดนามกำลังจะได้รับ SU 27 1ฝูงมาประจำการ
ส่วนบ้านเราปีที่แล้วเพิ่งได้ F16 ADF(Air Defend Fighter) มือ2มาใหม่ 1ฝูงซึ่งเป็นรุ่นที่ปรับปรุงเน้นการครองอากาศ ส่วนปีกหมุนบ้านเรามี Cobra รุ่นเก่าอยู่4เครื่อง F5 กำลังจะปลดประจำการ
เครื่องบินโจมตีกับฝึกใช้ Alpha Jet อยู่ ทร.มี AV8 ไม่แน่ใจว่า 6หรือ8เครื่อง  อ้อเกือบลืมสำหรับ
สิงคโปร์เนี่ยเข้าร่วมโครงการพัฒนา EF2000 (Euro Fighter) ด้วยนะครับอนาคตน่าจะนำเข้าประจำการ  เรื่องพวกนี้ถ้าจะเอาให้ละเอียดต้องให้อาผู้การสุพินท์ กับพี่ Naimai มาตอบครับ Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
xiehua dun
เรารักในหลวง
Hero Member
*****

คะแนน 134
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6209


ปัจจุบันวัดความดีของคนที่ กม.


« ตอบ #69 เมื่อ: กันยายน 20, 2005, 04:42:44 PM »

อยากให้ขุดคลองกระไวๆจัง
บันทึกการเข้า


เพราะฉันจะไป ด้วยหัวใจดวงนี้ สองขาที่มีจะปีนสู่ภูผา
เพราะฉันจะไป ให้เห็นความสุขแท้มันด้วยตา
เมื่อได้มองลงมาเห็นโลกในมุมอีกมุม     มันคงช่างงดงาม
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #70 เมื่อ: กันยายน 20, 2005, 05:10:27 PM »

ขนาดไม่ขุดมันยังแบ่งแยกดินแดน  Grin Grin Grin Grin ขุดแล้วไม่กลัวหรือจ๊ะ  Grin Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #71 เมื่อ: กันยายน 20, 2005, 05:18:51 PM »

 Grin ได้กลิ่นธูปแว๊บ ๆ ที่แท้ธูปของคุณไฮดร้านี่เอง 555 Grin
 Grin F/A-18 ของมาเลย์เซียเป็นรุ่น D ครับ ไม่ใช่รุ่น E/F ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดท่อแอร์อินเทคเหลี่ยมปีกใหญ่ มาเลย์ฯซื้อ F-18 D (2ที่นั่ง) มาทั้งหมด 6 ลำ เน้นอาวุธโจมตีเรือเป็นหลัก ประเทศพม่านั้น ตอนนี้มี Mig29 ประจำการแล้วครับ แต่ไม่ทราบจำนวนแน่ชัด คาดว่าอย่างน้อยครึ่งฝูง 8 ลำ แต่ไม่เกิน 1 ฝูง 16 ลำ และมีเครื่องโจมตี A-5 (ปรับปรุงจาก Mig17) จากจีนอยู่ด้วย อีกรุ่นรู้สึกว่าจะเป็นเครื่องโจมตี/ฝึกจากอิตาลี่นะครับ ไม่แน่ใจว่ารุ่นไหน ในช่วงกรณีพิพาทเมื่อคราวก่อนมีบินมาทำท่าไม่ดีเหมือนกัน แต่พอ F-16 จากเชียงใหม่วิ่งขึ้นนักบินพม่าก็บินหนีไป เวียตนามตอนนี้ก็มี Su27 ประจำการไปเรียบร้อยแล้วครับ หลังจากล่าช้าไปนิดหน่อยจากเหตุการณ์เครื่องแอนโตนอฟที่บรรทุกเครื่อง Su27 กำลังจะมาส่งเวียตนามตกเมื่อสองปีก่อน เครื่อง AV8 ของ ทร. ไทย ตามสัญญาซื้อ 10 เครื่อง แต่ตกก่อนส่งมอบไปเครื่องนึง จึงติดเรือมาแค่ 9 ลำครับ แต่ตอนนี้ไม่รู้บินได้ถึง 5 ลำหรือเปล่า หลังจากก่อนหน้านี้บินได้แค่ 2 แต่หลังจากได้รับเครื่องยนต์เก่าจากอังกฤษมาก็ปรับซ่อมจนบินได้เพิ่มเติม ส่วน A-7 ของ ทร. ข่าวว่า (ยังไม่ได้กรอง) ตอนนี้บินไม่ได้เลยครับ สุดท้ายประเทศสิงคโปร์ ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ Euro Fighter ครับ แต่เป็นโครงการ Join Strike Fighter (JSF) ของอเมริกาครับ จะได้รับ F-35 เข้าประจำการต่อจาก F-16 C/D ครับ Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 20, 2005, 05:20:57 PM โดย NaiMai » บันทึกการเข้า

โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8574


« ตอบ #72 เมื่อ: กันยายน 20, 2005, 05:58:38 PM »

เรื่องขุด คอคอดกระ อย่าเพิ่งไปมุงหวังผลประโยชน์ ทางเศรษฐกิจมากนักเลยครับ  ถ้าขุดแล้วไม่มีคนมาใช้บริการละ  ระบบธุรกรรมทางการเงิน ระหว่างประเทศของเรายิงไม่เอื้อต่อบรรษัท ตปท.ครับ ยิ่งระบบราชการของเรายังเป็นแบบนี้  คงจะดึงดูดให้เขามาใช้บริการลำบาก

ที่เขาใช้ สิงค์โปร์ เป็นทางผ่าน เพราะสามารถ ผ่องถ่ายสินค้าเพิ่มเติ่มได้  ทั่งขายออกและรับเข้า

ที่ผ่านมา ไม่มีใครกล้าตัดสินใจเพราะความเสี่ยงมันสูง ค่าใช้จ่ายเยอะ  เทคโนโลยีของเราต้องพึ่งเขาทั้งนั้น  ทำไปทำมาอาจผลักภาระให้เราตกใต้อิทธิพลชาติมหาอำนาจ อีก

หากจะทำจริงๆ เราต้องคิดครับ ถ้ามีชาติ มหาอำนาจ ที่เขาไม่ชอบ เราจะเอาตัวรอดยังไง  ลองสมมุติ ถ้ามีการปิดกั้น ทางเศรษกิจ เราสามารถอยู่ด้วยขาของตัวเอง ได้ถึง  6-8 เดือนไหม
แค่เขาบ่ายเบี่ยง จำกัดการส่งน้ำมันเข้าประเทศ เราก็แย่แล้ว  พลังงานทดแทน อุตสาหกรรมหลักเขาเราก็ไม่มี 

นี้ไม่นับเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในการก่อสร้าง นะครับ

เรื่องประเทศเพื่อนบ้าน  อย่าไปตั้งโจทย์ เป็นอริกะเขาเลยครับ  ไม่ว่าชาติไหนหรือชาติเดียวกัน มันก็หาความจริงใจกันไม่ได้ทั้งนั้น  อยู่ที่เราจะประสานผลประโยชน์ ร่วมกันได้แค่ไหน (ทั้งประณีประนอม ต่อรอง  แบล็กเมย์ ข่มขู่ คุกคาม ...เอามันทั้งบู้ ทั่งบุ๊น)

เมื่อประเทศเรา เข้มแข็งพอ  ผมว่าเราจะได้คำตอบเองครับ ว่าจะขุดตรงไหน เมื่อไหร่ อย่างไร หรือจะทำ แลนด์บริดจ์ แทน  หรือ จะมีอย่างอื่น... อีก

ถ้าเราเน้น ศก. พอเพียง จนขยายถึง เหลือพอ  และเกินพอ เราจะเข้มแข็งมากขึ้น ครับ
บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
M629
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #73 เมื่อ: กันยายน 25, 2005, 07:51:01 PM »

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9480000131320
มองแสนยานุภาพชายแดนไทย-มาเลย์
โดย สิริอัญญา 25 กันยายน 2548 18:23 น.
 
 
       ในพลันที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่หมู่บ้านตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ก็ปรากฏข่าวจากทางด้านมาเลเซียว่ากองทัพมาเลเซียได้เคลื่อนกำลังทหารจำนวนสามกองพันมาประชิดที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อป้องกันสกัดกั้นไม่ให้คนไทยข้ามแดนไปมาเลเซียโดยผิดกฎหมาย
       
       สื่อมวลชนไทยก็รายงานข่าวไปตามนี้คือเป็นการเคลื่อนกำลังมาเพื่อป้องกันคนไทยข้ามแดนไปมาเลเซียโดยผิดกฎหมาย
       
       ความหมายมันอยู่เพียงเท่านั้นจริง ๆ หรือ? ความจริงไม่อยากกล่าวถึงเรื่องนี้เพราะมีความละเอียดอ่อนอยู่มากและเกี่ยวกับความสัมพันธ์ต่างประเทศ แต่เมื่อพิเคราะห์แล้วก็เห็นว่าจำเป็นที่จะต้องกล่าวถึงเรื่องนี้สักครั้งหนึ่ง มิฉะนั้นเพื่อนร่วมชาติของเราก็จะมองข้ามหรือลืมมองเรื่องสำคัญที่อาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อบ้านเมือง
       
       คงจะจำกันได้ว่าหลังเกิดกรณีกรือเซะและตากใบแล้ว มาเลเซียได้เคลื่อนกำลังทหารขึ้นมาที่ชายแดนหลายระลอก ครั้งละสองกองพันบ้าง สามกองพันบ้าง และหลาย ๆ กองพันในแนวหลังที่พอเห็นได้ว่าพร้อมจะเป็นกำลังหนุนกำลังส่วนหน้าที่วางกำลังอยู่ตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย
       
       ไม่เคยปรากฏข่าวว่ามีการถอนกำลังทหารเหล่านั้นออกไปจากชายแดนไทย และมาบัดนี้เคลื่อนกำลังเพิ่มเติมเข้ามาอีกสามกองพันพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย หากประมาณคร่าว ๆ ถึงแสนยานุภาพที่เคลื่อนขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วก็เห็นจะมีกำลังร่วมสองกองพลแล้ว
       
       ไม่รวมถึงแสนยานุภาพทางนาวีที่มาเลเซียเตรียมกองเรือดำน้ำเพ่นพ่านอยู่ในทะเลหลวง ซึ่งใช้ระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถมาถึงแนวคลองกระแถวสงขลาและไม่ช้าไม่นานก็ถึงแนวคลองกระชั้นบน แม้กระทั่งถึงพังงาด้วยซ้ำไป
       
       ไม่รวมถึงแสนยานุภาพทางอากาศที่ ณ วันนี้ใครรู้ดีช่วยบอกทีเถิดว่าหากเปรียบเทียบแสนยานุภาพทางอากาศกันแล้วระหว่างไทยกับมาเลเซียจะเป็นประการใด?
       
       กองกำลังมากมายขนาดนี้ มันเป็นไปเพียงเพื่อสกัดกั้นคนไทยไม่ให้ข้ามแดนเท่านั้นหรือ? ตรงนี้แหละขอให้ช่วยกันคิดให้ดี
       
       แล้วแสนยานุภาพของเราในพื้นที่นั้นละมีเท่าใด? รับมือเขาไหวหรือ?
       
       และนี่ไม่ใช่หรือที่เป็นพลังแอบแฝงแล้วหนุนช่วยให้ปฏิบัติการก่อความไม่สงบยืดเยื้อรุนแรงอยู่จนถึงทุกวันนี้ กระทั่งบางหน่วยงานและบุคคลสำคัญบางคนของมาเลเซียถึงกับประกาศว่าจะต้องแยกดินแดนสามจังหวัดออกเป็นรัฐอิสระหรือเป็นเขตปกครองพิเศษ แล้วทำให้รัฐบาลไทยต้องกระอักกระอ่วนใจตลอดมา!
       
       ก่อนอื่นก็ต้องขอย้ำว่าเราคัดค้านสงคราม เราต้องการสันติ เราต้องการสันติภาพ ต้องการความสงบสุข การกระทำใด ๆ ไม่ว่าของใครและของชาติใดที่เกื้อหนุนต่อการเกิดสงคราม ทำลายสันติ ขัดขวางสันติภาพ และสร้างความทุกข์ยากขึ้นแก่มนุษยชาตินั้นล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชาติไทยและประชาชาติใด ๆ ในภูมิภาคนี้เลย
       
       วันก่อนได้แย้มพรายไว้บ้างแล้วว่าเมื่อราว 2 เดือนก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีของประเทศเพื่อนบ้านของเราได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยื่นต่อสภาผู้นำศาสนาอิสลามโลกที่กรุงเตหะราน กล่าวหาประเทศไทยอย่างหน้าด้าน ๆ ว่ากีดกันข่มเหงรังแกมุสลิม นั่นก็เพื่อบอกสัญญาณให้เพื่อนร่วมชาติได้รู้ว่ามีอันตรายซ่อนตัวอยู่ ควรที่พี่น้องร่วมชาติทุกคนจะตื่นตัวขึ้นมาเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจไม่คาดคิด
       
       ทั้งยังได้เตือนด้วยว่าควรที่นายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพราะคนที่รู้เรื่องนี้ในประเทศไทยของเราก็มีอยู่
       
       ต้องบอกอีกว่าบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซียนั้นมีคนสองสัญชาติอยู่เป็นจำนวนร่วม 300,000 คน และเป็นไปในทางมากกว่า 300,000 คน ส่วนจะเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใดนั้น ถึงวันนี้ย่อมเป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยจะต้องทำความกระจ่างและให้เกิดความชัดเจนเพื่อที่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงจะได้ใช้เป็นฐานข้อมูลในการปฏิบัติการ
       
       นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงคนสองสัญชาติเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 ซึ่งค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก แต่ก็นับว่าเป็นการเสนอประเด็นที่ถูกเป้าเข้าจุด และขออย่าให้เป็นการพูดเลื่อน ๆ ลอย ๆ เพราะนี่คือปมเงื่อนสำคัญที่เกี่ยวพันกับชะตากรรมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
       
       ตามกฎหมายสัญชาติประเทศไทยถือหลักสองหลักคือหลักดินแดนและหลักสายเลือด นั่นคือใครเกิดในดินแดนไทยและมีพ่อหรือแม่เป็นไทยก็จะได้สัญชาติไทย แต่ขณะเดียวกันหากละสัญชาติไทยไปถือสัญชาติอื่นหรือไปถือสัญชาติอื่นโดยไม่สละสัญชาติไทยก็เป็นอันว่าสิ้นสัญชาติไทยด้วย
       
       ทว่านั่นเป็นหลักกฎหมาย แต่ในการปฏิบัติกลับไม่มีการปฏิบัติกันเลย จึงเป็นเหตุให้คนในพื้นที่นั้นนอกจากถือสัญชาติไทยแล้วยังไปถือสัญชาติมาเลเซีย โดยได้รับการเอื้อเฟื้อเป็นพิเศษให้ถือสัญชาติมาเลเซียด้วย หากจะว่ากันตามกฎหมายคนเหล่านี้เป็นอันสิ้นสัญชาติไทยแล้ว
       
       การที่สิ้นสัญชาติไทยเพราะถือสัญชาติใหม่แล้วฉวยโอกาสข้ามแดนไปมาเลเซียแล้วบอกว่าเป็นคนไทยอพยพหลบภัยจึงไม่เป็นธรรมกับประเทศไทย และเป็นเรื่องที่หน่วยงานด้านประชาสัมพันธ์ของรัฐพึงชี้แจงทำความเข้าใจให้ชัดเจนทั้งภายในประเทศและต่อประชาคมโลก
       
       มิฉะนั้นก็จะมีบางชาติฉวยเป็นโอกาสกระหน่ำซ้ำตีประเทศไทยเพื่อดึงสหประชาชาติให้เข้ามาจัดการปัญหาภายในของประเทศไทย
       
       คนที่สิ้นสัญชาติไทยไปแล้วแต่ยังแอบอิงว่าเป็นคนไทย หากยังมีสิทธิ์ลงประชามติกันในวันข้างหน้าก็พอจะคิดได้แล้วว่าอะไรจะเกิดกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
       
       แม้ว่าโอกาสจะเกิดขึ้นได้น้อยเพราะเรายังมีมิตรประเทศในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เข้าใจและยืนข้างประเทศไทย แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ เรื่องนี้จึงต้องป้องกันเอาไว้แต่เนิ่น ๆ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม รวมทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ ควรจะได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นพิจารณาอย่างจริงจัง
       
       ที่มันน่าเจ็บใจก็คือมีการสวมรอยเอาคนชาติอื่นทำทีมาเป็นคนไทย ทำอะไร ๆ ลงไปในพื้นที่นั้นแล้วบอกว่าเป็นการกระทำของคนไทย ทำให้คนไทยฆ่ากันเอง
       
       กลับมาที่กองกำลังทางบกของมาเลเซียตามแนวชายแดนที่ประมาณการว่ามีจำนวนร่วมสองกองพลนั้นมันหายไปไหนเป็นส่วนใหญ่? เพราะถ้าหากไม่ถอยออกไปก่อน จำนวนที่เคยเคลื่อนขึ้นมานั้นก็พอเพียงอยู่แล้วถ้าหากจะมีบทบาทเพียงสกัดคนไทยข้ามแดน เว้นเสียแต่ว่ากำลังพลเหล่านั้นได้สลายตัวไปแล้วแปรสภาพเคลื่อนย้ายเข้ามาในแดนไทย ทำตัวเป็นคนสองสัญชาติ
       
       แปลงตัวเป็นคนสองสัญชาติทดแทนจำนวนคนที่ย้ายถิ่นฐาน ซึ่งปรากฏตามข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยว่ามีจำนวนถึงเดือนละประมาณ 15,000 คน
       
       คนสองสัญชาติแปลงกายที่เนื้อแท้เป็นทหารของฝ่ายตรงกันข้ามย่อมมีศักยภาพที่จะทำการสงครามทั้งนอกรูปแบบและทำสงครามแบบแผนได้โดยไม่ได้ด้อยไปกว่าทหารของไทยเลย
       
       หรือว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยเหมือนเมื่อครั้งที่ทหารเวียดนามสวมรอยเป็นทหารลาวแล้วเปิดศึกร่มเกล้ากับประเทศไทยในอดีต!
       
       ดังนั้นการที่กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทวีความรุนแรงมากขึ้น ขยายตัวมากขึ้น และยืดเยื้อมากขึ้น จึงแยกไม่ออกกับการเปลี่ยนโฉมแปลงร่างดังกล่าว มันเป็นปรากฏการณ์สวมรอยและฉวยโอกาสหลังจากสถานการณ์พลิกผันจากปัญหาผู้มีอิทธิพลอำนาจมืดมาเป็นปัญหาแบ่งแยกดินแดนแล้ว
       
       ก็อยากบอกเตือนรัฐบาลว่าการฟังรายงานที่ผิดพลาดอย่างต่อเนื่องแล้วย่อมทำให้เกิดผลเช่นนี้
       
       ตัวอย่างล่าสุดที่นายกรัฐมนตรีแถลงว่านาวิกโยธินสองนายถูกสังหารตั้งแต่ตอนรุ่งสาง แล้วหมอพรทิพย์เผยผลการชันสูตรว่าถูกสังหาร ณ เวลา 14.00-15.00 น. ก็คือความซ้ำซากของความผิดพลาดของรายงาน และถ้าความผิดพลาดนั้นขยายไปถึงบุคคลที่ถูกระบุว่า “รู้ตัวคนร้ายหมดแล้ว” ก็จะนำไปสู่การจับกุมหรือปฏิบัติการที่ผิดพลาดและขยายผลร้ายต่อไป
       
       และอยากจะบอกย้ำด้วยว่าอย่าไปเชื่อรายงานว่าไม่มีเขตปลดปล่อย ทั้งอยากจะถามด้วยว่าสิ่งที่เรียกว่าเขตปลดปล่อยนั้นรู้จักมันดีแล้วหรือว่ามันคืออะไร? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? มันพัฒนาและดำเนินการไปอย่างไร? และระดับไหนที่ถือว่าเป็นเขตปลดปล่อย?
       
       เพราะในวันนี้กว่า 760 หมู่บ้านในจำนวนทั้งหมดราว 1,500 หมู่บ้านมีแกนหลักปฏิบัติงานและเป็นเขตปฏิบัติการของฝ่ายตรงกันข้าม โดยที่เราให้ความคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินแก่ประชาชนไม่ได้ และกลไกรัฐก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติไม่ได้ นี่คือสิ่งที่จะต้องสะกิดใจและพิจารณาไตร่ตรองให้จงดี
       
       การที่มีแสนยานุภาพของต่างชาติแอบแฝงเข้ามาในรูปคนสองสัญชาติก็ดี และมาประจัญอยู่ที่ชายแดนร่วมสองกองพลเป็นอย่างน้อยก็ดี มันไม่สมกับข้ออ้างที่ว่าเพื่อสกัดคนไทยข้ามแดน และความจริงก็คือมาเลเซียไม่เคยจับคนข้ามแดนเลยแม้แต่คนเดียว
       
       แต่นั่นมันคือปรากฏการณ์ให้ความคุ้มครองกับฝ่ายที่ก่อความไม่สงบ ป้องปรามแสนยานุภาพของกองทัพไทยให้ขยับตัวไม่ได้ คิดเรื่องนี้กันบ้างหรือยัง?
       
       ในพื้นที่นั้นแสนยานุภาพทางบกของเราก็มีเพียงบางจุด และมีอัตรากำลังไม่ถึงสองกองพล โดยยังไม่ต้องพูดถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ว่าของใครมีประสิทธิภาพกว่ากัน และยิ่งงานมวลชนด้วยแล้วก็ยิ่งไม่ต้องพูดอีกเลย
       
       เมื่อรวมแสนยานุภาพทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ตลอดจนมวลชนของฝ่ายตรงกันข้ามแล้ว มันด้อยกว่า พอ ๆ กัน หรือเหนือกว่าแสนยานุภาพของกองทัพไทยกันแน่? ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องให้ความสนใจโดยพลัน
       
       เพราะเราอาจเสียดินแดนได้โดยพลันเหมือนกัน!
       
       บทเรียนในอดีตที่เวียดนามเคยเสนอให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยยืมกำลังทหารร่วมสามสิบกองพันเพื่อเป็นกองหน้าตัดภาคอีสานออกจากประเทศไทย โดยมีแสนยานุภาพของนายพลเทียนวันดุง 300,000 คนหนุนอยู่ข้างหลังนั้นควรจะได้หยิบยกขึ้นพิจารณาศึกษาว่ามันกำลังเกิดขึ้นซ้ำรอยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่?
       
       ดีที่ว่าครั้งกระโน้นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมีจิตใจรักชาติจึงปฏิเสธข้อเสนอ หาไม่แล้ววันนี้ภาคอีสานก็อาจจะไม่ใช่ของไทยอีกต่อไป
       
       แล้วกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่นั้นน่ะหรือจะมีความคิดจิตใจแบบเดียวกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต แล้วเราจะทำกันอย่างไร?
       
       รัฐบาลจะมัวถือว่าเรื่องนี้ไม่สร้างสรรค์ไม่ได้แล้ว และจะมัวเห็นว่าเรื่องการเร่งตัวเลขต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจสำคัญกว่าปัญหาความมั่นคงไม่ได้แล้ว
       
       เพราะตัวเลขทางเศรษฐกิจนั้นขึ้นลงได้ ขาดดุลแล้วก็ได้ดุลได้ แต่หากเสียดินแดนแล้วก็ยากที่จะได้คืน ดังนั้นจึงควรต้องยกเอาปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาหลักเร่งด่วนที่สุดของชาติตั้งแต่บัดนี้ไป
       
       รัฐบาลทักษิณ 2 จะเป็นประการใดก็เห็นจะชี้ขาดกันด้วยปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นี่แหละ!

 
 
บันทึกการเข้า
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #74 เมื่อ: กันยายน 25, 2005, 08:47:03 PM »

มองแสนยานุภาพชายแดนไทย-มาเลย์
โดย สิริอัญญา 25 กันยายน 2548 18:23 น.

 
อืม.........น่าคิดมาก ๆ ครับ Undecided
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.111 วินาที กับ 22 คำสั่ง