..หาที่ซ้อมยากครับ.ถ้ายิงจากในรถ......
สนามไรเฟิล หนองกระจงพอได้ครับ
ยิงปืนจากในรถ รู้สึกว่าตัวรถเองช่วยดูดซับเสียง จากการได้ยินภายนอกค่อนข้างมาก
เมื่อวานดูรายการ ปล้นร้านทอง ผู้ร้าย 2 คน โผล่ตัวออกจากกระจกประตูหลัง ยิงปืนกลและเอ็ม 79 เข้า ใส่รถเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไล่ตาม เหมือนในหนัง มองแล้วไม่ใช่พวกรวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่อปล้นทองเป็นครั้งแรก ตามข่าวว่าตามจับได้หมดแล้ว
ตัวอย่างภัยสามัญประจำเมืองต่อผู้ขับขี่รถยนต์ ที่มีความเป็นไปได้ที่จะต้องใช้ปืนจากในรถ
รับแจ้งจากเมล์
หญิงสาวตกเป็นเหยื่ออาชญากร ขณะนั่งโทรศัพท์อยู่ในรถส่วนตัว มีดแหลมที่จี้คอทำให้ยอมเบิกเงินให้คนร้าย ก่อนถูกเชือดคอนำไปทิ้ง โชคดีไม่ตาย เธอบอกว่า เมืองหลวงเต็มไปด้วยภัย
'ขับไปภาคใต้' เสียงตะโกนสั่งเพื่อนร่วมแก๊ง ของชายฉกรรจ์วัยประมาณ 30 ปีที่ใช้มีดปอกผลไม้จี้อยู่ที่ลำคอ ขณะถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าที่พื้นด้านหลังรถ
ยังดังก้องหู น.ส.สุนิสา นิติประเสริฐ นักธุรกิจประมูลงานรับเหมาก่อสร้าง แม้เวลาจะผ่านมานานกว่าสัปดาห์แล้วก็ตาม
ประสบการณ์ที่แทบเอาชีวิตไม่รอดครั้งนี้ ทำให้นักธุรกิจรายนี้ถึงกับผวาและไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
เธอบอกว่า "ไม่คิดมาก่อนว่าโจรจะกล้าลงมือชิงทรัพย์เธออย่างอุกอาจ กลางเมืองหลวงของประเทศ
โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และไม่คิดมาก่อนว่ากรุงเทพมหานครจะอันตรายเช่นนี้"
'ตอนเกิดเหตุเวลาประมาณ 19.40 น. ฉันกลับจากเยี่ยมเพื่อนซึ่งพักอยู่ในซอยลาดพร้าวซอย 71
ขณะรถวิ่งมาถึงกลางซอยลูกชายก็โทรศัพท์มาหา ตอนแรกก็ไม่อยากรับเพราะมีกฎหมายห้ามคุยโทรศัพท์ขณะขับรถ
แต่คิดว่าลูกชายคงโทรศัพท์มาสั่งซื้ออาหารไปรับประทาน จึงจอดรถข้างทางคุยโทรศัพท์
ระหว่างนั้นเห็นชายฉกรรจ์อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงยีน เดินเข้ามาประชิดรถ
ท่าทางไม่น่าไว้ใจ จึงพยายามล็อกประตู แต่ก็ไม่ทัน ชายคนดังกล่าวกระชากประตูเปิดออกอย่างแรง
สุนิสา ย้อนลำดับเหตการณ์ขณะคนร้ายลงมือชิงทรัพย์ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ท่ามกลางความตกใจของ 'สุนิสา' คนร้ายได้เข้าประชิดตัวและชกเธอเข้าที่ใบหน้าด้านซ้ายอย่างแรง 1 ครั้ง
แรงปะทะของกำปั้น ทำให้ร่างของเธอถึงกับเซล้มลงบนเบาะด้านข้างคนขับ
พร้อมๆ กันนั้นก็มีชายวัยเดียวกับคนร้ายคนแรกกระชากประตูด้านหน้าซ้ายแล้วขึ้นมาบนรถ
พร้อมกับใช้ข้อศอกล็อกคอ แล้วลากเธอจากที่นั่งคนขับจนไปตกลงตรงที่ว่างระหว่างเบาะด้านหน้ากับเบาะหลังรถ
พร้อมกับใช้มีดปอกผลไม้จี้ที่ลำคอ ขู่บังคับไม่ให้ขัดขืน
แม้สุนิสาจะพยายามดิ้นรนต่อสู้โดยหวังจะหนีออกจากรถ ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทาง
แต่เธอไม่สามารถทำได้ คนร้ายปิดประตูรถได้สำเร็จ พร้อมกับขับรถทะยานออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
โดยคนร้ายไม่ลืมที่จะปรับเบาะที่นั่งด้านข้างคนขับจนเอนทับตัว สุนิสา ไว้ เพื่อป้องกันการหลบหนี
'ตอนนั้นเหมือนจะเป็นลม กลัวอย่างบอกไม่ถูก คนร้ายใช้มีดเฉือนลงที่ลำคอจนเลือดไหลซิบๆ ก่อนจะขู่ให้บอกรหัสเอทีเอ็ม
หลังจากพวกมันรื้อค้นได้จากกระเป๋าถือของฉัน ที่วางไว้หน้ารถ มันขู่จะฆ่าทิ้งหากไม่บอก ด้วยความกลัวจึงบอกรหัสจริงไป
มันตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มอยู่หลายจุด หลังจากได้เงินแล้วฉันก็ถามมันไปว่า ทำไมต้องทำอย่างนี้ มันตอบกลับมาว่าต้องการเงินไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที พวกมันก็จอดรถ แล้วลากฉันลงมาทิ้งไว้ที่พงหญ้าข้างทาง ตรงข้ามกับปั๊มน้ำมันในย่านสามพราน จ.นครปฐม
ก่อนที่พวกมันจะขับรถฉันหนีไป' สุนิสา ลำดับเหตุการณ์
หลังเกิดเหตุ สุนิสา ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในละแวกที่คนร้ายนำเธอมาทิ้งไว้ ให้ช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาล
หลังจากแพทย์ตรวจดูอาการแล้ว สุนิสา จึงเข้าแจ้งความที่สภ.สามพราน โดยแจ้งความรถหายด้วย
กระทั่งเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ได้รับแจ้งจากตำรวจว่า รถยนต์โตโยต้ายาริส สีบรอนซ์ทะเบียน สส 847 กรุงเทพมหานคร ของเธอ
ถูกคนร้ายนำไปจอดทิ้งไว้ที่หน้าร้านอาหารเทสตี้ชอยส์ เลขที่ 866 ถนนภาณุรังษี แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม.
คนร้ายได้เงินไปจาก สุนิสา ประมาณ 1.4 แสนบาท เธอยังโชคดีที่มีชีวิตรอดกลับมา แม้จะถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายจนสะ บักสะบอมก็ตาม
สุนิสา บอกว่าไม่คาดคิดมาก่อนว่าในเมืองหลวงของประเทศไทยโจรผู้ร้ายจะชุกชุม และลงมือก่อเหตุอย่างอุกอาจเช่นนี้
และขอเตือนไปยังสุภาพสตรีทุกท่านให้ระมัดระวังตัว ทำงานเสร็จแล้วให้รีบกลับบ้าน
นั่งในรถยนต์ต้องล็อกประตูทุกครั้งและต้องหมั่นมองกระจกหลัง และกระจกข้างซ้ายขวาเป็นระยะ หากพบสิ่งไม่ชอบมาพากลให้แจ้งตำรวจทันที
ในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ หากเผลออาจตกเป็นเหยื่อโจรผู้ร้ายได้ทุกเสี้ยววินาที
จากข่าว
รวบคาการกีฬาแห่งประเทศไทย คนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์มัดมือเท้าเชือดคอสาวใหญ่เมียนักธุรกิจฮ่องกงโยนทิ้งป่านครปฐม เผยเป็นโค้ชปิงปองนักกีฬาเขต 8 เมืองคอน ตร.นำตัวแถลงข่าว เห็นผู้เสียหายก้มกราบขอขมา สารภาพก่อเหตุกับลูกพี่ลูกน้องที่ยังหลบหนี ระบุต้องการนำเงินไปไถ่นาให้มารดา
นายพีรพล ก้มกราบเท้า เจ้าทุกข์ความคืบหน้าคดีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุร่วมกันจี้ชิงทรัพย์ นางสุณิสา ธิติประเสริฐ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/54 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ภรรยานักธุรกิจชาวฮ่องกงบริเวณปากซอยลาดพร้าว 71 กรุงเทพมหานคร ก่อนบังคับให้บอกรหัสเอทีเอ็ม เพื่อกดเงินสดจำนวนหลายแสนบาท จากนั้นคนร้ายจับผู้เสียหายมัดมือมัดเท้า และใช้มีดปาดคอ ก่อนลากไปโยนทิ้งไว้ในป่าหญ้าข้างทางริมถนนเพชรเกษม ต.คลองใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐม แต่โชคดีมีพลเมืองดีพบเห็น จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลรักษาตัวจนพ้นขีดอันตราย โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 กรกฎาคม พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดนครปฐม (ผบก.ภ.จว.นครปฐม) พร้อมด้วยชุดสืบสวน แถลงข่าวการจับกุม นายพีรพล คงจิตงาม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/1 หมู่ 4 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช คนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7
พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ ภายหลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ พล.ต.ต.โสภณ และ พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนภาค 7 และตำรวจชุดสืบสวน สภ.สามพราน เข้าสืบสวน โดยให้ประสานงานกับตำรวจนครบาลและตำรวจกองปราบปราม กระทั่งวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.00 น. ได้รับแจ้งจากตำรวจ สน.พระราชวัง ว่า พบรถต้องสงสัยจอดอยู่หน้าร้านอาหารเทสตี้ซอยส์ เลขที่ 866 ถนนภาณุรังสี แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ บริเวณข้างห้างสรรพสินค้าเมอรี่คิงส์ สาขาวังบูรพา จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าเป็นรถยนต์ของนางสุณิสา ผู้เสียหาย ที่คนร้ายนำไปจอดทิ้งไว้
พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวต่อว่า ต่อมาตำรวจได้สืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ทำให้ทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุคือ นายพีรพล และนายพิพัฒน์พงษ์ สวาชาติ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/3 หมู่ 4 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จึงขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนครปฐม ต่อมาวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ศรายุทธ พิกุลทอง รอง ผกก.สส.ภ.7 พร้อมด้วยชุดสืบสวนสืบทราบว่า นายพีรพลอาศัยอยู่บริเวณหอพักใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้ที่บริเวณโรงยิมศูนย์ฝึกกีฬาในร่ม การกีฬาแห่งประเทศไทย เขตหัวหมาก กรุงเทพฯ
"ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยนำพาเอาทรัพย์สินที่ได้จากการก่อเหตุไปซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่นเอ็น 81 และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีดำ ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกับพวกที่หลบหนีร่วมกันชิงทรัพย์ และทำร้ายเจ้าทรัพย์จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียอิสรภาพ ส่วนนายพิพัฒน์พงษ์ ผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุอีกคนหนึ่ง ขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวนออกติดตามแล้ว ซึ่งหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช คาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆ นี้" ผบช.ภ.7 กล่าว
นายพีรพลรับสารภาพว่า ร่วมกับนายพิพัฒน์พงษ์ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องก่อเหตุชิงทรัพย์นางสุณิสา โดยต้องการนำเงินไปไถ่ที่ดินให้มารดาที่นำไปจำนองไว้เป็นจำนวนเงิน 1.5 แสนบาท หลังก่อเหตุได้นำเงินไปให้มารดาจำนวน 5 หมื่นบาท พร้อมโกหกว่า ได้เงินมาจากการพนันฟุตบอล ส่วนเงินที่เหลือแบ่งให้แก่นายพิพัฒน์พงษ์ไปประมาณ 4 หมื่นบาท ส่วนตนเองนำเงินมาซื้อรถจักรยานยนต์และโทรศัพท์มือถือ
"ผมรู้สึกเสียใจ และสำนึกผิดแล้ว ที่ผ่านมาผมเป็นถึงนักกีฬาเขตของเขต 8 จ.นครศรีธรรมราช เป็นแชมป์กีฬาปิงปองของเขต ภายหลังได้มาเป็นโค้ชสอนให้นักกีฬาปิงปองด้วย แต่สาเหตุที่ต้องมาชิงทรัพย์ เพราะต้องการหาเงินไปไถ่ที่นาให้แม่เท่านั้น" นายพีรพลกล่าว
ภายหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น นางสุณิสาได้นำกระเช้าดอกไม้พร้อมเงินสดจำนวนหนึ่งมอบให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ และตำรวจชุดสืบสวน เพื่อแสดงความขอบคุณ ทั้งนี้ เมื่อนายพีรพลเห็นนางสุณิสาได้นั่งคุกเข่า พร้อมยกมือกราบลงที่พื้นเพื่อขอขมา จากนั้นตำรวจควบคุมตัวนายพีรพลไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณจุดเกิดเหตุดังกล่าว