บทความดีๆในGolf1000tipsครับ
http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S8271630/S8271630.htmlการตั้งท่าจรด
ท่าจรด ใครคิดว่าไม่สำคัญ ผมจะบอกให้ว่า ท่าจรดนั้นสำคัญมากๆ เพราะมันคือกุญแจหนึ่งที่จะไขไปสู่ความสำเร็จก็ได้ โดยเฉพาะเมื่อตั้งท่าจรดแล้ว ต้องรู้สึกด้วยว่า จะสามารถสะวิงตีลูกให้ออกไปยังทิศทางที่ต้องการได้ ไม่ใช่ว่าจรดแล้วไม่รู้เหนือรู้ใต้ ซึ่งผมเชื่อโดยส่วนตัวว่า บรรดาโปรฯ และนักกอล์ฟที่แต้มต่อต่ำๆ จะเข้าใจถึงความรู้สึกนี้ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่า จะรู้สึกแบบนี้เสมอไปนะครับ เพราะบางทีอาการเครียดมันลงกระเพาะ อย่างเวลาแข่งขันที่เบียดๆ กันมา ทำให้หน้ามืดตามัว ขาดสติไปเลยก็ได้
บางท่านอาจสงสัยว่า เมื่อเป็นเรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมโปรฯ ถึงไม่ได้กล่าวเน้นถึงจุดนี้ขึ้นมาบ้าง ผมจำไม่ได้ว่า จะเคยอ่านเจอเรื่องนี้ที่ไหนหรือเปล่า แต่เท่าที่ทราบ รู้สึกว่าจะไม่เคย หรืออาจจะเคยก็ได้ แต่คงนานมากแล้วก็เป็นได้ และเมื่อประสบกับตัวเอง คือโปรฯ พีจีเอ คนไทยท่านหนึ่ง เคยบอกผมว่า เวลาดาวน์สวิงๆ ให้ส่งไม้กอล์ฟไปยังเป้าหมายที่ต้องการ ผมเลยนึกขึ้นได้ว่า ถ้าเราไม่มีความรู้สึกนั้นตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ตอนที่จรดแล้วเราจะส่งไม้ไปได้อย่างไร
ผมเลยอนุมานเอาเองว่า ท่าจรดจึงน่าจะแบ่งออกเป็นสองอย่าง
หนึ่งคือ จรดที่ลูก เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า address at the ball ซึ่งฟังดูเผินๆ มันไม่น่าจะมีอะไรไม่ถูก ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรผิดหรอกครับ เพียงแต่ เมื่อนักกอล์ฟจรดลงที่ลูกแล้ว จะหาความรู้สึกไม่ได้เลยว่าจะสะวิงตีลูกไปทางไหน ได้แต่คิดและหวังเอาเองว่า มันก็ควรจะไปในทิศทางที่เราเล็งเอาไว้แต่ต้น ซึ่งก็ไม่ผิดอีกแหละ แต่โอกาสที่จะสะวิงตีไปที่อื่นที่ไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องการย่อมมีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน เพราะอะไร.....
เพราะสองคือ จรดไปยังเป้าหมาย เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า address to the target ซึ่งจะต่างจากวิธีการจรดวิธีแรก กล่าวคือ การจรดไปยังเป้าหมายที่ต้องการ เราต้องเริ่มจากการมองจากด้านหลังลูกไปยังเป้าหมายก่อน ลากเส้นสมมติขึ้น เวลาเข้าจรด ไม่ว่าจะจับกริพเตรียมพร้อมก่อนเข้าจรด หรือจะวางหน้าไม้ให้ตรงไปยังเป้าหมายก่อนแล้วค่อยจับกริพทีหลังย่อมเหมือนกัน แต่เป้าหมายที่เราต้องการนั้นจะมีอยู่ในใจเสมอ
โดยเฉพาะเวลาที่เราจรดแล้วมองเป้าหมาย มือที่จับกริพขยับไปมาเบาๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลาย ไม่เกร็ง แล้วก็มองเป้าหมายอีก ที่เราเคยทำๆ กันแหละ แต่ต้องมองอย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่สักแต่ว่ามอง แล้วสังเกตตัวเองหน่อยว่า จะสามารถสะวิงตีลูกไปที่เป้าหมายนั้นได้หรือไม่ในความรู้สึกของเรา ถ้าไม่ได้ หรือไร้ความรู้สึกเอาเลย ผมอยากบอกว่า คงผิดที่ท่ายืนที่ก้มหรือห่อตัวมากเกินไป ท่าจรดกอล์ฟ ลำตัวจะต้องตั้ง แต่โน้มไปข้างหน้า เราจะรู้สึกว่าสง่าผ่าเผยดี ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า stand tall
วิธีที่สองนี้ จะช่วยให้เรามีความรู้สึกอยู่ว่า เราจะสะวิงตีลูกไปยังที่ใด มือก็จะสามารถส่งไม้ไปยังเป้าหมายที่ต้องการได้ โอกาสผิดก็จะน้อยลง
สำหรับนักกอล์ฟที่ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นว่านี้มาก่อน น่าจะลองดู เพราะมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวงสะวิงของท่าน ไม่แน่นะครับ การจรดไปยังเป้าหมาย อาจทำให้ท่านสะวิงดีขึ้นก็ได้
หมายเหตุ เข้ามาเขียนเพิ่มครับ
(แล้วจะมาเขียนต่อที่เกี่ยวข้องกับการเล่นลูกสั้นนะครับ)
(มาต่อนะครับ)
อย่างที่ผมเคยเขียนเอาไว้เกี่ยวกับการสร้างจินตนาการในการเล่นกอล์ฟ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่ผมจะเขียนต่อไปนี้สัมพันธ์กับการสร้างจินตนาการโดยตรง หรือการทำจินตนาการให้เป็นความจริงขึ้นมา โดยเฉพาะในเกมลูกสั้น ทั้งการพิทช์ ชิพ พัทท์ และลูกจากทราย หรือการแก้ไขลูกที่อยู่ในอุปสรรคต่างๆ กัน
แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ผมขอทำความเข้าใจกันสักนิด ถึงวิธีการในการเล่นลูกสั้นให้ได้ผล อยากจะบอกว่าร้อยเปอร์เซนต์ก็เกรงใจ เพราะมีเรื่องระยะทางเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เทคนิคหรือวิธีการที่ถูกจะช่วยให้การเล่นแต่ละช็อตง่ายขึ้น แน่นอนขึ้น นั่นคือ การใช้กล้ามเนื้อใหญ่ หรือลำตัวของเราในการคุมการสะวิง ต้นแขนทั้งสองของเราจึงต้องแนบลำตัวเสมอ ที่เขาเอาผ้ามาหนีบที่ใต้รักแร้นั่นแหละ แล้วใช้ลำตัวหมุนเอา และช่วงล่างก็ต้องนิ่ง โดยการวางน้ำหนักไปทางด้านซ้ายให้มาก
การเข้าไปจรดในการเล่นลูกสั้นย่อมต้องมีภาพอยู่ในใจ เหมือนที่ผมเขียนในตอนที่แล้ว เราต้องรู้ว่า เราต้องการให้ลูกตก ณ จุดใด เมื่อเรามีภาพอยู่ในใจ เวลาซ้อมสะวิงให้เรามองดูว่า หน้าเหล็กชี้ไปยังเป้าหมายที่เราต้องการหรือไม่ ภาพนั้นจะช่วยให้เราสามารถส่งไม้ไปยังเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ไม่หลงทาง นักกอล์ฟต้องซ้อมหาระยะของตัวเองบ้างนะครับ ไม่เช่นนั้นจะกะระยะได้ลำบาก
ลักษณะการเล่นลูกสั้นเช่นนี้ เราเอามาใช้กับเวลาต้องตีลอดและผ่านระหว่างต้นไม้ ซึ่งจะมั่นใจได้เลยว่า ลูกกอล์ฟจะไปยังทิศทางที่เราต้องการ
การเล่นลูกชิพก็เช่นเดียวกัน หนึ่งคือต้องรู้ว่าจะตีไปไหน สองคือตกที่ไหน สามคือเห็นภาพนั้นในใจ(จากท่าจรดที่เราเตรียมเอาไว้ก่อน) สี่คือ ซ้อมให้ปลายไม้ชี้ไปยังเป้าหมาย ไม่ว่าจะเล่นด้วยเหล็กเบอร์อะไรก็แล้วแต่
ปราศจากภาพ เหมือนการเดินในป่าที่ไม่รู้ทิศทาง
(ยังไม่ดึกนัก ก็เลยมาเขียนต่อ)
ผมอยากเตือนนักกอล์ฟหน่อยครับว่า ไม่ว่าเรากำลังจะเล่นช็อตใดก็แล้วแต่ สายตาควรจับอยู่ที่ลูกเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่หน้าไม้กระทบลูก ไม่มียกเว้นให้เผลอนะครับ และไม่มียกเว้นว่า ช็อตนี้มองไม่เห็นก็ได้ ไม่เป็นไร มันเหมือนกับตีเทนนิสที่สายตาจะต้องจับอยู่ที่ลูกในขณะที่เหวี่ยงแร็กเก็ตไปข้างหลัง เพื่อตีให้ลูกกระทบถูกกลางหน้าไม้ กอล์ฟก็เหมือนกัน เพราะหนึ่งนั้นคือบังคับให้ร่างกายของเรานิ่งเสมอ ไม่ยกขึ้นก่อนเวลาอันควร หน้าเหล็กจะกระทบลูกตามองศาของมัน ถ้าท่านที่พยายามจะเล่นลูกพิทช์โด่งๆ แล้วมันไม่โด่งสักที อาจมีผลมาจากสิ่งนี้ก็ได้
ไม้กอล์ฟทุกอันถูกออกแบบมาให้กริพอยู่หน้าหน้าไม้เสมอ มากหรือน้อยสุดแท้แต่ ไดร์ฟเวอร์คงน้อยที่สุดมั้ง เพราะขณะที่เราตีกระทบลูก มือจะได้อยู่หน้าลูก ตามหลังไม่ได้หรอกครับ ดังนั้นเวลาเราจรด มือก็ควรจะอยู่หน้าลูก ยกเว้นไดร์เวอร์ที่อาจเสมอหรือหลังลูกเล็กน้อยได้ เพราะเราตั้งท่าจะตีเสยขึ้น ผมกำลังจะกล่าวถึงการจรดเวลาเล่นลูกสั้นที่แม้เราจะวางลูกไว้ซ้ายมากๆ หงายหน้าเหล็กมากๆ (สมมติว่าเล่นด้วย SW หรือ LW หรือ PW) เพื่อตีให้ลูกลอยโด่งมากๆ มือก็ยังต้องอยู่หน้าลูก ถ้าเผลอ จรดแล้วมืออยู่หลังลูกเมื่อไร คุณจะตีโดนกลางลูก เหมือนท็อปลูกนั่นแหละ
ลูกในทรายก็เช่นกัน เขาให้วางลูกค่อนไปทางซ้าย เพื่อให้เราสามารถสะวิงปาดทรายได้ ถ้าวางลูกตรงกลางหรือค่อนมาทางขวา คุณจะตีลง เหมือนสับลงมา หน้าเหล็กจะกินทรายเยอะเกินไป ลูกจะไม่ขึ้นจากทราย ในเวลาเดียวกัน เพราะคุณต้องหงายหน้าเหล็กก่อนแล้วค่อยจับกริพ ไอ้ท่าแบบนี้แหละที่จะทำให้คุณเผลอ วางตำแหน่งมือหลังลูก ซึ่งจะทำให้คุณตีทรายหนาเกินไปกว่าที่ต้องการ แต่ก็ยังพอเอาลูกขึ้นจากทรายได้ แต่ถ้าวางลูกอยู่กลางหรือหลัง โอกาสจะขึ้นจากทรายน้อยมาก
ทราบใช่ไหมครับว่า เวลาเล่นลูกในทราย เขาให้ยืนเปิด คือให้เท้าซ้ายต่ำกว่าเท้าขวา เพราะจะทำให้ลำตัวของคุณเปิดตามไปด้วย การสะวิงจึงต้องสะวิงตามแนวของลำตัว (ไม่ใช่ลากไม้เข้าใน ห้ามเด็ดขาด) การสะวิงจึงจะเป็นลักษณะเฉือน หรือปาด จากนอกเข้าใน ซึ่งจะทำให้ส่วนมนโค้งใต้เหล็กที่เรียกว่า bounce ทำงาน(ของมันเอง)
และที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ ต้องวาดภาพการสะวิงของเรา ลองมองจากด้านหลังลูกไปหาหลุม วาดภาพว่า หน้าเหล็กจะปาดทรายบางๆ และวาดภาพการสะวิงของตัวเราเอง ให้มันนุ่มนวล มีจังหวะที่ดี ไม่ใช่กลัวจนลาน ไม่คิดอะไรทั้งนั้น ลงไปถึงก็สับเอาๆ แต่ให้ทำตามภาพที่เราวาดเอาไว้ในใจ
แน่นอน เราต้องยืนให้มั่นคง ทิ้งน้ำหนักตัวไปทางซ้าย อย่าให้ตัวโยกระหว่างการสะวิง ตาก็จับอยู่ที่ตำแหน่งที่เราต้องการ หมุนตัวแบ็คสะวิง และแค่หมุนตัวกลับไปหาเป้า มืออย่าไปยุ่งกับมัน เหมือนเวลาเราชิพ หรือพิทช์ เท่านั้นแหละครับ ง่ายจะตายไป อิอิ จริงๆ นะครับ ไม่ยากหรอก ถ้าใช้มือตีสิครับ ยาก และแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วย
(พรุ่งนี้มาเขียนต่อเรื่องพัทท์ กับการใช้จินตนาการ)
(สวัสดียามเช้าครับ)
ผมอ่านทวนที่ผมได้เขียนไปทั้งหมดอีกรอบ และอีกรอบๆ มีความรู้สึกว่า มันรวบรัดเกินไปหน่อย บางตอนน่าจะอธิบายเพิ่มเติมให้เห็นภาพชัดเจนกว่านี้ แต่ไม่เป็นไร เพราะการเข้าจรด การตั้งท่าจรด ไม่ว่าจะเล่นลูกอะไร แบบไหนนั้น เรากำลังกล่าวถึงเรื่องการสร้างจินตนาการให้รู้สึกว่า เราจะสามารถสะวิงตีลูกไปยังเป้าหมายที่ต้องการ มากเสียกว่าเรื่องเทคนิค เรื่องเทคนิคนั้นผมจะกล่าวถึงบ้างเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ไม่ทราบว่าท่านนักกอล์ฟเคยสังเกตไหมครับว่า เด็กๆ ตัวเล็กๆ ที่ยังเล่นกอล์ฟไม่เป็น ไม่รู้เรื่องเทคนิคเอาเลย ที่คุณพ่อคุณแม่ให้ไม้กอล์ฟพลาสติกแก่ลูก หรือชวนลูกพัทท์ให้ลงหลุมแข่งกัน เราอาจแปลกใจอยู่บ่อยๆ ที่เด็กๆ สามารถทำท่าสะวิงลมเลียนแบบคุณพ่อคุณแม่ที่สะวิงให้ดูเป็นตัวอย่างได้สวยงามดี หรือสามารถพัทท์ลูกให้ลงหลุมได้อยู่บ่อยๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ชนะคุณพ่อคุณแม่เสียอีก ทั้งที่เราไม่เคยสอนเรื่องเทคนิคอะไรแก่ลูกเลย
หากไม่ใช่เพราะเกิดจากจินตนาการที่เด็กสร้างขึ้นเองจากภาพที่เห็น หรือใช้จินตนาการส่วนตัวในการกะระยะก็ดี หรือทิศทางก็ดี แล้วจะเกิดจากอะไร
ผมเคยเห็นพ่อลูกสองคนพัทท์แข่งกัน ขณะที่คุณพ่อซ้อมพัทท์อยู่ ลูกอยากพัทท์บ้าง ลูกอายุประมาณแค่หกขวบ ใช้ไม้พัทท์ของคุณพ่อที่ยาวท่วมศีรษะ มันน่าแปลกตรงที่ว่า คุณพ่อพัทท์ลูกระยะประมาณ 1 คันธงไม่ลงหลุมเลยสักลูก แต่คุณลูกพัทท์ลงหลุมเป็นว่าเล่น ผมเห็นแล้วนึกขำอยู่ในใจ เพราะถ้าเป็นผมๆ ก็คงพัทท์สู้เด็กคนนั้นไม่ได้เหมือนกัน ไม่ใช่เพราะว่าเด็กคนนั้นเป็นอัจฉริยะหรอกครับ เพราะผมเคยเห็นมานักต่อนักแล้วที่พัทท์ดีพอกัน แม้กระทั่งลูกตัวเอง แต่เพราะเด็กสามารถนำจินตนาการมาใช้ให้เกิดผลได้ดีกว่าเรา ที่มัวแต่คิดไปถึงเรื่องเทคนิคเสียจนขาดความเป็นธรรมชาติไป
ผมกำลังจะบอกว่า เวลาที่คุณออกไปเล่นกอล์ฟในสนาม ได้โปรดทิ้งเทคนิคต่างๆ ที่คุณเรียนมาไว้ที่สนามซ้อมเสียบ้าง แล้วสะวิงไปตามธรรมชาติ ตามสัญชาติญาณ ตามจินตนาการ เลิกคิดเรื่องเทคนิคเสียที ไม่ใช่อะไร เพราะมันเป็นไปไม่ได้ต่างหากที่คุณจะมัวนั่งนึกถึงเรื่องเทคนิคได้ครบถ้วนทุกอย่างในการสะวิงแต่ละช็อต แม้กระทั่งการพัทท์ จะบอกให้ว่า ยิ่งคุณคิดถึงเรื่องเทคนิคมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งเกร็งมากขึ้นเท่านั้น เมื่อยิ่งเกร็ง คุณจะไม่มีทางสะวิงได้ดีได้เลย
กลับมาเรื่องการพัทท์ การอ่านไลน์ได้ดีถูกต้องเกิดจากประสบการณ์ด้านต่างๆ ที่คุณเรียนรู้มาจากการดูคนอื่นก็ดี จากการที่เคยสัมผัสมาบ้างแล้วก็ตาม หรือจากการบอกของคนอื่นเช่นแค้ดดี้ หรือเพื่อน นำมาประมวลแล้วสร้างเป็นภาพขึ้นมาในใจ หมายถึง คุณจะต้องเห็นเส้นทางในการพัทท์ของคุณก่อนที่จะพัทท์ ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะถูกหรือผิดก็ตาม แต่คุณต้องสร้างขึ้นมาให้ได้ แล้วพัทท์ไปตามเส้นทางที่คุณวาดขึ้นนั้น มันสำคัญเสียยิ่งกว่าวิธีการพัทท์หรือเทคนิคที่ถูกต้อง เพราะแม้คุณจะมีเทคนิคหรือวิธีการพัทท์ที่ถูกต้องแค่ไหน แต่ถ้าคุณไม่มีภาพหรือจินตนาการเอาเลย โอกาสที่จะพัทท์ลูกให้ลงหลุมจะน้อยกว่ามากๆ เมื่อเทียบกับคนที่สามารถสร้างจินตภาพได้
เมื่อคุณสามารถสร้างจินตนาการ หรือสร้างเส้นทางการพัทท์ของคุณขึ้นมาได้ เวลาเข้าจรด เราต้องจรดไปตามเส้นทางนั้น address to the target line ไม่ใช่สร้างจินตนาการเสร็จแล้วเข้าจรดที่ลูก address at the ball แล้วปล่อยให้เส้นทางพัทท์นั้นหายไปเลย ตะแคงหน้ามองอีกที ไม่รู้ว่าเส้นทางนั้นหายไปไหนเสียแล้ว แล้วจะพัทท์ไปไหน จะส่งพัตเตอร์ไปยังไง
ลองสังเกตเวลาที่ไทเกอร์พัทท์สิครับ ดูท่าทาง อิริยาบถต่างๆ ไม่ต้องไปสนใจว่าแกจะพัทท์ลงหรือไม่นะครับ สังเกตที่ตัวไทเกอร์ เขามองยังไง มองอะไร ซ้อมลมยังไง เข้าจรดอย่างไร ฯลฯ คุณอาจเห็นภาพที่คุณไม่มีเลยก็ได้
(ไม่ทราบว่ามีอะไรขาดๆ เกินๆ ไปหรือเปล่านะครับ อิอิ)
(สวัสดีช่วงบ่ายครับ)
เมื่อกล่าวถึงเรื่องการสะวิงให้ถูกต้อง จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ค่อนข้างลำบาก ว่าจะสะวิงให้ได้ผลดีสุดยอดนั้น มือจะต้องไม่เข้ามาเกี่ยวมากนัก ขนาดที่โปรฯ กอล์ฟหลายๆ ท่านต้องคิดหาวิธีมาบอกยังไงให้เราเข้าใจ บ้างก็ว่า ให้คิดว่า แขนและไม้กอล์ฟคือเส้นเชือกเส้นหนึ่ง มือมีหน้าที่เชื่อมเส้นเชือกนั้นเข้าด้วยกัน เวลาไหล่หมุน เชือกเส้นนั้นจะตามไปเอง บ้างก็ว่า เหมือนสุนัขกระดิกหาง หางคือแขนและไม้กอล์ฟ ก้นกระดิก หางก็จะกระดิกตาม และยังมีอีกหลายอย่างสุดแต่ว่า ใครจะนึกวิธีการอธิบายอะไรขึ้นมาได้ เพื่อให้นักกอล์ฟเข้าใจ
แต่คนเรียนนี่สิ ช่างเข้าใจได้ยากเสียจริงๆ เพราะความคุ้นเคยที่เราใช้มือมานานและอยู่ตลอดเวลา เวลาที่คิดจะสะวิงตีลูกกอล์ฟ เราก็เลยมักใช้มือเป็นตัวนำไม้ลงมาตี หรือไม่ก็เหวี่ยงแขนนำไม้ลงมาตามที่เราคุ้นเคย ถ้าเข้าใจได้ง่ายๆ จะมีนักกอล์ฟที่แต้มต่อสูงๆ หรือกลางๆ ก็ตามเป็นจำนวนมากมายกว่า 90% กระนั้นรึ
แม้จะเพียรอธิบายอย่างไรก็ตาม นักกอล์ฟอาจเห็นด้วย เพราะไม่รู้จะแย้งยังไง แต่เมื่อจะนำไปปฏิบัติจริงมันก็แสนลำบาก เพราะอาจจะคิดไปว่า ถ้าทำแบบที่ถูกต้องนั้น จะตีลูกไปได้หรือ จนกว่าจะเพียรปฏิบัติอย่างจริงๆ จังๆ อะไรๆ จึงค่อยๆ กระจ่างแก่ใจขึ้นมาบ้าง
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่า นักกอล์ฟควรเพียรฝึกไปเรื่อยๆ ก่อน และฝึกในทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ฝึกซ้อมอย่างที่ตัวเองถนัด ขืนฝึกตามทางที่ตัวเองถนัด แต่ไม่ถูกต้อง คุณจะมีปัญหาอยู่วันยันค่ำ ไม่รู้จบ แล้วก็ไปแก้ปัญหาเอาที่ปลายเหตุ เช่น ลูกออกขวาก็สะบัดมือตบไปทางซ้ายเป็นต้น คุณก็จะต้องแก้ไขปัญหาแบบนี้ไปตลอดชีวิต และไม่ได้ดีสักที
ผมแนะนำว่า ต้องทำใจหน่อย แล้วฝึกไปแนวทางที่ถูก หาครูหรือเพื่อนที่รู้จริงแนะนำ ไม่นานหรอกครับ ผมว่ายังไงๆ ก็ยังดีกว่าฝึกไปแบบผิดๆ เอาความถนัดเข้าว่า แบบ made in thailand
อย่าลืมนะครับว่า ถ้าคุณทาสีบ้านแล้วไม่ชอบใจ แล้วดันทาทับด้วยสีอื่นลงไป โดยไม่ได้ลอกเอาสีเก่าออกก่อน ไม่นานสีใหม่ก็หลุดร่อนออกมา