เดียวนี้เด็กๆ ม.ต้นก็เริ่มเข้าสู่วังวนของยาเสพติดกันแล้วด้วยการแอบสูบบุหรี่กันก่อนแอบเอาเข้าไปในโรงเรียน
แอบขายแอบสูบกันในห้องน้ำ
เพราะการปล่อยปละละเลยของผู้บริหารสถานศึกษาบางแห่งที่ไม่เอาจริง ถามว่าการจับเด็กสูบุหรี่ยากไม๊
ง่ายนิดเดียวครับมันมีควันมันได้กลิ่น กลิ่นตัวเด็กมันฟ้อง มุมอับในโรงเรียน ที่เด็กๆไปแอบสูบกันมันมีไม่มากหรอก
จะเอาจริงหรือเปล่าเท่านั้นแหละ
เสริมอีกนิด แต่โดยหลักแล้วตัวครูต้องเป็นครู ไม่ต้องรอผู้บริหารสถานศึกษาก็ลุยได้เลยครับเพราะถือเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ส่วนจะใช้ไม้นวมไม้แข็งก็ว่ากันเป็นราย ๆ ไป เป็นทั้งตำรวจ เป็นทั้งอัยการ เป็นทั้งผู้พิพากษา เป็นทั้งสังคมสงเคราะห์ ในคราเดียวกัน
แต่ถ้าผู้ปกครองบุกมาโรงเรียนก็ชี้ไปที่ห้อง ผอ. เลย
สถานศึกษาบางแห่งทั้งครูน้อยครูใหญ่ลุยกันเต็มที่เลยครับ อีกทั้งชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ร่วมด้วยช่วยกัน เห็นแล้วชื่นใจ
บางอย่างไม่อยากจะพูดหน้าไมค์ครับ โรงเรียนดังๆนี่แหละปิดกันสุดๆกลัวเสียชื่อเสียง
พอถามเข้าบอกว่าที่ไหนก็มีเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ เป็นงั้นไปครูพูดเองนะเนี่ย
ตัดคะแนนความประพฤติส่งเด็กเข้าค่ายได้แต่ความผิดกิ๊กก๊อกกวนหัวใจไร้สาระมากกว่า
ผมยาว ไม่มีเข็มขัด แต่งตัวผิดระเบียบ ซอยผม ไอ้ทีความผิดที่สมควรโดนไม่เห็นโดน
เช่น แอบขาย แอบสูบ ตีกัน รุ่นพี่แกล้งรุ่นน้องเกินขอบเขต ซ้อม ตบตีทะเลาะวิวาท
ลักขโมยเงิน สิ่งของกันใน รร ผมเห็นด้วยกับครูเบิ้ลที่เราควรมีไม้เรียวใน รร เด็กเดี๋ยวนี้
จะข้ามหัวครูกันอยู่แล้ว
ตีมาก ๆ ไม่ได้ครับเดี๋ยวถูกไล่ออก และจะตีแต่ละทีต้องดูจังหวะ ว่าตีแล้วจะจบหรือไม่ ส่วนใหญ่จะคุยกับผู้ปกครองกันว่า "อยากให้ลูกเป็นเปรตหรือเป็นปราชญ์ ถ้าอยากให้เป็นเปรตก็ไม่ต้องตี ถ้าอยากให้เป็นปราชญ์ก็ต้องตีกันบ้าง แต่ที่ตีก็ตีตามเหตุสมควร ตีด้วยความหวังดี ไม่ได้ตีด้วยความโกรธแค้นแต่อย่างใด " จนถึงบัดนี้ยังไม่ได้ยินผู้ปกครองคนใดพูดว่าอยากให้ลูกเป็นเปรตเลยครับ
ป.ล.แต่ที่พูดไป ไม่ไช่หมายความว่ามีการตีนักเรียนเกิดขึ้นจริงนะครับ เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิด มาฟ้องร้องเอาได้ ที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องเล่าขานกันใต้ร่มไม้นะครับ
ผมติดหนี้บุญคุณไม้เรียวครับครูเบิ้ล
สมัยวัยรุ่นผมเลวมาก วิวาทแทบทุกวันทำการ เลวขนาดโรงเรียนจัดให้ไปเวียนเทียนที่วัดขึ้นตุ๊กๆออกมาก็ไปถลกกระโปรงกันต่อได้หน้าตาเฉย...ได้ใจกันขนาดหนักเพราะมีพ่อแม่-ญาติผู้ใหญ่คุ้มหัว ตัวผมเองก็โดนไล่ออก4ครั้ง แต่ก็ลอยชายมาได้หน้าตาเฉยทุกครั้ง
พอขึ้นม.5เริ่มอยู่ตัวก็ลงขันกันเช่าบ้านกับเพื่อนเอาไว้สุมหัวหลอกเด็กต่างโรงเรียน-ต่างก๊วนมาเล่นไพ่ , เอาไว้พาหญิงมาลง , เอาไว้กินเหล้า มีรุ่นพี่คนนึงกลับบ้านทีก็จะขนกัญชามาใล่นกันทีละเป็นห่อข้าวหมูแดง ใหบ้านมีทั้งดาบทั้งปืน แป๊บเหล็กตัด2ฟุดไว้เป็นกองๆ.....อยู่มาได้ไม่กี่เดือนก็โดนพ่อของเพื่อนแจ้งกองปราบมาลุยบ้าน
บุญเหลือหลายที่ทางตร.แจ้งอาจารย์ฝ่ายปกครองท่านหนึ่ง ชื่ออ.สามารถให้มาร่วมด้วย จำได้แม่นว่าจู่ๆก็มีเสียงทุบประตูดังปึงๆๆๆๆ เพื่อนตะโกนถามว่าใครวะ?
เสียงตอบว่ากูเอง....สามารถ เท่านั้นแหละ แหกหน้าต่างโดดหนีลงป่าหญ้าหลังบ้านกันเหี้ยน ถ้าอ.ไม่ทุบประตูเรียก พวกผมคงโดนหิ้วเข้าโรงพักกันเหี้ยน
วันรุ่งขึ้นโดนเรียกเข้าไปหาทั้ง20กว่าคน โดนหวายจนเลือดสาดคนละ5ที .... เลือดสาดจริงๆ อ.หวดไม่ยั้งมือคนละ5ทีได้เลือดหยดแหมะทุกหวาย แถมหวดแบบทิ้งจังหวะให้เจ็บกันชัดๆในแต่ละหวายด้วย ....ไม่มีใครโกรธ ไม่มีใครแก้ตัวหนีหวาย เจ็บจนเหงื่อแตกเหงื่อแตนน้ำตาไหลไม่หยุด แต่ก็ยกมือไหว้ขอบคุณกันด้วยใจจริง
แต่หลังจากนั้นพวกผมก็ยังไม่ดีขึ้น เพิ่มมาแค่มีคนที่เกรงกันจริง พูดกันรู้เรื่องขึ้นมา1คน
ทิ้งช่วงแค่เดือนเดียวก็ไปเช่าบ้านสุมหัวกันอีก .... พฤติกรรมเดิมๆ เลวกว่าเดิม มีญาติเพื่อนพาสาวมาเรียงคิว รุ่นพี่คนเดิมเอาผงขาวมาพี้ในบ้าน พวกเราเมานอนกลิ้งมันก็นั่งลนผงอยู่ข้างๆ ตอนนั้นไม่มีใครคิดมาก ให้มันอยู่เพราะมันขยันขนกัญชาที่บ้านมาฝากทีละเป็นห่อๆ ....... ตอนจบม.6มีเพื่อนติดผงขาว3คน