นักปราชญ์ใหญ่คนหนึ่งเดินทางด้วยรถม้าไปตามหมู่บ้าน ต่าง ๆ เพื่อสอดส่องดูความเป็นไปของบ้านเมือง
เมื่อรถม้ามาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งรถก็หยุดกึกลง
มหาปราชญ์จึงตะโกน ถามสารถีออกมาจากในรถว่า
"ทำไมรีบหยุดรถ"
นายสารถีตอบว่า "มีเด็กคนหนึ่งยืนขวางทางอยู่"
มหาปราชญ์ชะโงกหน้าออกมา ก็เห็นเด็กคนหนึ่งท่วงท่าดูหลักแหลม ยืนเท้าสะเอวมองสวนขึ้นมาอย่างไม่ประหวั่นพรั่นพรึงต่อผู้ที่อยู่ตรงหน้า
"หนู หลีกทางให้ลุงหน่อย" มหาปราชญ์ร้องขอ
"ทำไมต้องหลีก ลุงไม่เห็นหรือ หนูกำลังก่อกำแพงอยู่ ในโลกนี้หนูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีกำลังแพงที่ไหนต้อง
หลีกให้รถ มีแต่รถต้องหลีกให้กำแพง"เจ้าหนูตอบ
"บ๊ะ เจ้านี่ไม่ธรรมดาซะแล้ว" มหาปราชญ์คิดในใจ
รีบกุลีกุจอลงจากรถพลางถามเจ้าหนูว่า
"หนูไม่รู้จักลุงหรือ ลุงน่ะใครๆในแผ่นดินนี้เขาก็รู้จักกันทั้งนั้นแหล่ะ"
"ลุงเป็นใครล่ะ" เจ้าหนูยิงคำถาม
"ใครต่อใครเรียกลุงว่าเป็นมหาปราชญ์" มหาปราชญ์
เอามือลูบเคราขาวโพลนตอบอย่างภาคภูมิ
"อ้อ! เป็นนักปราชญ์นี่เอง ถ้างั้นลุงคงมีความรู้เยอะล่ะสิ"
"โอ๊ย! ลุงเขียนตำราไว้มากมายเป็นร้อยเล่มแน่ะ"
"ถ้างั้นขอถามหน่อย ลุงรู้มั้ย บนฟ้ามีดาวกี่ดวง"
"แหม! ถามอะไรที่มันใกล้ตัวกว่านี้หน่อยสิ พ่อทูนหัว"
มหาปราชญ์ตะล่อม
"ก็ได้ ถ้างั้นขนคิ้วและผมบนหัวของลุงมีกี่เส้นล่ะ"
เจ้าหนูถามเรื่องใกล้ตัวสุดๆ
มหาปราชญ์ไม่ยอมตอบคำถามนี้ รีบเดินกลับขึ้นรถบอกสารถีให้หลีกรถออกห่างจากกำแพงทรายที่เจ้าหนูกำลังก่อทิ้งไว้
แล้วปลีกตัวออกไปอย่างสงบ
นิทานปรัชญาจีนเรื่องนี้ไม่มีบทสรุป เรื่องนี้สอนให้รู้อะไรเพราะส่วนใหญ่ย่อมจะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าแก่นของเรื่องอยู่ตรงไหน
ท่าน ว.วชิระเมธีสรุปไว้ว่า ที่มหาปราชญ์ต้องพ่ายเด็กคราวเหลนนั้นก็เพราะท่านรู้สารพัดอย่างในโลกนี้แต่
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ท่านไม่เคยรู้จักอย่างถ่องแท้เลยก็คือ "การรู้จักตัวเอง"
การรู้จักตัวเองเป็นคุณสมบัติสำคัญประการหนึ่งใน คุณสมบัติทั้งเจ็ดประการของ " คนดี " ตามที่พระพุทธเจ้าทรงนิยามเอาไว้ นั่นคือ
- รู้จักเหตุ
- รู้จักผล
- รู้จักตน
- รู้จักประมาณ
- รู้จักกาล
- รู้จักการเข้าสังคม
- รู้จักความแตกต่างระหว่างบุคคล
บทความนี้อ้างอิงจากหนังสือของ ท่านมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ในหนังสือชื่อเรื่อง "ธรรมะติดปีก"