เพื่อให้เห็นมุมมองของศาลกรณีปืนไม่มีทะเบียนครับ สดๆ ร้อนๆ เมื่อกุมภาพันธ์ 2552 แล้วก็ต้องอุทธรณ์ตามระเบียบ
โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยมีอาวุธปืนพกลูกซอง ชนิดประกอบขึ้นเอง ขนาด 12 จำนวน 1 กระบอก ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับและกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 2 นัด อันเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมาย ซึ่งใช้ยิงและทำอันตรายแก่ชีวิตและวัตถุได้ไว้ในความครอบครอง โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่และไม่มีเหตุยกเว้นโทษตามกฎหมาย จำเลยพาอาวุธปืนที่มีไว้เป็นความผิดดังกล่าวติดตัวไปตามถนนสาธารณะบริเวณประตูทางเข้าวัด............... อันเป็นบริเวณในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งไม่ใช่กรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบล............................ ตามวันเวลาดังกล่าวจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยมีไว้และพาไปเป็นความผิดดังกล่าวเป็นของกลาง อาวุธปืนของกลางเจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้ ส่วนกระสุนปืนของกลางหมดไปในการทดลองยิง
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี ฐานพกพาอวุธปืนเป็นกรรมเดียวผิกกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 12 เดือน พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว
ของกลางเป็นอาวุธปืนพกไม่มีทะเบียนง่ายต่อการก่อเหตุ แต่ยากต่อการตรวจสอบติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุรอการลงโทษ ริบของกลาง