วันนี้(15 ก.พ.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวของสื่อมวลชน ที่มีการใช้อาวุธปืนยาวชนิดล่าสังหาร (sniper rifles) ยิงช้างป่าเพื่อนำอวัยวะสำคัญ ไปจำหน่ายในตลาดค้า สัตว์ป่าผิดกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนมีความห่วงใยในเรื่องการนำอาวุธปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย เป็นอย่างมาก จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด และนายทะเบียนท้องที่กรุงเทพมหานคร ให้เข้มงวด ในการอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนและการออกใบอนุญาตให้สั่งนำเข้าอาวุธปืน โดยเฉพาะการอนุญาตอาวุธปืนยาว ที่มีอานุภาพร้ายแรงให้ตรวจสอบเหตุผลความจำเป็นในการขอว่าเป็นไปตามมาตรา 9 แห่งพ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 อย่างเคร่งครัด โดยให้นายทะเบียนท้องที่ตรวจสอบความจำเป็นในการขอ หากเป็นเหตุผลเพื่อป้องกันตัวหรือทรัพย์สิน สามารถใช้อาวุธปืนชนิดหรือขนาดที่เหมาะสมอื่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธยาวที่มีอานุภาพร้ายแรง หากขอใช้เพื่อการกีฬานายทะเบียนท้องที่จะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงว่าเป็นไปเพื่อการฝึกซ้อมและแข่งขันในทางกีฬาและต้องมีหนังสือรับรองการเป็นนักกีฬายิงปืนจากสมาคมยิงปืน ส่วนการขออนุญาตเพื่อใช้ในการยิงสัตว์ปัจจุบันไม่สามารถกระทำได้ ทั้งนี้การพิจารณาอนุญาตให้บุคคลมีและใช้อาวุธปืนยาวที่มีอานุภาพร้ายแรงทุกกรณี ให้นำผลกระทบ ต่อสัตว์และแนวทางอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่าตามพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุมครองสัตว์ป่าประกอบการมาพิจารณาด้วย
นายพระนาย ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องการพิจารณาให้บุคคลทั่วไป และผู้ได้รับใบอนุญาตให้ค้าจำหน่ายอาวุธปืน (แบบ ป.5) ในการสั่งนำเข้าเป็นอำนาจของนายอำเภอซึ่งเป็นนายทะเบียนท้องที่ ดังนั้น เพื่อให้การอนุญาตให้สั่ง นำเข้า อาวุธปืนยาวที่มีอานุภาพร้ายแรง ได้ผ่านการตรวจสอบ ทักท้วง และควบคุมในทาง
การบังคับบัญชาเพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องและรัดกุม จึงให้นายทะเบียนท้องที่ผู้ออกใบอนุญาตให้สั่งนำเข้าอาวุธปืนยาวที่มีอานุภาพร้ายแรง ขนาด.223 ขนาด.30 06 ขนาด.308และขนาด .338 หรือขนาดที่เทียบเท่าและมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไป รายงานให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบและพิจารณาดำเนินการตามสมควรแก่กรณีด้วย นอกจากนี้ หากเกิดเหตุก่ออาชญากรรมเกิดขึ้น โดยใช้อาวุธปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงทำร้ายหรือฆ่าผู้อื่น หรือกระทำผิดกฎหมายใดๆ นายทะเบียนท้องที่ ที่เกิดเหตุจะต้องตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องว่าผู้กระทำผิดเป็นบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธ (แบบ ป.4) หรือไม่ โดยให้นำข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาประกอบการพิจารณาการเพิกถอนใบอนุญาต (แบบ ป.4) หรือการทำทัณฑ์บนตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า สำหรับการครอบครองอาวุธปืนของบุคคลทั่วไปซึ่งถือเป็นเครื่องมือ ที่มีอันตราย เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย จึงจําเป็นต้องใช้ความระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันมิให้อาวุธปืนถูกนำไปใช้ในการกระทำผิด การก่อเหตุอาชญากรรมหรือนำไปทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์