การก้าวขึ้นสู่อำนาจของจอมพลสฤษฎิ์ มิได้ทำให้เกิดอุปสรรคต่องานของ CIA ในไทย
แต่ในทางตรงข้าม จอมพลสฤษฎิ์ กลับเห็นความสำคัญ ของภัยคุกคามอันใหม่ คือลัทธิคอมมิวนิสต์
ซึ่งแม้ว่าสงครามภายในจีน จะสงบลงด้วยการถอยร่นของคณะก๊กมินตั๋ง ไปสู่เกาะไต้หวัน ตั้งแต่ปี ๒๔๙๒(1949)
ซึ่งหน่วยทหารบางส่วนของก๊กมินตั๋ง ยังกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ โดยเฉพาะตามตะเข็บชายแดนไทย พม่า
เช่น กองพล ๙๓ ของจีนคณะชาติ (ภายหลังได้ย้ายมาอยู่ที่ดอยแม่สลอง จ. เชียงราย)
จึงเป็นภารกิจของ SEA Supply และเป็นภารกิจแรกๆ ที่อเมริกาจะต้องให้การสนับสนุน
ต่อการมีตัวตนของกองพล ๙๓ อดีตสหายศึก เมื่อครั้งต่อสู้ญี่ปุ่นในสงครามโลก แม้จะมีงานหลายด้าน
แต่บิลล์ แลร์ ก็ยังคงเดินทางเข้าๆออกๆ ระหว่างลาวและไทย เพื่อเก็บข้อมูลและวางแผน
สำหรับยุทธศาสตร์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ถึงตรงนี้ ขอพาท่านผู้อ่าน ออกจากไทยและลาว เพื่อให้เห็นภาพรวมที่กว้างขึ้น
ห่างออกไปทางตะวันออกไม่มาก ความวุ่นวายของการเมืองภายในในเวียดนาม ก็กำลังดำเนินอยู่
นับแต่ฝรั่งเศสสถาปนากษัตริย์บ๋าวได๋ ขึ้นสู่บัลลังก์ เมื่อสงครามโลกยุติลง ในปี ๒๔๘๘(1945)
โดยหวังว่าบ๋าวได๋ จะเป็นศูนย์รวมชาติ ช่วยให้ฝรั่งเศสรักษาสถานะของตนไว้ได้ แต่หลายปีผ่านไป
บ๋าวได๋ไม่มีคุณสมบัตินั้น ฝ่ายเวียดมินห์ ยังคงทำการสู้รบต่อต้านฝรั่งเศสอย่างได้ผล
คู่ขนานไปกับขบวนการประเทดลาว เวียดมินห์เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ฝรั่งเศสอ่อนแอลง
หลังจากฝรั่งเศสทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ที่จะรบกับขบวนการเวียดมินห์ โดยการส่งกำลังทหาร เข้าสู้รบ
ใน ปฏิบัติการคาสตอร์ (Opération Castor) คือการสถาปนาที่มั่นทางทหาร ที่เดียน เบียน ฟู
เพื่อสกัดกั้นการแพร่ขยายอิทธิพลของเวียดมินห์ เข้าไปในลาว
แต่แล้วในที่สุด วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๔๙๗(1954) โอเปราซียง กาสตอร์ ก็จบลง
ด้วยความพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า ของฝรั่งเศส ซึ่งนำไปสู่การเจรจาหยุดยิงชั่วคราว
และสนธิสัญญาที่เจนีวา ที่จะแบ่งเวียดนามออกเป็นเหนือและใต้ ตามแนวเส้นขนานที่ ๑๗
ทางเหนือปกครองโดยรัฐบาลเวียดมินห์ (Democratic Republic of Vietnam : DRV)
นอกจากนั้น สนธิสัญญายังมีข้อกำหนด
ที่ทั้งสองฝ่าย จะต้องไม่มีกองกำลังต่างชาติอยู่ในประเทศ(ยกเว้นฝรั่งเศส) เพื่อป้องกันมือที่สาม
เป็นการเดินหมาก กั๊ก ของฝรั่งเศส ได้เนียนที่สุด
ฝรั่งเศสยังคงทิ้งความระยำของตนเอาไว้ ตั้งแต่ชายฝั่งอ่าวตังเกี๋ย จนถึงเขาพระวิหาร
สนธิสัญญาที่เจนีวา ข้างต้น กำหนดให้มีการลงประชามติในอีกสองปีถัดมา คือในปี ๒๔๙๙(1956)
เพื่อให้คนเวียดนาม ได้กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง แต่อเมริกามองว่า หากปล่อยให้เวียดนาม
มีการเลือกตั้ง ฝ่ายคอมมิวนิสต์ของโฮจิมินห์ ก็จะได้รับชัยชนะในที่สุด
อเมริกา จึงไม่รับรองสนธิสัญญาดังกล่าว และก็ไม่มีการลงประชามตินั้นจนปัจจุบัน
อเมริกานั้น เล็ง ภูมิภาคนี้ไว้นานแล้ว แต่รอจังหวะของ ตาอยู่
อเมริกาไม่รับรองสนธิสัญญา ฯ แต่กลับผลักดันให้มีการประชุมที่มะนิลาในปี ๒๔๙๗(1954)
ปีเดียวกับการลงนามสนธิสัญญา เป็นการ ตัดหน้า เนื้อหาการประชุมที่มะนิลา และร่วมลงนามกัน
ในวันที่ ๘ กันยายน ๒๔๙๗(1954) เนื้อหาก็เพื่อจัดตั้งองค์กรความร่วมมือ ระหว่างภูมิภาค
คือ องค์การสนธิสัญญาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( South East Asian Treaty Organisation : SEATO)
ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก ๘ ชาติ ได้แก่ อเมริกา ไทย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ปากีสถาน อังกฤษ ฝรั่งเศส
และฟิลิปินส์, SEATO เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๙๘(1955)
อยากให้สังเกตตรงนี้สักนิดครับ ว่าบรรดาชาติสมาชิกรุ่นแรกใน SEATO นั้น
มีไทยเพียงชาติเดียว ที่อยู่บนแผ่นดิน ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า อเมริกาให้ความสำคัญกับประเทศไทย
ในการเป็นฐานที่มั่น ที่จะต่อกรกับการคุกคามจากคอมมิวนิสต์
และนี่คือที่มา ของข้อตกลง Thanad Rusk Communique ในปี ๒๕๐๕(1962)
ซึ่งจะขอกล่าวภายหลัง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนเหตุการณ์ในเวียดนาม หลังจากฝรั่งเศสแพ้หมดรูปที่เดียน เบียน ฟู
CIA หนุนโงห์ ดินห์ เดียม ให้ลงเลือกตั้ง และพยายามทุกวิถีทางอย่างเปิดเผย ที่จะให้ฝ่ายเดียมชนะ
โดยเฉพาะการส่ง พ.อ. Edward Lansdale ลงไปช่วยเดียมอย่างเปิดเผย ในที่สุดเดียมชนะตามความคาดหมาย
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้สกปรกจนฝ่ายตรงข้ามรับไม่ได้ และมีการบอยคอตก่อนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น
เดียมจึงชนะไปด้วยคะแนนท่วมท้นกว่า ๙๐ % เพราะมีแต่คนที่ชอบเดียม ไปลงคะแนน
เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีของเวียดนาม ในปี ๒๔๙๘(1955) แต่ฝ่ายเวียดมินห์ ไม่ยอมรับการเลือกตั้งนี้
หลังเลือกตั้งไม่นาน เดียมถือโอกาสปฏิวัติเงียบ บีบให้กษัตริย์บ๋าวได๋ลงจากบัลลังก์
และลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศในที่สุด งานของอเมริกาในเวียดนาม บรรลุผลในขั้นแรกแล้ว
พักเหตุการณ์ในเวียดนามไว้แค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวงง เอาเป็นว่าเรามาถึงเหตุการณ์ในปี ๒๕๐๐(1957)