เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 12, 2024, 09:21:26 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4 5 ... 12
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มาช่วยกันรณรงค์หยุดการปล่อยปลาต่างถิ่นลงแหล่งน้ำบ้านเรากันเถอะครับ  (อ่าน 26710 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 13 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
I Love My King (AkNaRiN~*)
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 129
ออฟไลน์

กระทู้: 1670



« ตอบ #15 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 04:21:24 PM »

เอเลี่ยนกับปลานิล...

หมายความถึงในแง่ที่ว่า...

มิใช่ปลาพื้นเมืองหรือเปล่าครับ...

ข้อเสียของปลานิลที่เจอ...คือขุดดินข้างบ่อให้เซาะเร็วกว่าปรกติ...

แต่ก็ยังไม่เท่ากับหมาที่บ้านกระโจนลงน้ำ ปีนขึ้นปีนลงจนตลิ่งพังครับ...
บันทึกการเข้า
NOOM 19 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 495
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3733


อดอย่างเสือ ดีกว่าอิ่มอย่างหมา


« ตอบ #16 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 04:41:17 PM »

เอเลี่ยนกับปลานิล...

หมายความถึงในแง่ที่ว่า...

มิใช่ปลาพื้นเมืองหรือเปล่าครับ...

ข้อเสียของปลานิลที่เจอ...คือขุดดินข้างบ่อให้เซาะเร็วกว่าปรกติ...

แต่ก็ยังไม่เท่ากับหมาที่บ้านกระโจนลงน้ำ ปีนขึ้นปีนลงจนตลิ่งพังครับ...

ข้อเสียอีกอย่าง...เวลามันเลี้ยงลูกมันจะไม่กินอะไรจึงทำให้ผอม....เขาจึงผลิตปลานิลเป็นหมั่นออกมา...
บันทึกการเข้า

"นี้ไรเฟิลของฉัน"
"มีเหมือนกันหลายกระบอก,แต่กระบอกนี้เป็นของฉัน"
"ถ้าไม่มีไรเฟิล.ฉันก็ไม่มีอะไร"
"ถ้าไม่มีฉัน.ไรเฟิลก็ไม่มีค่าอะไร"

เสียตังค์ทำรถ ..ดีกว่าหมดกับโคโยตี
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #17 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 04:52:17 PM »

แหล่งน้ำธรรมชาติแถวๆรอบบ้านผมเดี๋ยวนี้มีแต่ ปลานิล ครับ นี่ก็เอเลี่ยนอีกสายพันธุ์หนึ่ง แต่ก็มีประโยชน์อยู่ครับ


ดีครับ มีอาหารโปรตีนเพิ่มขึ้น ปรุงด้วยเกลือเสริมไอโอดีนด้วยยิ่งดี....

แหล่งน้ำธรรมชาติแถวๆรอบบ้านผมเดี๋ยวนี้มีแต่ ปลานิล ครับ นี่ก็เอเลี่ยนอีกสายพันธุ์หนึ่ง แต่ก็มีประโยชน์อยู่ครับ


ปลานิล นี้มีผลกระทบกับสภาพแวดล้อมท้องถิ่นบ้างไหมครับ (ไม่รู้จริงๆ ไหว้ ไหว้) แต่หอยนี้แน่นอน...


  ปลานิลนี่แทบไม่นับว่าเป็นเอเลี่ยนแล้วครับ  มีประโยชน์มากกว่ามีโทษ มีการนำมาขยายพันธุ์ในแหล่งนำบ้านเรามาประมาณสี่ห้าสิบปีมาแล้ว จนเดี๋ยวนี้กลายเป็นปลาท้องถิ่นไปเลย  ส่วนเอเลี่ยนนั้น จะเป็นพวก ปลาการ์ อัลลิเกเตอร์ ชัคเกอร์ อะโรวะน่า ล่าสุดนี่ลักษณะคล้ายกระพงผสมพีค็อกเบสนักตกปลามักง่าย(บางคน)นำมาปล่อยเพื่อเป็นเกมส์ตกปลาเจ้านี่ขยายพันธุ์เร็วมากกินไม่เลือกโตเร็วและยังเป็นปัญหาอยู่ 

ทำให้ผมนึกถึงเกร็ดเรื่องมันฝรั่งเลยครับ ตอนที่มันฝรั่งถูกชาวเรือนำจากเปรูเข้าไปปลูกในยุโรปใหม่ๆศาสนจักรต่อต้าน หาว่าเป็นพืชผลของปีศาจ

แต่ก็สู้คุณประโยชน์ที่มากับมันไม่ได้ ในที่สุดก็หลอมตัวเป็นอาหารเสริมประจำวัน มีปีหนึ่งที่อากาศหนาวจัดจนการปลูกมันฝรั่งบนเกาะไอร์แลนด์ล้มเหลว ปีนั้นคนอังกฤษอดตายเป็นล้านคน

ไม่กี่ปีก่อนนักวิจัยอังกฤษก็ให้รายงานออกมา ว่ามันฝรั่งเป็นพืชผลต่างถิ่นที่ทำให้เกิดเครือจักรภพอังกฤษขึ้นมาได้ เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ทำให้คนอังกฤษแข็งแรงขึ้น อดอยากน้อยลง การที่อังกฤษยอมรับมันฝรั่งเข้ามาเป็นอาหารเร็วกว่าชาติอื่นๆเปลี่ยนแปลงสรีระของคนอังกฤษสมัยนั้นให้พัฒนาขึ้นมาเทียมหน้าชาวบ้านได้...

ต้องรู้จักแยกแยะ  เยี่ยม ......................
บันทึกการเข้า
jojojoรักในหลวง
Jr. Member
**

คะแนน 4
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 40


« ตอบ #18 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 05:58:11 PM »

แหล่งน้ำธรรมชาติแถวๆรอบบ้านผมเดี๋ยวนี้มีแต่ ปลานิล ครับ นี่ก็เอเลี่ยนอีกสายพันธุ์หนึ่ง แต่ก็มีประโยชน์อยู่ครับ


ดีครับ มีอาหารโปรตีนเพิ่มขึ้น ปรุงด้วยเกลือเสริมไอโอดีนด้วยยิ่งดี....

แหล่งน้ำธรรมชาติแถวๆรอบบ้านผมเดี๋ยวนี้มีแต่ ปลานิล ครับ นี่ก็เอเลี่ยนอีกสายพันธุ์หนึ่ง แต่ก็มีประโยชน์อยู่ครับ


ปลานิล นี้มีผลกระทบกับสภาพแวดล้อมท้องถิ่นบ้างไหมครับ (ไม่รู้จริงๆ ไหว้ ไหว้) แต่หอยนี้แน่นอน...


  ปลานิลนี่แทบไม่นับว่าเป็นเอเลี่ยนแล้วครับ  มีประโยชน์มากกว่ามีโทษ มีการนำมาขยายพันธุ์ในแหล่งนำบ้านเรามาประมาณสี่ห้าสิบปีมาแล้ว จนเดี๋ยวนี้กลายเป็นปลาท้องถิ่นไปเลย  ส่วนเอเลี่ยนนั้น จะเป็นพวก ปลาการ์ อัลลิเกเตอร์ ชัคเกอร์ อะโรวะน่า ล่าสุดนี่ลักษณะคล้ายกระพงผสมพีค็อกเบสนักตกปลามักง่าย(บางคน)นำมาปล่อยเพื่อเป็นเกมส์ตกปลาเจ้านี่ขยายพันธุ์เร็วมากกินไม่เลือกโตเร็วและยังเป็นปัญหาอยู่ 

ทำให้ผมนึกถึงเกร็ดเรื่องมันฝรั่งเลยครับ ตอนที่มันฝรั่งถูกชาวเรือนำจากเปรูเข้าไปปลูกในยุโรปใหม่ๆศาสนจักรต่อต้าน หาว่าเป็นพืชผลของปีศาจ

แต่ก็สู้คุณประโยชน์ที่มากับมันไม่ได้ ในที่สุดก็หลอมตัวเป็นอาหารเสริมประจำวัน มีปีหนึ่งที่อากาศหนาวจัดจนการปลูกมันฝรั่งบนเกาะไอร์แลนด์ล้มเหลว ปีนั้นคนอังกฤษอดตายเป็นล้านคน

ไม่กี่ปีก่อนนักวิจัยอังกฤษก็ให้รายงานออกมา ว่ามันฝรั่งเป็นพืชผลต่างถิ่นที่ทำให้เกิดเครือจักรภพอังกฤษขึ้นมาได้ เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ทำให้คนอังกฤษแข็งแรงขึ้น อดอยากน้อยลง การที่อังกฤษยอมรับมันฝรั่งเข้ามาเป็นอาหารเร็วกว่าชาติอื่นๆเปลี่ยนแปลงสรีระของคนอังกฤษสมัยนั้นให้พัฒนาขึ้นมาเทียมหน้าชาวบ้านได้...

ต้องรู้จักแยกแยะ  เยี่ยม ......................


ครับปลานิลเป็นเอเลียน ที่มีประโยชน์อยู่หากปล่อยลงไว้ตามแหล่งน้ำต่างๆตามที่เห็นว่าเหมาะสม เนื่องจากปลานิลมีคุณลักษณะพิเศษหลายข้อ เช่น กินอาหารได้ทุกชนิด เช่น ไรน้ำ ตะไคร่น้ำ ตัวอ่อนของแมลงและสัตว์น้ำเล็กๆ มีขนาดลำตัวใหญ่ ความยาวประมาณ 10–30 เซนติเมตร แพร่ขยายพันธุ์ง่าย และมีรสชาติดีที่สำคัญคือมันสามารถกินพื้ชน้ำได้เกือบทุกชนิดและกินเก่งมากหากไม่คิให้ดีก่อนปล่อยอาจทำลายพืชน้ำทีสำคัญและมีประโยชน์จนหมดเช่นกัน 
อะโรวะน่า อาจไม่ใชทังหมดนะคับในอดีตมีอยู่ในแม่น้ำแถวสุราษฎและในยะลาก็เคยพบแต่หน้าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว
บันทึกการเข้า

เห็นเขียวๆ   อย่าเฉลียวว่าองค์อินทร์
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #19 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 06:04:02 PM »

ปลาทับทิมเป็นสายพันธุ์เดียวกับปลานิล..

ปลานิลได้มาจากการที่สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นทรงทราบว่าในหลวงของเราทรงห่วงไยพสกนิกร อยากให้คนไทยได้มีอาหารเสริมประเภทโปรตีนกินได้ในราคาถูกๆ

จึงถวายให้ในหลวงของเราเพื่อเป็นการแสดงพระราชไมตรี ในหลวงได้ปลานิลมาก็พระราชทานให้กรมประมงเอาไปเพาะพันธุ์แจกชาวบ้านได้เลี้ยงไว้กิน ขณะเดียวกันก็มีพระกระแสฯให้พัฒนาสายพันธุ์ให้ดีขึ้นมาเรื่อยๆจนได้มีปลาทับทิมไว้กินในปัจจุบัน

ปลานิลอยู่คู่กับคนไทยมากว่า40ปีแล้ว ผมจำความได้ในหนังสือเรียนก็มีเรื่องปลานิลแล้ว....

มันไม่ใช่เอเลี่ยน มันคือหลักฐานแห่งความรัก ความห่วงไยที่พระราชามีต่อประชาชนของพระองค์

คุณdeore XTไม่ทราบจริงๆหรือทำไก๋แกล้งไม่รู้ครับ?






คนเนรคุณ-อกตัญญูไม่มีวันเจริญ ถึงเจริญก็ไม่ตลอด

บอกให้ฟังเฉยๆ


บันทึกการเข้า
โซ้ยตี๋
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 59
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2733



« ตอบ #20 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 06:36:08 PM »

ลองอ่านลิงก์นี้ดูนะครับ จะทราบว่า ทำไมจึงมีปลานิลในประเทศไทย

http://kumis.cpc.ku.ac.th/nk40/nk/non_busi/proj03.html

ผมอ่านตรงนี้แล้วซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเกินกว่าจะคิดว่าปลานิลเป็นปลาเอเลี่ยนได้น่ะครับ

...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศ ทรงพบความเป็นอยู่ของราษฎร ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยากจน และขาดสารอาหารประเภทโปรตีน ทำให้เป็นโรคขาดสารอาหารกันมาก เนื้อสัตว์ราคาถูกที่พอจะหามาบริโภคได้คือปลา ซึ่งเป็นอาหารหลักของคนไทยมาแต่ดั้งเดิม.......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 08, 2009, 06:37:51 PM โดย โซ้ยตี๋ » บันทึกการเข้า
jojojoรักในหลวง
Jr. Member
**

คะแนน 4
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 40


« ตอบ #21 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 06:47:42 PM »

 ไหว้ ไหว้ไม่ใช่รู้คุณ-ไม่ใช่อกตัญญูผมเองก็ชอบรัปทานเผาเกลือสุดๆ น้ำลายหก น้ำลายหก
แค่อยากบอกว่าหากอยู่ผิดที่ผิดทางมันก็ไม่ดี  ควรศึกษาสภาพพื้นที่ก่อนทำการปล่อย
 เศร้า เศร้าหากผิดไปขอโทษครับ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

เห็นเขียวๆ   อย่าเฉลียวว่าองค์อินทร์
ทิดเป้า
Hero Member
*****

คะแนน -1181
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11916



« ตอบ #22 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 07:25:24 PM »

คนแถวบ้านผม อยู่บนเขา อัตคัตปลาธรรมชาติ... หากมีที่ว่างเปล่า ก็ขุดบ่อ ขอพันธุ์ปลาจากประมง...เลี้ยงไว้เป็นอาหาร..มีงานศพ งานบวช งานแต่ง กฐิน ผ้าป่า ลงแขกยกบ้าน  เกี่ยวข้าว ดำนา ฯลฯ ก็มีปลานิลนี่แหละเป็นพระเอก

ชาวบ้านที่ไร้การศึกษาเหล่านั้น สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเข้าใจตรงกันตลอดมาว่า ปลาพระราชทาน คือ ปลานิล ...ปลานิล คือปลาพระราชทาน ...ต่างจากคนเรียนมาสูงๆบางคน มองปลานิลเป็นเอเลี่ยน...ฮ่วย



   
บันทึกการเข้า

นิ น น า ท
ชัดเจนและจริงใจครับ
Full Member
***

คะแนน 72
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 182


« ตอบ #23 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 07:40:41 PM »


 

    หวังแต่ว่าปลานิล คงจะนับคุณ deore XT เป็นเอเลี่ยนที่มีประโยชน์อยู่บ้างก็เป็นได้ ..นะครับ
บันทึกการเข้า

หัวดี หัวเก่ง หัวก้าวหน้า
มือเยี่ยม มือกล้า มือขยัน
ใจกว้าง ใจสู้ ใจแบ่งปัน
รู้ทัน รู้ชอบ รู้ตอบแทน...

...ขอแค่นี้เอง..เกินพอ
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #24 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 07:51:08 PM »

ไหว้ ไหว้ไม่ใช่รู้คุณ-ไม่ใช่อกตัญญูผมเองก็ชอบรัปทานเผาเกลือสุดๆ น้ำลายหก น้ำลายหก
แค่อยากบอกว่าหากอยู่ผิดที่ผิดทางมันก็ไม่ดี  ควรศึกษาสภาพพื้นที่ก่อนทำการปล่อย
 เศร้า เศร้าหากผิดไปขอโทษครับ ไหว้ ไหว้

เจาะจงเรียนจขกท.คุณjojojoเลยนะครับ

กระทู้ที่คุณ jojojo ผมเห็นว่าเกิดจากเจตนารมณ์ที่ดี ผมไม่ได้มีความคิดที่จะตำหนิแม้แต่น้อยนะครับ

ข้อสังเกตุของผมและเพื่อนสมาชิกหลายคนเกิดจากมีคนยกเรื่อง"ปลานิล"ขึ้นมาแย็บ

สมาชิกท่านอื่นๆรวมถึงผมก็เอะใจขึ้นมา .... แต่ตัวกระทู้และข้อคิดที่ให้ศึกษาพื้นที่ให้เหมาะสมก่อนเป็นเรื่องที่ควรทำครับ

สบายใจเถิดครับ  Cheesy
บันทึกการเข้า
โป้ง*กันบอย - รักในหลวง
YOU'LL NEVER WALK ALONE
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1629
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16886


คนฮัก เต้าผืนหนัง........คนจัง เต้าผืนสาด


เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 08:07:07 PM »

คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด

แต่คนรู้แล้วยังกล้า...................มัน........
บันทึกการเข้า


~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #26 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 08:28:23 PM »

ปลานิลมีประโยชน์นะครับ  แถมอร่อยด้วย  ปลานิลกินอาหารได้หลากหลาย เช่น ไรน้ำ ตะไคร่น้ำ ตัวอ่อนของแมลง ปลานิลเป็นปลาเศรษฐกิจนะครับ ท่านมดแดง  Wink



ปลานิล Oreochromis nilotica เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งซึ่งมีคุณค่าทางเศรษฐกิจนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 เป็นต้นมา สามารถเลี้ยงได้ในทุกสภาพ การเพาะเลี้ยงในระยะเวลา 8 เดือน – 1 ปี สามารถเจริญเติบโตได้ถึงขนาด 500 กรัม เนื้อปลามีรสชาติดี มีผู้นิยมบริโภคกันอย่างกว้างขวาง ขนาดปลานิลที่ตลาดต้องการจะมีน้ำหนักตัวละ 200 – 300 กรัม จากคุณสมบัติของปลานิลซึ่งเลี้ยงง่ายเจริญเติบโตเร็วแต่ปัจจุบันปลานิลพันธุ์แท้ค่อนข้างจะหายาก เพื่อให้ได้ปลานิลพันธุ์ดีกรมประมงจึงได้ดำเนินการ ปรับปรุงพันธุ์ปลานิลในด้านต่างๆอาทิ เจริญเติบโตเร็ว ปริมาณความดกของไข่สูง ให้ผลผลิตและมีความต้านทานโรคสูง เป็นต้น ดังนั้นผู้เลี้ยงปลานิลจะได้มีความมั่นใจในการเลี้ยงปลานิจเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำให้เพียงพอต่อการบริโภคต่อไป

ความเป็นมา
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่น ทรงจัดส่งปลานิลจำนวน 50 ตัวความยาวเฉลี่ยประมาณตัวละ 9 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 14 กรัม มาทูลเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2508 นั้น ในระยะแรกได้ทรงโปรดเกล้าฯให้ปล่อยบ่อดิน เนื้อที่ประมาณ 10 ตารางเมตร ณ บริเวณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อเลี้ยงมาได้ 5 เดือนเศษ ปรากฏว่ามีลูกปลาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่ที่สวนหลวงขุดบ่อใหม่ขึ้น 6 บ่อ มีเนื้อที่เฉลี่ยบ่อละ 70 ตารางเมตร ซึ่งในโอกาสนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงย้ายพันธุ์ปลาด้วยพระองค์เองจากบ่อเดิมไปปล่อยเลี้ยงในบ่อใหม่ทั้ง 6 บ่อ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2508 ต่อจากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กรมประมงจัดส่งเจ้าหน้าที่วิชาการมาตรวจสอบการเจริญเติบโตเป็นประจำทุกเดือน
โดยที่ปลาชนิดนี้เป็นจำพวกกินพืช เลี้ยงง่าย มีรสชาติดี ออกลูกดก เจริญเติบโตได้รวดเร็ว ในเวลา 1 ปี จะมีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม และมีความยาวประมาณ 1 ฟุต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้ปลาชนิดนี้แพร่ขยายพันธุ์ อันจะเป็นประโยชน์แก่พสกนิกรของพระองค์ต่อไป ดังนั้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2509 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อปลาชนิดนี้ว่า “ปลานิล” และได้พระราชทานปลานิลขนาดยาว 3 – 5 เซนติเมตร จำนวน 10,000 ตัว ให้แก่กรมประมงนำไปเพาะเลี้ยงขยายพันธ์ที่แผนกทดลองและเพาะเลี้ยงในบริเวณเกษตรกลาง บางเขนและที่สถานีประมงต่างๆทั่วราชอาณาจักร รวม 15 แห่ง เพื่อดำเนินการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์พร้อมกัน เมื่อปลานิลแพร่ขยายพันธุ์ออกไปได้มากเพียงพอแล้วจึงได้แจกจ่ายให้แก่ราษฎรนำไปเพาะเลี้ยงตามพระราชประสงค์ต่อไป
รูปร่างลักษณะ
ปลานิลเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง อยู่ในตระกูลซิคลิดี(Cichlidae) มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ทวีปแอฟริกา พบทั่วไปตามหนอง บึง และทะเลสาบ ในประเทศซูดาน ยูกันดา แทนแกนยีกา โดยที่ปลานิลชนิดนี้เจริญเติบโตเร็วและเลี้ยงง่าย เหมาะสมที่จะนำมาเพาะเลี้ยงในบ่อได้เป็นอย่างดี จึงได้รับความนิยมและเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในภาคพื้นเอเชีย แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาก็นิยมเลี้ยงปลาชนิดนี้
รูปร่างลักษณะของปลานิลคล้ายกับปลาหมอเทศ แต่ลักษณะพิเศษของปลานิลมีดังนี้คือ ริมฝีปากบนและร่างเสมอกัน ที่บริเวณแก้มมีเกล็ด 4 แถว ตามลำตัวมีลายพาดขวางจำนวน 9 – 10 แถบ นอกจากนั้นลักษณะทั่วไปมีดังนี้ ครีบหลังมีเพียง 1 ครีบ ประกอบด้วยก้านครีบแข็งและก้านครีบอ่อนเป็นจำนวนมาก ครีบก้นประกอบด้วยก้านครีบแข็งและอ่อนเช่นกัน มีเกล็ดตามแนวเส้นข้างตัว 33 เกล็ด ลำตัวมีสีเขียวปนน้ำตาล ตรงกลางเกล็ดมีสีเข้ม ที่กระดูกแก้มมีจุดสีเข้มอยู่จุดหนึ่งบริเวณส่วนอ่อนของครีบหลัง ครีบก้น และครีบหางนั้นจะมีจุดสีขาวและสีดำตัดขวางแลดูคล้ายลายข้าวตรอกอยู่โดยทั่วไป
ต่อมากรมประมงโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาและพันธุกรรมสัตว์น้ำได้นำปลานิลสายพันธุ์แท้มีชื่อว่าปลานิลสายพันธุ์จิตรลดาไปดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ได้ปลานิลสายพันธุ์ใหม่ จำนวน 3 สายพันธุ์ ดังนี้
1. ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา 1 เป็นปลานิลที่ปรับปรุงพันธุ์มาจากปลานิลสายพันธ์แบบคัดเลือกภายในครอบครัว (within family selection) เริ่มดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 จนถึงปัจจุบันเป็นชั่วอายุที่ 7 ซึ่งทดสอบพันธุ์แล้วพบว่ามีอัตราการเจริญเติบโตดีกว่าปลานิลพันธุที่เกษตรกรเลี้ยง 22 %
2. ปลานิลสายพันธุ์จิตลดา 2 เป็นปลานิลที่พัฒนาพันธุ์มาจากปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา โดยการปรับเปลี่ยนพันธุกรรมในพ่อพันธุ์ให้มีโครโมโซมเป็น "YY" ที่เรียกว่า "YY - Male" หรือซุปเปอร์เมล ซึ่งเมื่อนำพ่อพันธุ์ดังกล่าวไปผสมพันธุ์กับแม่พันธุ์ปรกติจะได้ลูกปลานิลเพศผู้ที่เรียกว่า "ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา 2 " ซึ่งมีลักษณะเด่นคือเป็นเพศผู้ที่มีโครโมโซมเพศเป็น "XY" ส่วนหัวเล็กลำตัวกว้าง สีขาวนวล เนื้อหนาและแน่น รสชาติดี อายุ 6 – 8 เดือน สามารถเจริญเติบโตได้ขนาด 2 – 3 ตัวต่อกิโลกรัม ให้ผลผลิตต่อไร่สูงกว่าปลานิลพันธุ์ที่เกษตรกรเลี้ยง 45 %
3. ปลานิลสายพันธุจิตรลดา 3 เป็นปลานิลที่ปรับปรุงพันธุ์มาจากการนำปลานิลพันธุ์ผสมกลุ่มต่างๆที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างปลานิลสายพันธุ์จิตรลดาและปลานิลสายพันธุ์อื่นๆ อีก 7 สายพันธุ์ ได้แก่ อียิปต์ กานา เคนยา สิงคโปร์ เซเนกัล อิสราเอล และไต้หวันซึ่งมีการเจริญเติบโตเร็วและมีอัตรารอดสูง ในสภาพแวดล้อมการเลี้ยงต่างๆ ไปสร้างเป็นประชากรพื้นฐาน จากนั้นจึงดำเนินการคัดพันธุ์ในประชากรพื้นฐานต่อโดยวิธีดูลักษณะครอบครัวร่วมกับวิธีดูลักษณะภายในครอบครัว ปลานิลชั่วอายุที่ 1 – 5 ดำเนินการปรับปรุงพันธุ์โดยหน่วยงาน ICLARM ในประเทศฟิลิปปินส์ จากนั้นจึงนำลูกปลาชั่วอายุที่ 5 เข้ามาในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2538 สถาบันวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำจึงดำเนินการปรับปรุงปลาพันธุ์ดังกล่าวต่อ โดยวิธีการเดิมจนในปัจจุบันได้ 2 ชั่วอายุ และเรียกว่า "ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา 3 " ปลาสายพันธุ์นี้มีลักษณะเด่นคือ ส่วนหัวเล็ก ลำตัวกว้าง สีเหลืองนวล เนื้อหนาและแน่น รสชาติดี อายุ 6 – 8 เดือน สามารถเจริญเติบโตได้ขนาด 3 – 4 ตัวต่อกิโลกรัม ให้ผลผลิตต่อไร่สูงกว่าปลานิลพันธุ์ที่เกษตรกรเลี้ยง 40 %
ปัจจุบันสถาบันวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำได้กระจายพันธุ์ปลานิลทั้ง 3 สายพันธุ์ ไปสู่ภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ เพื่อใช้ในการเพาะเลี้ยงแล้ว โดยหน่วยงานของสถาบันฯในจังหวัดปทุมธานีและหน่วยพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำจืดพิษณุโลก ขอนแก่น และสุราษฏร์ธานี นอกจากนี้ยังดำเนินการดำรงสายพันธุ์และทดสอบพันธุ์ปลานิลดังกล่าวด้วย

คุณสมบัติและนิสัย
ปลานิลมีนิสัยชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง (ยกเว้นเวลาสืบพันธุ์) มีความอดทนและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี จากการศึกษาพบว่า ปลานิลทนต่อความเค็มได้ถึง 20 ส่วนในพันส่วน ทนต่อค่าความเป็นกรด – ด่าง (pH) ได้ดีในช่วง 6.5 – 8.3 และสามารถทนต่ออุณหภูมิได้ถึง 40 องศาเซลเซียส แต่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสพบว่าปลานิลปรับตัวและเจริญเติบโตได้ไม่ดีนักทั้งนี้เป็นเพราะถิ่นกำเนิดเดิมของปลาชนิดนี้อยู่ในเขตร้อน

การสืบพันธุ์
1. ลักษณะ ตามปกติแล้วรูปร่างภายนอกของปลานิลตัวผู้และตัวเมีย จะมีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก แต่จะสังเกตลักษณะเพศได้ก็โดยการดูอวัยวะเพศที่บริเวณใกล้กับช่องทวาร โดยตัวผู้จะมีอวัยวะเพศในลักษณะเรียวยาวยื่นออกมา แต่สำหรับตัวเมียจะมีลักษณะเป็นรูค่อนข้างใหญ่และกลม ขนาดปลาที่จะดูเพศได้ชัดเจนนั้นต้องเป็นปลาที่มีขนาดความยาวตั้งแต่10 เซนติเมตรขึ้นไป สำหรับปลาที่มีขนาดโตเต็มที่นั้นเราจะสังเกตเพศได้อีกวิธีหนึ่งด้วยการดูสีที่ลำตัวซึ่งปลาตัวผู้ที่ใต้คางและลำตัวจะมีสีเข้มต่างกับตัวเมีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูผสมพันธุ์สีจะยิ่งเข้มขึ้น
2. การผสมพันธุ์และวางไข่ ปลานิลสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดปีโดยใช้เวลา 2 – 3เดือน/ครั้ง แต่ถ้าอาหารเพียงพอและเหมาะสมในระยะเวลา 1 ปี จะผสมพันธุ์ได้ 5 – 6 ครั้ง ขนาดอายุและช่วงการสืบพันธุ์ของปลาแต่ละตัวจะแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม และสภาพทางสรีรวิทยาของปลาเอง การวิวัฒนาการของรังไข่และถุงน้ำเชื่อของปลานิล พบว่าปลานิลจะมีไข่และน้ำเชื่อเมื่อมีความยาว 6.5 ซม. โดยปรกติปลานิลที่ยังโตไม่ได้ขนาดผสมพันธุ์หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมเพื่อการวางไข่ ปลารวมกันอยู่เป็นฝูง แต่ภายหลังที่ปลามีขนาดที่จะสืบพันธุ์ได้ปลาตัวผู้จะแยกออกจากฝูงแล้วเริ่มสร้างรังโดยเลือกเอาบริเวณเชิงลาดหรือก้นบ่อที่มีระดับน้ำลึกระหว่าง 0.5 – 1 เมตร วิธีการสร้างรังนั้นปลาจะปักหัวลง โดยที่ตัวของมันอยู่ในระดับที่ตั้งฉากกับพื้นดิน แล้วใช้ปากพร้อมกับการเคลื่อนไหวของลำตัวเพื่อเขี่ยดินตะกอนออกจากนั้นจะอมดินตะกอนงับเศษสิ่งของต่างๆออกไปทิ้งนอกรังทำเช่นนี้จนกว่าจะได้รังที่มีลักษณะค่อนข้างกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 – 35 ซม. ลึกประมาณ 3 – 6 ซม. ความกว้างและความลึกของรังไข่ขึ้นอยู่กับขนาดของพ่อปลาหลังจากสร้างรังเรียบร้อยแล้วมันพยายามไล่ปลาตัวอื่นๆ ให้ออกไปนอกรัศมีของรังไข่ประมาณ2–3เมตรขณะเดียวกันพ่อปลาที่สร้างรังจะแผ่ครีบหางและอ้าปากกว้าง ในขณะที่ปลาตัวเมียว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆรัง และเมื่อเลือกตัวเมียได้ถูกใจแล้วก็แสดงอาการจับคู่ โดยว่ายน้ำเคล้าคู่กันไปโดยใช้หางดีดและกัดกันเบาๆ การเคล้าเคลียดังกล่าวใช้เวลาไม่นานนัก ปลาตัวผู้ก็จะใช้บริเวณหน้าผากดุนที่ใต้ท้องของตัวเมียเพื่อเป็นการกระตุ้นเร่งเร้าให้ตัวเมียวางไข่ ซึ่งตัวเมียจะวางไข่ครั้งละ 10 – 15 ฟอง ปริมาณไข่รวมกันแต่ละครั้งมีปริมาณ 50 – 600 ฟอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของแม่ปลา เมื่อปลาวางไข่แต่ละครั้งปลาตัวผู้จะว่ายไปเหนือไข่พร้อมกับปล่อยน้ำเชื้อลงไปทำเช่นนี้จนกว่าการผสมพันธุ์แล้วเสร็จโดยใช้เวลา 1 – 2 ชั่วโมง ปลาตัวเมียเก็บไข่ที่ได้รับการผสมแล้วอมไว้ในปากและว่ายออกจากรังส่วนปลาตัวผู้ก็จะคอยหาโอกาสเค้าเคลียกับปลาตัวเมียอื่นต่อไป
3. การฟักไข่ ไข่ปลาที่อมไว้โดยปลาตัวเมียจะวิวัฒนาการขึ้นตามลำดับ แม่ปลาจะขยับปากให้น้ำไหลเข้าออกในช่องปากอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้ไข่ที่อมไว้ได้รับน้ำที่สะอาด ทั้งยังเป็นการป้องกันศัตรูที่จะมากินไข่ ระยะเวลาฟักไข่ที่ใช้แตกต่างกันตามอุณหภูมิของน้ำ สำหรับน้ำที่มีอุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ไข่จะมีวิวัฒนาการเป็นลูกปลาวัยอ่อนภายใน 8 วัน ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวถุงอาหารยังไม่ยุบ และจะยุบเมื่อลูกปลามีอายุครบ 13 – 14 วัน นับจากวันที่แม่ปลาวางไข่ ในช่วงระยะเวลาที่ลูกปลาฟักออกมาเป็นตัวใหม่ๆ ลูกปลานิลวัยอ่อนจะเกาะรวมตัวกันเป็นกลุ่ม โดยว่ายวนเวียนอยู่บริเวณหัวของแม่ปลา และเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในช่องปากเมื่อมีภัย หรือถูกรบกวนโดยปลานิลด้วยกันเอง เมื่อถุงอาหารยุบลงลูกปลานิลจะเริ่มกินอาหารจำพวกพืชและไรน้ำขนาดเล็กได้ และหลังจาก 3 สัปดาห์แล้วลูกปลาก็จะกระจายแตกฝูงไปหากินเลี้ยงตัวเองได้โดยลำพัง

http://pong-fish.blogspot.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 08, 2009, 08:31:50 PM โดย sitthipong » บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6569


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #27 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 09:49:23 PM »

ไหว้ ไหว้ไม่ใช่รู้คุณ-ไม่ใช่อกตัญญูผมเองก็ชอบรัปทานเผาเกลือสุดๆ น้ำลายหก น้ำลายหก
แค่อยากบอกว่าหากอยู่ผิดที่ผิดทางมันก็ไม่ดี  ควรศึกษาสภาพพื้นที่ก่อนทำการปล่อย
 เศร้า เศร้าหากผิดไปขอโทษครับ ไหว้ ไหว้

เจาะจงเรียนจขกท.คุณjojojoเลยนะครับ

กระทู้ที่คุณ jojojo ผมเห็นว่าเกิดจากเจตนารมณ์ที่ดี ผมไม่ได้มีความคิดที่จะตำหนิแม้แต่น้อยนะครับ

ข้อสังเกตุของผมและเพื่อนสมาชิกหลายคนเกิดจากมีคนยกเรื่อง"ปลานิล"ขึ้นมาแย็บ

สมาชิกท่านอื่นๆรวมถึงผมก็เอะใจขึ้นมา .... แต่ตัวกระทู้และข้อคิดที่ให้ศึกษาพื้นที่ให้เหมาะสมก่อนเป็นเรื่องที่ควรทำครับ

สบายใจเถิดครับ  Cheesy


เข้าหน้าการเมืองไม่ได้ ก็หาทางแย๊ปมันทุกกระทู้ที่มีช่อง....

คนประเภทนี้บางทีผมอาจจะแรงไปก็ได้ แต่ขอเรียกว่า "สเนียดแผ่นดิน"

บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
deore XT
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #28 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 10:12:15 PM »

ปลานิลมีประโยชน์นะครับ  แถมอร่อยด้วย  ปลานิลกินอาหารได้หลากหลาย เช่น ไรน้ำ ตะไคร่น้ำ ตัวอ่อนของแมลง ปลานิลเป็นปลาเศรษฐกิจนะครับ ท่านมดแดง  Wink



ปลานิล Oreochromis nilotica เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งซึ่งมีคุณค่าทางเศรษฐกิจนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 เป็นต้นมา สามารถเลี้ยงได้ในทุกสภาพ การเพาะเลี้ยงในระยะเวลา 8 เดือน – 1 ปี สามารถเจริญเติบโตได้ถึงขนาด 500 กรัม เนื้อปลามีรสชาติดี มีผู้นิยมบริโภคกันอย่างกว้างขวาง ขนาดปลานิลที่ตลาดต้องการจะมีน้ำหนักตัวละ 200 – 300 กรัม จากคุณสมบัติของปลานิลซึ่งเลี้ยงง่ายเจริญเติบโตเร็วแต่ปัจจุบันปลานิลพันธุ์แท้ค่อนข้างจะหายาก เพื่อให้ได้ปลานิลพันธุ์ดีกรมประมงจึงได้ดำเนินการ ปรับปรุงพันธุ์ปลานิลในด้านต่างๆอาทิ เจริญเติบโตเร็ว ปริมาณความดกของไข่สูง ให้ผลผลิตและมีความต้านทานโรคสูง เป็นต้น ดังนั้นผู้เลี้ยงปลานิลจะได้มีความมั่นใจในการเลี้ยงปลานิจเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำให้เพียงพอต่อการบริโภคต่อไป

ความเป็นมา
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่น ทรงจัดส่งปลานิลจำนวน 50 ตัวความยาวเฉลี่ยประมาณตัวละ 9 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 14 กรัม มาทูลเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2508 นั้น ในระยะแรกได้ทรงโปรดเกล้าฯให้ปล่อยบ่อดิน เนื้อที่ประมาณ 10 ตารางเมตร ณ บริเวณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อเลี้ยงมาได้ 5 เดือนเศษ ปรากฏว่ามีลูกปลาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่ที่สวนหลวงขุดบ่อใหม่ขึ้น 6 บ่อ มีเนื้อที่เฉลี่ยบ่อละ 70 ตารางเมตร ซึ่งในโอกาสนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงย้ายพันธุ์ปลาด้วยพระองค์เองจากบ่อเดิมไปปล่อยเลี้ยงในบ่อใหม่ทั้ง 6 บ่อ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2508 ต่อจากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กรมประมงจัดส่งเจ้าหน้าที่วิชาการมาตรวจสอบการเจริญเติบโตเป็นประจำทุกเดือน
โดยที่ปลาชนิดนี้เป็นจำพวกกินพืช เลี้ยงง่าย มีรสชาติดี ออกลูกดก เจริญเติบโตได้รวดเร็ว ในเวลา 1 ปี จะมีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม และมีความยาวประมาณ 1 ฟุต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้ปลาชนิดนี้แพร่ขยายพันธุ์ อันจะเป็นประโยชน์แก่พสกนิกรของพระองค์ต่อไป ดังนั้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2509 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อปลาชนิดนี้ว่า “ปลานิล” และได้พระราชทานปลานิลขนาดยาว 3 – 5 เซนติเมตร จำนวน 10,000 ตัว ให้แก่กรมประมงนำไปเพาะเลี้ยงขยายพันธ์ที่แผนกทดลองและเพาะเลี้ยงในบริเวณเกษตรกลาง บางเขนและที่สถานีประมงต่างๆทั่วราชอาณาจักร รวม 15 แห่ง เพื่อดำเนินการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์พร้อมกัน เมื่อปลานิลแพร่ขยายพันธุ์ออกไปได้มากเพียงพอแล้วจึงได้แจกจ่ายให้แก่ราษฎรนำไปเพาะเลี้ยงตามพระราชประสงค์ต่อไป
รูปร่างลักษณะ
ปลานิลเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง อยู่ในตระกูลซิคลิดี(Cichlidae) มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ทวีปแอฟริกา พบทั่วไปตามหนอง บึง และทะเลสาบ ในประเทศซูดาน ยูกันดา แทนแกนยีกา โดยที่ปลานิลชนิดนี้เจริญเติบโตเร็วและเลี้ยงง่าย เหมาะสมที่จะนำมาเพาะเลี้ยงในบ่อได้เป็นอย่างดี จึงได้รับความนิยมและเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในภาคพื้นเอเชีย แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาก็นิยมเลี้ยงปลาชนิดนี้
รูปร่างลักษณะของปลานิลคล้ายกับปลาหมอเทศ แต่ลักษณะพิเศษของปลานิลมีดังนี้คือ ริมฝีปากบนและร่างเสมอกัน ที่บริเวณแก้มมีเกล็ด 4 แถว ตามลำตัวมีลายพาดขวางจำนวน 9 – 10 แถบ นอกจากนั้นลักษณะทั่วไปมีดังนี้ ครีบหลังมีเพียง 1 ครีบ ประกอบด้วยก้านครีบแข็งและก้านครีบอ่อนเป็นจำนวนมาก ครีบก้นประกอบด้วยก้านครีบแข็งและอ่อนเช่นกัน มีเกล็ดตามแนวเส้นข้างตัว 33 เกล็ด ลำตัวมีสีเขียวปนน้ำตาล ตรงกลางเกล็ดมีสีเข้ม ที่กระดูกแก้มมีจุดสีเข้มอยู่จุดหนึ่งบริเวณส่วนอ่อนของครีบหลัง ครีบก้น และครีบหางนั้นจะมีจุดสีขาวและสีดำตัดขวางแลดูคล้ายลายข้าวตรอกอยู่โดยทั่วไป
ต่อมากรมประมงโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาและพันธุกรรมสัตว์น้ำได้นำปลานิลสายพันธุ์แท้มีชื่อว่าปลานิลสายพันธุ์จิตรลดาไปดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ได้ปลานิลสายพันธุ์ใหม่ จำนวน 3 สายพันธุ์ ดังนี้
1. ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา 1 เป็นปลานิลที่ปรับปรุงพันธุ์มาจากปลานิลสายพันธ์แบบคัดเลือกภายในครอบครัว (within family selection) เริ่มดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 จนถึงปัจจุบันเป็นชั่วอายุที่ 7 ซึ่งทดสอบพันธุ์แล้วพบว่ามีอัตราการเจริญเติบโตดีกว่าปลานิลพันธุที่เกษตรกรเลี้ยง 22 %
2. ปลานิลสายพันธุ์จิตลดา 2 เป็นปลานิลที่พัฒนาพันธุ์มาจากปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา โดยการปรับเปลี่ยนพันธุกรรมในพ่อพันธุ์ให้มีโครโมโซมเป็น "YY" ที่เรียกว่า "YY - Male" หรือซุปเปอร์เมล ซึ่งเมื่อนำพ่อพันธุ์ดังกล่าวไปผสมพันธุ์กับแม่พันธุ์ปรกติจะได้ลูกปลานิลเพศผู้ที่เรียกว่า "ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา 2 " ซึ่งมีลักษณะเด่นคือเป็นเพศผู้ที่มีโครโมโซมเพศเป็น "XY" ส่วนหัวเล็กลำตัวกว้าง สีขาวนวล เนื้อหนาและแน่น รสชาติดี อายุ 6 – 8 เดือน สามารถเจริญเติบโตได้ขนาด 2 – 3 ตัวต่อกิโลกรัม ให้ผลผลิตต่อไร่สูงกว่าปลานิลพันธุ์ที่เกษตรกรเลี้ยง 45 %
3. ปลานิลสายพันธุจิตรลดา 3 เป็นปลานิลที่ปรับปรุงพันธุ์มาจากการนำปลานิลพันธุ์ผสมกลุ่มต่างๆที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างปลานิลสายพันธุ์จิตรลดาและปลานิลสายพันธุ์อื่นๆ อีก 7 สายพันธุ์ ได้แก่ อียิปต์ กานา เคนยา สิงคโปร์ เซเนกัล อิสราเอล และไต้หวันซึ่งมีการเจริญเติบโตเร็วและมีอัตรารอดสูง ในสภาพแวดล้อมการเลี้ยงต่างๆ ไปสร้างเป็นประชากรพื้นฐาน จากนั้นจึงดำเนินการคัดพันธุ์ในประชากรพื้นฐานต่อโดยวิธีดูลักษณะครอบครัวร่วมกับวิธีดูลักษณะภายในครอบครัว ปลานิลชั่วอายุที่ 1 – 5 ดำเนินการปรับปรุงพันธุ์โดยหน่วยงาน ICLARM ในประเทศฟิลิปปินส์ จากนั้นจึงนำลูกปลาชั่วอายุที่ 5 เข้ามาในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2538 สถาบันวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำจึงดำเนินการปรับปรุงปลาพันธุ์ดังกล่าวต่อ โดยวิธีการเดิมจนในปัจจุบันได้ 2 ชั่วอายุ และเรียกว่า "ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา 3 " ปลาสายพันธุ์นี้มีลักษณะเด่นคือ ส่วนหัวเล็ก ลำตัวกว้าง สีเหลืองนวล เนื้อหนาและแน่น รสชาติดี อายุ 6 – 8 เดือน สามารถเจริญเติบโตได้ขนาด 3 – 4 ตัวต่อกิโลกรัม ให้ผลผลิตต่อไร่สูงกว่าปลานิลพันธุ์ที่เกษตรกรเลี้ยง 40 %
ปัจจุบันสถาบันวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำได้กระจายพันธุ์ปลานิลทั้ง 3 สายพันธุ์ ไปสู่ภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ เพื่อใช้ในการเพาะเลี้ยงแล้ว โดยหน่วยงานของสถาบันฯในจังหวัดปทุมธานีและหน่วยพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำจืดพิษณุโลก ขอนแก่น และสุราษฏร์ธานี นอกจากนี้ยังดำเนินการดำรงสายพันธุ์และทดสอบพันธุ์ปลานิลดังกล่าวด้วย

คุณสมบัติและนิสัย
ปลานิลมีนิสัยชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง (ยกเว้นเวลาสืบพันธุ์) มีความอดทนและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี จากการศึกษาพบว่า ปลานิลทนต่อความเค็มได้ถึง 20 ส่วนในพันส่วน ทนต่อค่าความเป็นกรด – ด่าง (pH) ได้ดีในช่วง 6.5 – 8.3 และสามารถทนต่ออุณหภูมิได้ถึง 40 องศาเซลเซียส แต่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสพบว่าปลานิลปรับตัวและเจริญเติบโตได้ไม่ดีนักทั้งนี้เป็นเพราะถิ่นกำเนิดเดิมของปลาชนิดนี้อยู่ในเขตร้อน

การสืบพันธุ์
1. ลักษณะ ตามปกติแล้วรูปร่างภายนอกของปลานิลตัวผู้และตัวเมีย จะมีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก แต่จะสังเกตลักษณะเพศได้ก็โดยการดูอวัยวะเพศที่บริเวณใกล้กับช่องทวาร โดยตัวผู้จะมีอวัยวะเพศในลักษณะเรียวยาวยื่นออกมา แต่สำหรับตัวเมียจะมีลักษณะเป็นรูค่อนข้างใหญ่และกลม ขนาดปลาที่จะดูเพศได้ชัดเจนนั้นต้องเป็นปลาที่มีขนาดความยาวตั้งแต่10 เซนติเมตรขึ้นไป สำหรับปลาที่มีขนาดโตเต็มที่นั้นเราจะสังเกตเพศได้อีกวิธีหนึ่งด้วยการดูสีที่ลำตัวซึ่งปลาตัวผู้ที่ใต้คางและลำตัวจะมีสีเข้มต่างกับตัวเมีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูผสมพันธุ์สีจะยิ่งเข้มขึ้น
2. การผสมพันธุ์และวางไข่ ปลานิลสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดปีโดยใช้เวลา 2 – 3เดือน/ครั้ง แต่ถ้าอาหารเพียงพอและเหมาะสมในระยะเวลา 1 ปี จะผสมพันธุ์ได้ 5 – 6 ครั้ง ขนาดอายุและช่วงการสืบพันธุ์ของปลาแต่ละตัวจะแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม และสภาพทางสรีรวิทยาของปลาเอง การวิวัฒนาการของรังไข่และถุงน้ำเชื่อของปลานิล พบว่าปลานิลจะมีไข่และน้ำเชื่อเมื่อมีความยาว 6.5 ซม. โดยปรกติปลานิลที่ยังโตไม่ได้ขนาดผสมพันธุ์หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมเพื่อการวางไข่ ปลารวมกันอยู่เป็นฝูง แต่ภายหลังที่ปลามีขนาดที่จะสืบพันธุ์ได้ปลาตัวผู้จะแยกออกจากฝูงแล้วเริ่มสร้างรังโดยเลือกเอาบริเวณเชิงลาดหรือก้นบ่อที่มีระดับน้ำลึกระหว่าง 0.5 – 1 เมตร วิธีการสร้างรังนั้นปลาจะปักหัวลง โดยที่ตัวของมันอยู่ในระดับที่ตั้งฉากกับพื้นดิน แล้วใช้ปากพร้อมกับการเคลื่อนไหวของลำตัวเพื่อเขี่ยดินตะกอนออกจากนั้นจะอมดินตะกอนงับเศษสิ่งของต่างๆออกไปทิ้งนอกรังทำเช่นนี้จนกว่าจะได้รังที่มีลักษณะค่อนข้างกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 – 35 ซม. ลึกประมาณ 3 – 6 ซม. ความกว้างและความลึกของรังไข่ขึ้นอยู่กับขนาดของพ่อปลาหลังจากสร้างรังเรียบร้อยแล้วมันพยายามไล่ปลาตัวอื่นๆ ให้ออกไปนอกรัศมีของรังไข่ประมาณ2–3เมตรขณะเดียวกันพ่อปลาที่สร้างรังจะแผ่ครีบหางและอ้าปากกว้าง ในขณะที่ปลาตัวเมียว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆรัง และเมื่อเลือกตัวเมียได้ถูกใจแล้วก็แสดงอาการจับคู่ โดยว่ายน้ำเคล้าคู่กันไปโดยใช้หางดีดและกัดกันเบาๆ การเคล้าเคลียดังกล่าวใช้เวลาไม่นานนัก ปลาตัวผู้ก็จะใช้บริเวณหน้าผากดุนที่ใต้ท้องของตัวเมียเพื่อเป็นการกระตุ้นเร่งเร้าให้ตัวเมียวางไข่ ซึ่งตัวเมียจะวางไข่ครั้งละ 10 – 15 ฟอง ปริมาณไข่รวมกันแต่ละครั้งมีปริมาณ 50 – 600 ฟอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของแม่ปลา เมื่อปลาวางไข่แต่ละครั้งปลาตัวผู้จะว่ายไปเหนือไข่พร้อมกับปล่อยน้ำเชื้อลงไปทำเช่นนี้จนกว่าการผสมพันธุ์แล้วเสร็จโดยใช้เวลา 1 – 2 ชั่วโมง ปลาตัวเมียเก็บไข่ที่ได้รับการผสมแล้วอมไว้ในปากและว่ายออกจากรังส่วนปลาตัวผู้ก็จะคอยหาโอกาสเค้าเคลียกับปลาตัวเมียอื่นต่อไป
3. การฟักไข่ ไข่ปลาที่อมไว้โดยปลาตัวเมียจะวิวัฒนาการขึ้นตามลำดับ แม่ปลาจะขยับปากให้น้ำไหลเข้าออกในช่องปากอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้ไข่ที่อมไว้ได้รับน้ำที่สะอาด ทั้งยังเป็นการป้องกันศัตรูที่จะมากินไข่ ระยะเวลาฟักไข่ที่ใช้แตกต่างกันตามอุณหภูมิของน้ำ สำหรับน้ำที่มีอุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ไข่จะมีวิวัฒนาการเป็นลูกปลาวัยอ่อนภายใน 8 วัน ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวถุงอาหารยังไม่ยุบ และจะยุบเมื่อลูกปลามีอายุครบ 13 – 14 วัน นับจากวันที่แม่ปลาวางไข่ ในช่วงระยะเวลาที่ลูกปลาฟักออกมาเป็นตัวใหม่ๆ ลูกปลานิลวัยอ่อนจะเกาะรวมตัวกันเป็นกลุ่ม โดยว่ายวนเวียนอยู่บริเวณหัวของแม่ปลา และเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในช่องปากเมื่อมีภัย หรือถูกรบกวนโดยปลานิลด้วยกันเอง เมื่อถุงอาหารยุบลงลูกปลานิลจะเริ่มกินอาหารจำพวกพืชและไรน้ำขนาดเล็กได้ และหลังจาก 3 สัปดาห์แล้วลูกปลาก็จะกระจายแตกฝูงไปหากินเลี้ยงตัวเองได้โดยลำพัง

http://pong-fish.blogspot.com/

รับทราบครับ ปลานิลถือเป็นปลาเศรษฐกิจ ขอบคุณครับ Smiley
บันทึกการเข้า
deore XT
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #29 เมื่อ: มิถุนายน 08, 2009, 10:26:10 PM »

ดีครับช่วยๆกันบอกต่อๆ  อีกอย่างที่ผมอยากขอร้องคืออย่าเอาเต่าเอาปลาไปปล่อยในวัดเลย  ถ้าอยากได้บุญจริงๆผมว่าปล่อยลงห้วยหรือแม่น้ำจะเป็นการช่วยที่แท้จริง  ปล่อยในวัดก็อดตายเท่านนั้น หัวเราะร่าน้ำตาริน
เรื่องนี้ก็เห็นด้วยเช่นกันครับ

สมัยผมเรียนอยู่มัธยมวัดเบญจฯ มีบ่อเต่า คนเอาเต่ามาปล่อยกันมาก จนน้ำเน่า และอาหารไม่พอ
ได้เห็นเต่าตายลอยตายจนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลยครับ

ไม่นานมานี้ไปเที่ยววัดเจดีย์หอย มีบ่อเต่าเช่นกัน ในบ่อนั้นผมเห็นเต่าเหลือง (เป็นเต่าบก) ถูกปล่อยลงไปอยู่ในบ่อที่มีส่วนแห้งเล็กน้อยด้วย
ก็ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่แถวนั้นเขาทราบไว้ เพื่อให้เอาขึ้นมาโดยเร็วครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 5 ... 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.095 วินาที กับ 22 คำสั่ง