'ดร.กัญจีรา'อ้าง ทำนายพิบัติภัย แค่ไม่ให้ประมาท ดร.กัญจีรา นักวิทยาศาสตร์ผู้ผันตัวสู่การนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม ย้ำคำทำนายพิบัติภัยประเทศไทย มีโอกาสผิดพลาดแค่ 20% เผยไม่ต้องการให้เกิดความวิตก แค่เตือนให้มีสติ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมโดยไม่ประมาท
จากกรณีการเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์คำทำนายของ ดร.กัญจีรา กาญจนเกศ นักวิทยาศาสตร์ ที่หันไปปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ และปัจจุบันเป็นประธานชมรมวิถีธรรม-วิถีไท ที่ส่งอีเมลให้บุคคลต่างๆ อย่างกว้างขวางว่าจะเกิดวิกฤติภัยธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วม พายุทอร์นาโด แผ่นดินไหว ระหว่างวันที่ 11-29 ตุลาคม
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ตุลาคม ดร.กัญจีรา จัดบรรยายเรื่อง "สถานการณ์ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 11-29 ตุลาคม 2548" ณ สมาคมสถาปนิกสยาม กทม. โดยมีผู้ร่วมงานประมาณ 100 คน ผู้เข้าร่วมฟังส่วนใหญ่จะใส่ชุดสีขาว นอกจากนี้บริเวณหน้าห้องบรรยายยังมีการจำหน่ายสีผึ้งสำหรับทาปากเพื่อเสริมสิริมงคล ธูปหอม แผ่นทองแดง และพานทองรับบริจาคเงินทำบุญอีกด้วย พร้อมกับมีการสั่งห้ามบันทึกภาพ
จากนั้น ดร.กัญจีรา ได้เริ่มกล่าวบรรยายว่า จากวิกฤติปัญหาที่มนุษย์แสวงหาประโยชน์จากธรรมชาติ เช่น การขุดเจาะน้ำมันขึ้นมาใช้ประโยชน์ ทำให้ระบบนิเวศเริ่มเปลี่ยนแปลงจนนำไปสู่การเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรงที่มนุษย์ยากจะหยุดยั้ง แต่ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นนอกจากจะรับรู้ด้วยโสตประสาทและตาที่สามแล้ว ยังมีการศึกษาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา และสิ่งที่พูดต้องมีความชัดเจนและตรวจสอบได้ เพราะดิฉันอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหลายคน ซึ่งเป็นคนที่มีเครดิตมาก พูดอะไรก็จะมีคนเชื่อ จึงต้องพูดในสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมทั้งมั่นใจก่อนจึงค่อยพูดออกมา แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่อยากให้เกิดความวิตก แต่อยากให้มีสติ และตระหนักรู้ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมโดยไม่ประมาท" ดร.กัญจีรา กล่าว พร้อมทั้งยกตัวอย่างประเทศทิเบต ที่มีการเตรียมพร้อมรับมือกับวิบากกรรมของมวลมนุษยชาติด้วยการสวดมนต์ภาวนาอย่างเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงช่วงเวลาที่ ดร.กัญจีรา จะอธิบายถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ร้ายที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 11-29 ตุลาคม ดร.กัญจีรา ก็มีอาการเจ็บคอ เสียงแห้ง จนไม่สามารถบรรยายต่อไปได้ แต่ทว่ายังแสดงความมั่นใจในสิ่งที่เคยพูดไว้อย่างหนักแน่นว่ามีโอกาสผิดพลาดเพียง 20% เท่านั้น และอยากให้ทุกคนเตรียมรับมือกับปัญหาอย่างมีสติ โดยร่วมกันสวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตาขับไล่คลื่นพลังทำลายล้างของธรรมชาติ และคลื่นความเลวร้ายของจิตใจมนุษย์
จากนั้นผู้จัดงานได้สลับเวทีการบรรยายเป็นการฉายวีดิทัศน์แทน ซึ่งเนื้อหาของวีดิทัศน์เป็นภาพกิจกรรมของ ดร.กัญจีรา กับลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง กำลังปฏิบัติภารกิจสะกดพลังชั่วร้ายที่จะหลุดออกมาสร้างความหายนะแก่ประเทศไทย ด้วยการล้อมวงนั่งสมาธิในโบราณสถานแห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร โดยมีการบันทึกเหตุการณ์ด้วยกล้องจากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในช่วงทำพิธีจะมีภาพลำแสงประหลาดออกมาจากเปลวเทียนบ้าง จากผู้กำลังนั่งสมาธิบ้าง และยังมีภาพคล้ายจานบินปรากฏอยู่เบื้องหลังกลุ่มคนที่กำลังนั่งสมาธิ
นอกจากนี้ ภาพของ ดร.กัญจีรา ที่ถูกถ่ายจากกล้องโทรศัพท์มือถือ ยังเห็นเป็นเพียงภาพเลือนๆ ไม่ชัดเจน โดยมีคำอธิบายว่า ดร.กัญจีรา ได้เข้าถึงพลังสั่นสะเทือนของตัวเอง และภาพของดวงจันทร์ที่บิดเบี้ยวเพราะถูกกำหนดด้วยพลังสั่นสะเทือนจากพลังของการสวดมนต์ภาวนา หลังจากฉายวีดิทัศน์จบแล้ว ดร.กัญจีรา ก็อธิบายสิ่งที่ปรากฏในวีดิทัศน์เพิ่มเติม พร้อมกับยืนยันอย่างหนักแน่นถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ โดยให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือด้วยการสำรองน้ำดื่ม อาหาร และเงินสด ให้พอใช้ในช่วงสองสัปดาห์นี้ และยังทำนายต่อว่า ในปี 2551 ประเทศไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้ร่วมฟังบรรยายท่านหนึ่ง ได้รับการเปิดเผยว่า รู้สึกเชื่อในคำเตือนของ ดร.กัญจีรา หรือ แม่ครูมาก เพราะเคยไปร่วมทำพิธีที่ จ.กำแพงเพชร นอกจากนี้ แม่ครูยังช่วยรักษาสามีให้ทุเลาจากอาการป่วยจากเส้นประสาทกดทับอีกด้วย ยิ่งมีความศรัทธาในตัวแม่ครูยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงที่มาของคำทำนายในช่วงวันที่ 11-29 ตุลาคม ดร.กัญจีรา แสดงสีหน้ายิ้มแย้ม และกล่าวเพียงสั้นว่า "จะถามอะไร ถามหลายๆ ข้อก็ได้" แต่ลูกศิษย์ได้พยายามกั้นตัว ดร.กัญจีรา ออกไปก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกศิษย์คนหนึ่งให้ข้อมูลว่า ตอนนี้ ดร.กัญจีรา ยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ไม่อยากจะโด่งดัง หรือทำตัวให้มีชื่อเสียง เพียงแค่อยากช่วยเหลือมนุษยชาติให้รอดพ้นจากภัยร้ายแรงที่เกิดขึ้น และถ้ามีความพร้อมเมื่อใดจะมีการแถลงข่าวตอบข้อสงสัยทั้งหมดเอง
ทั้งนี้ คำทำนายของ ดร.กัญจีรา ที่เผยแพร่ทางอีเมลในช่วงก่อนหน้านี้ ระบุว่า ขอให้ติดตามดูสถานการณ์ระหว่างวันที่ 11-29 ตุลาคมนี้ ว่า ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม จะมีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ของไทย วันที่ 13-14 ตุลาคม จะเกิดคลื่นสึนามิอีกครั้ง วันที่ 18 ตุลาคม จะมีน้ำป่าเข้าท่วมบ้านเรือน และน้ำท่วมขังสองสัปดาห์ วันที่ 21-23 ตุลาคม จะเกิดแผ่นดินไหวใน กทม. จะมีรถติดวินาศสันตะโร โดยเฉพาะย่านหัวลำโพง ปทุมวัน มาบุญครอง ดินแดง และรัชโยธิน และวันที่ 29 ตุลาคม อาจจะมีพายุทอร์นาโดเข้ามาทางอ่าวไทย นอกจากนี้ในช่วงปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน ต้องงดเดินทางไปลอสแองเจลิส และนิวยอร์ก เนื่องจากสหรัฐอเมริกา จะถูกพายุลูกใหญ่สองลูกถล่มเมือง
อ้างอิงจาก
http://www.komchadluek.net/news/2005/10-10/p1-18828252.html
