"คุณสน" พูดถูกครับ..
ที่จริงแล้ว ประชาชนควรทำเพียงแค่กรอกแบบฟอร์มเพื่อยืนยันสิ่งที่จะกระทำเท่านั่น
แต่สำหรับบ้านเรายังอีกไกล นู้นนน..เลยครับ..อีกกี่ปีแสงก็ไม่รู้..
จริงๆสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เห็นด้วยค่อนข้างมากคือ ระเบียบที่มีการกำหนดขึ้นว่า
ต้องมี
ใบรับรองความประพฤติ จะจากผู้บังคับ บัญชา จะกำนัน, ผู้ใหญ่บ้านหรือ ข้าราชการซี 6
ผมถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติที่ลดทอนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ค่อนข้างมาก
คิดว่าคนดีเลวปัจจุบันนี้ ขึ้นอยู่กับสถานะทางสังคมหรือ?..กฎหมายหรือระเบียบหรือ
คนที่นำมาใช้ ผมว่ามันไม่พัฒนาพอๆกันครับ
ไม่รู้คิดมาได้ไง? ถ้าองค์ประกอบอื่นๆเข้า มาตรา ๑๓ มันควรจะพอเพียงแล้ว
อย่าไปเอาไอ้พวกมีปืนถูกกฎหมายแล้วทำผิดกฎหมายซ้ำซากมาเกี่ยวเลยครับ
พวกนั่นเขาเป็นบุคคพิเศษที่ในความเป็นจริง บ้านเราจำเป็นต้องมีบุคคลประเภทนี้
เป็นบุคคลพิเศษ ที่ผมหลบได้เป็นหลบ ...
ส่วนเรื่องอื่นๆก็ว่าตามกันครับ..เพราะทำอะไร?ไม่ได้มาก..แต่ถ้าผมคุมเสียงข้างมากในสภาได้เมื่อไหร๋?
ผมจะให้ คุณสนเป็น ประธานกรรมาธิการร่างแก้ไข กฎหมายที่เกี่ยวกับอาวูธปืนครับ..แซวน่ะ!!...
เฉพาะตรงสีแดง
1.ถ้าไม่นับพื้นที่ห่างไกล (ยังมีอยู่จริง ๆ นะครับพื้นที่พวกนี้) สามารถใช้Internet ความเร็วสูง ได้หมดแล้ว(ส่วนพวกห่างไกลก็ต้องใช้พวกระบบผ่านดาวเทียมที่ผีเข้าผีออกเวลาหน้าฝน) หน่วยงานต่าง ๆ มีการปรับปรุงฐานข้อมูลให้สามารถเรียกใช้ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ กันเกือบหมดแล้ว..........ปัญหามันอยู่ที่ว่า ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างพัฒนา(เพราะข้าได้หัวคิวจากการจ้างพัฒนาระบบ) ไม่มีการบูรณาการระบบข้อมูลที่ว่าเข้าด้วยกัน เกิดการซ้ำซ้อนในเรื่องข้อมูล แยะพอสมควร (ไม่ต้องอื่นไกล กรมผม คนละกองคนละงาน ยังต่างคนต่างทำ แล้วก็มาบรรจบที่ผู้ปฏิบัติต้องกรอกข้อมูลซ้ำซ้อนคล้าย ๆ กัน) ถ้าเรามีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพ(จริง ๆ )ในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ พัฒนาระบบโปรแกรมต่าง ๆ ให้สามารถบูรณาการข้อมูล ผมเชื่อว่าในไม่เกิน 10 ปีอย่างช้า (อย่างเร็วก็ประมาณ 5 ปี) หน่วยงานราชการจะสามารถดูแค่บัตรประชาชน แล้วทราบถึงข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ ของบุคคลในส่วนที่จำเป็นและเกี่ยวข้องได้...........
2.การรับรองความประพฤตินั้น ในส่วนของประชาชนสมควรยกเลิกครับ เพราะข้าราชการควรจะมองว่าประชาชนเป็นผู้มีความประพฤเรียบร้อย จนกว่าจะมีเหตุให้น่าส่งสัยว่าบุคคลนั้นต้องมีการรับรองความประพฤติ แต่ในส่วนของข้าราชการ พนักานรัฐวิสาหกิจนั้น ผมว่ายังสมควรจะมีอยู่ครับ แต่อาจมีปัญหาในบางหน่วยงานที่ไม่กินเส้นกันกับเจ้านายอันนี้ก็คงต้องหากรณีตัวอย่างแล้วฟ้องกันว่าถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเปล่า เหตุผลเพราะเรื่องบางเรื่องในหน่วยงานเช่นการประพฤติผิดวินัยนี่ เป็นต้น หรืออาจจะให้เป็นการข้าราชการผู้นั้นเซ็นรับรองตนเองว่าไม่ได้อยู่ในระหว่างถูกสอบเรื่องผิดวินัย หรือเรื่องความผิดต่าง ๆ อาจใช้การให้ไปแจ้งความต่อ จนท.ตร.เพื่อเป็นหลักฐาน (หากปรากฎว่าโกหกก็เท่ากับแจ้งความเท็จ และโดนเรื่องการเป็นข้าราชการแต่กระทำความผิดเสียเองอีกระทง)
ส่วนเรื่องที่พี่แซวนั้น ผมขอคิดต่อว่ากลัวจะพาออกนอกลู่นอกทางด้วยความไม่รู้อีกแยะของผมครับ(ไอ้ที่พูด ๆ เขียน ๆ นี่ก็จำ ๆ พี่ ๆ หลาย ๆ ท่านมาปะติปะต่อเป็นเรื่องเป็นราว)
ว่าแต่พี่ยังไม่ได้ให้ความเห็นเรื่องประเด็นปืนอัดลมเลยครับ ว่าพี่คิดยังไง
ใช้ไม่ได้ครับพี่ เพราะอินเตอร์เน็ตของราชการ มักล่มบ่อย และไม่มีคนอัพเดทข้อมูล.......
ใช้ครับล่มบ่อยเพราะเป็นที่ระบบหรือเป็นที่การจราจรที่มากจนเกินระบบจะรับได้ จริง ๆ ผมเพิ่งทราบมาเมื่อซักไม่ถึง 1 เดือนว่า ในแต่ละระบบจะมีทางลัด(ทีใช้ตัวเลขแทนตัวอักษร) ในกรณีระบบที่เอาลิ๊งไปฝากไว้ล่มหรือการจราจรหน่าแน่น ก็ให้ใช้ทางลัดแทน............
ส่วนการไม่อัพเดทข้อมูลนี่ เป็นเรื่องของตัวบุคคลครับ การใส่ข้อมูลเข้าระบบ จะมีผู้ที่ต้องรับผิดชอบ แต่มักละเลยไม่ให้ความสำคัญ หรือไม่มีเวลาที่จะมาหาข้อมูลเพื่อกรอก อันนี้ก็ต้องไปพัฒนาคน
ดังนั้นเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงต้องพัฒนา 2 ด้านไปพร้อม ๆ กันคือ พัฒนาระบบ (แยกย่อยไปอีกว่าต้องทั้ง 2 ฝ่ายคือฝ่ายปฏิบัติที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ กับส่วนกลางหรือส่วนที่จับเก็บข้อมูล) และพัฒนาคน (แยกย่อยไปอีก 2 ฝ่ายคือทั้งฝ่ายที่ปฏิบัติที่จะต้องมีความรู้เพียงพอที่จะปฏิบัติงานได้ และฝ่ายที่ประจำอยู่ในส่วนกลางที่จะต้องเชี่ยวชาญกว่าคนปฏิบัติ เพราะต้องเป็นคนค่อยแก้ปัญหา ฯลฯ ให้) แต่เราโชคดีอย่างคือระบบโครงสร้างพื้นฐานเรื่องระบบInternet ความเร็วสูง นั้น เราค่อนข้างจะดี(ก็เปรียบเสมือนมีถนนดีนั้นแหละครับ) คือมีทั้งระบบสายโทรศัพท์ กับระบบ Internet ผ่านดาวเทียม (ที่แม้จะผีเข้าผีออกเวลาหน้าฝนก็ตาม)
ตอนนี้เรามีถนน (ระบบInternet) ที่เกือบ ๆ จะครอบคลุมทั่วประเทศ (เป็นส่วนที่ต้องใช้เวลามากที่สุด และแม้บางพื้นที่จะยังเป็นถนนลูกรังอยู่ก็ตาม) แค่หารถขนส่งดี ๆ (ระบบ) แล้วหาคนที่ขับรถเป็น(คนกรอกข้อมูล....เรามีหลักสูตรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ตตั้งแต่ระดับ ปวช.)............ส่วนที่ที่เหลือก็แค่หาวิธี (management) กันอย่างจริงจัง เราก็สามารถทำได้ครับ