เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กันยายน 25, 2024, 01:32:40 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4 ... 11
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องเน็ทไปเรื่อยเจอข้อมูลดีๆเลยเอาฝากครับ  (อ่าน 44294 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 71 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« เมื่อ: กันยายน 18, 2009, 03:30:05 PM »

ภาพสมองของผู้เสพยาบ้า


ถ้าไม่อยากรอจนแก่ กว่าสมองจะฝ่อหรือ ความจำเสื่อมแล้วล่ะก็ ง่ายนิดเดียว เสพยาบ้าสักสิบปี แล้วก็บอกลาเซลล์สมองของคุณได้เลย
‘นี่เป็นครั้งแรก ที่มีการถ่ายภาพ MRI (Magnetic Resonance Imaging) ของสมองของผู้ติดยาบ้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สมองถูกทำลายอย่างรุนแรง‘ Dr. Paul Thompson ผู้เชียวชาญด้าน brain mapping จาก UCLA กล่าว ‘การพบความเปลี่ยนแปลงในสมองของผู้เสพยาเป็นสิ่งที่เราคาดไว้อยู่แล้ว แต่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่า เซลล์จะถูกทำลายมากขนาดนี้’

ภาพสมองด้านบนแสดง ด้านในของสมองซีกขวา ของผู้เสพยาบ้า สีแดงบอกถึงว่ามีความเสียหายมากที่สุด

สมองในระบบ limbic ซึ่งมีบทบาทในอาการอยากยา อารมณ์ ความรู้สึก ความสุข เสียหายไป 11% เมื่อเทียบกับคนปกติ พบว่าเซลล์ในส่วนนี้ ตายและสลายตัวไป ผู้ติดยาจึงมีอาการหดหู่ กระวนกระวาย และไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อกับอะไรได้
สำหรับ hippocampus ศูนย์กลางในการสร้างความจำใหม่ๆ ก็มีขนาด 8% เล็กกว่าคนทั่วไป ซึ่งเทียบได้กับความเสียหายที่พบในคนเป็น Alzheimer’s ระยะแรกๆ นอกจากนี้ผู้ติดยาบ้ายังทำคะแนนในแบบทดสอบด้านความจำได้แย่กว่าคนปกติที่อายุเท่ากันอย่างมาก
Dr. Thompson กล่าวว่า สิ่งที่น่าตกใจมากก็คือ ยังพบว่า white matter ซึ่งเป็นส่วนของสมองที่ประกอบด้วยเส้นใยประสาท (nerve fibers) ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลจากเซลล์(neurons) ในบริเวณต่างๆของสมองยังมีอาการ ‘อักเสบ’ อย่างมาก ส่งผลให้สมองของผู้ติดยา บวม และมีขนาดใหญ่กว่าสมองคนปกติ 10% อย่างไรก็ดี ข่าวดีคือ ความผิดปกติใน white matterนี้ อาจจะกลับมาดีเหมือนเดิมได้ถ้าเลิกใช้ยา

การศึกษานี้ได้ตรวจสอบสมองของผู้ที่เสพยาบ้ามาแล้ว 10 ปี จำนวน 22 คน ที่มีอายุเฉลี่ย 35ปี และส่วนใหญ่เสพยาโดยการสูบ เทียบกับสมองของคนปกติที่ไม่เสพยา 21 คนในกลุ่มอายุเท่ากัน โดยเฉลี่ย ผู้ติดยา เสพยาบ้าประมาณ 4กรัมต่อสัปดาห์ และมีการใช้ยาเฉลี่ย 19วันในเดือนก่อนเริ่มการทดลอง

ภาพสมองที่ได้นี้แสดงให้เห็นว่า การใช้ยาบ้าเป็นเวลานานๆ มีผลทำลายสมองในบริเวณที่เฉพาะเจาะจง และความเสียหายนี้ก็เชื่อมโยงกับความจำที่ลดลง

ยาบ้าเป็นยาเสพติดที่มีฤทธิ์กระตุ้นสมอง ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นสุขจากการกระตุ้นการหลั่ง dopamine แต่ถ้าใช้ไปนานๆการตอบสนองก็จะลดลง และพบความเสียหายใน dopaminergic และ serotonergic pathways
นอกจากนี้ dopamine ที่หลั่งออกจากที่เก็บสู่ cytoplasm ยังถูก oxidized เป็น quinones และพวก free radicals ที่ทำลายเซลล์ได้ด้วย
จำนวนผู้เสพยาบ้า (methamphetamine) และอนุพันธ์กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยมีมากกว่า 35ล้านคนที่ติดยาเหล่านี้ ในขณะที่ผู้ติดโคเคนมี 15 ล้านคน และผู้ติดเฮโรอีนมีประมาณ 10ล้านคน (จากUnited Nations Office on Drug and Crime, 2003)

ข้อมูลจาก
-This is your brain on Meth: a forest fire of damage. The New York Times, 20 July 2004
-Structural Abnormalities in the Brains of Human Subjects Who Use Methamphetamine. Thompson P, et al. The Journal of Neuroscience, June 30, 2004 • 24(26):6028–6036

ข้อมูลเพิ่มเติม
-ยาบ้า ยาอี ยาเค คืออะไร ร้ายแรงแค่ไหน
http://www.pharm.chula.ac.th/surachai/Academic/CNS-Drgs/radio01.htm
-ข้อมูลและคำอธิบายเกี่ยวกับ MRI
http://www.radiologyinfo.com/content/mr_of_the_body.htm
http://electronics.howstuffworks.com/mri1.htm

เครดิตจาก วิชาการดอทคอม  ไหว้ ไหว้
http://www.vcharkarn.com/vcafe/21519
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 18, 2009, 03:38:13 PM โดย ArjunA » บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 18, 2009, 03:36:06 PM »


      ขอบคุณครับน้าอั้ม ..... บ้านเราคงคิดตรงข้าม .... เห็นขนกันทีจับได้มากมายหลายแสนเม็ด ..... เป็นการเวียนเทียนหรือเปล่า

บันทึกการเข้า

                
cobra-รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 86
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 557


36003


« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 18, 2009, 04:18:35 PM »

ขอบคุณมากครับ มิน่าถึงควบคุมสติไม่ได้
บันทึกการเข้า



Uploaded with ImageShack.us
♪♪︻┳一levis007︻┳一♪♪
รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 476
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4836


...คัง คัง ชิก...


« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 18, 2009, 05:26:01 PM »

เสพแล้วบ้าสมใจ ยี๊
บันทึกการเข้า

[/url][/url]
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 21, 2009, 08:49:48 PM »

LIGHTNING




 ฟ้าผ่า เป็นปรากฎการณ์ ที่เกิดขึ้นใน บรรยากาศ อันเกิดจากการคาย ประจุไฟฟ้า ที่สะสมในก้อนเมฆ เพียงแต่ การเกิดฟ้าผ่า ไม่ต้องมี แท่งตัวนำ การสะสมของประจุ ที่มีขั้วต่างกัน เป็นผลทำ ใหัเกิด สนามไฟฟ้า ระหว่างกลุ่มประจุเหล่านั้น เมื่อประจุ มีการสะสมจำนวนมาก ทำให้ความเครียด สนามไฟฟ้า เพิ่มสูงขึ้น เกินค่าความคงทน ของอากาศต่อแรงดันไฟฟ้า ทำให้เกิดการคายประจุขึ้น อัน เป็นจุดกำเนิดของการเกิด ฟ้าผ่าขึ้น การคายประจุ อาจเกิดขึ้น ระหว่างก้อนเมฆ หรือ ระหว่าง ก้อนเมฆ กับ พื้นโลก ซึ่งเรียก ปรากฏการณ์ นี้ว่า "ฟ้าผ่า" อันเป็นปรากฎการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับ ความเป็นไป ของชีวิตมนุษย์ บนโลกตลอดเวลา


การเกิดฟ้าผ่า

                         รายละเอียด ของกระบวนการ กลไกการแยกของประจุที่แน่ชัด ถูกต้อง แท้จริงนั้น ตราบเท่าทุกวันนี้ ยังไม่ทราาบแน่ชัด แม้จะมีหลาย ทฤษฎีที่สร้างมาเพื่ออธิบาย ว่าฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้อย่างไรโดยสรุปจาก ทฤษฎีต่างๆนั้น จะอธิบายถึง ประจุอิสระสะสม ในก้อนเมฆนั้น เกิดจากการเสียดสี ระหว่าง กระแสลมของ พายุ กับ ละอองไอน้ำ หรือ ก้อนเมฆ ที่อยู่ภายในบรรยากาศ ทำให้ละอองน้ำ มีประจุเป็นลบ และ อากาศมีประจุบวก เมื่อกระแสลม พัดขึ้นสู่เบือ้งบน ทำให้ ส่วนบนของ ก้อนเมฆ มีประจุบวก ส่วนละอองน้ำ มีประจุลบ นั้น ถูกพัดพาขึ้นเบื้องบน กระทบกับ ความเย็นเบื้องสูง จึงกลั่นตัว จึงเคลื่อนลงสู่ส่วนล่าง ของก้อนเมฆ ทำให้ส่วนล่างของก้อนเมฆ มีประจุลบ ถ้าเกล็ดน้ำ มีน้ำหนักเกินที่อากาศ จะพยุงตัว ก็ตกลงสู่พื้นโลก การกระจายตัวของประจุบวก และ ประจุลบ ในก้อนเมฆ จะมีการเคลื่อนตัวตามกระแสลม ประจุที่สะสมอยู่ในก้อนเมฆ ซึ่งมีทั้งประจุบวกและ ลบจึงทำให้เกิดสนาม ไฟฟ้าขึ้นระหว่างกลุ่มประจุบวก กับประจุลบ หรือ ทำให้เกิดประจุเหนี่ยวนำขึ้น ที่พื้นโลก ความเครียดสนามไฟฟ้าสูงขึ้น เมื่อประจุสูงสะสมมากขึ้น ถ้าความเครียดสนามไฟฟ้า สูงขึ้นถึงค่าวิกฤต ทำให้เกิด การเบรคดาวน์ขึ้น ค่าความเครียดสนามไฟฟ้า วิกฤตของอากาศ ที่สภาวะบรรยากาศ มีค่าประมาณ 25 -30 kV /cm แต่ในก้อนเมฆ ที่อยู่ระดับสูง เหนือพื้นโลก มีความดัดบรรยากาศต่ำ ความเครีดสนามไฟฟ้า วิกฤต ประมาณ 10 kV /cm ก็สูงพอ ที่จะ ทำให้เกิด การดีสชาร์ค ได้ ฉะนั้นเมื่อจุดใดๆ ในก้อนเมฆ มีความเครียด สนามไฟฟ้าถึงจุดนี้ ก็ เป็นจุดเริ่มต้น ของการเกิดฟ้าผ่า ประจุจาก ก้อนเมฆ จะดีสชาร์จลงสู่พื้นโลก ได้ด้วยความเร็ว ประมาณ 1 ใน 10 ของ ความเร็วแสง คือประมาณ 30,000 กิโลเมตร ต่อวินาทวินาที ประจุดีสชาร์ค ลงสู่พื้นโลก เป็นลำแสงจ้านี้ เรียกว่า "ลำฟ้าผ่า " (main stroke) และ มีกระแสมากมาย ไหลผ่าน ตามลำฟ้าผ่านี้ ในช่วงระยะเวลาอันสั้น เรียกว่า "กระแสฟ้าผ่า"ี


ลักษณะฟ้าผ่าพื้นโลก

ลักษณะของฟ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆกับพื้นโลกอาจอธิบายได้ด้วยลักษณะดังต่อไปนี้ คือ

                1) ฟ้าผ่าขึ้นหรือฟ้าผ่าลง
                2) ขั้วของกระแสฟ้าผ่า เป็นบวกหรือเป็นลบ
                3) รูปคลื่นกระแสฟ้าผ่า
                4) ขนาดของกระแสฟ้าผ่า
                5) จำนวนครั้งฟ้าผ่าต่อเนื่อง


ผลของฟ้าผ่า

ผลของฟ้าผ่าที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรืออันตราย อาจแยกได้เป็น 3 ประเภท คือ

                1) ความร้อนอันเป็นผลทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่สิ่งมีชีวิต
                2) แรงกลหรือแรงระเบิด ฟ้าผ่าอาจทำให้เกิดแรงระเบิดได้มากมายเป็นผลทำให้
                    สิ่งที่ถูกผ่าพังทะลาย
                3) ผลทางไฟฟ้าเป็นอันตรายแก่ทั้งชีวิตคนและสัตว์


วิธีป้องกันฟ้าผ่าอาคารและสิ่งก่อสร้างสูงเด่น



                การป้องกันฟ้าผ่า หมายถึงการป้องกันมิให้เกิดอันตรายอันเนื่องมาจากฟ้าผ่า ซึ่ง เป็นผลมาจากความร้อน แรงกล และ ผลของไฟฟ้าฟ้าผ่ามักก่อให้เกิดความเสียหาย และ เป็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ถ้าหากไม่มีการป้องกันหรือกระทำการป้องกันไม่ถูกวิธี

การป้องกันฟ้าผ่าอาคารและสิ่งก่อสร้างสูงเด่น

                สิ่งก่อสร้างในที่โล่งหรือสูงเด่นกว่าสิ่งอื่นๆ ในบริเวณเดียวกันมักเป็นเป้าหมาย อย่างดี เมื่อตัดสินใจที่จะทำการป้องกันก่อนลงมือสร้าง การป้องกันอันตรายที่เกิดจากฟ้าผ่า มิให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งก่อสร้าง วิธีที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่มนุษย์รู้จักในปัจจุบัน คือ วิธีของฟาราเดย์ ส่วนประกอบของระบบป้องกันฟ้าผ่าแบบฟาราเดย์

                1) สายอากาศล่อฟ้า(Air termfinal)
                2) สายนำลงดิน(Down conductor) 3)รากสายดิน(Earth electrode)

การป้องกันฟ้าผ่าคนและสัตว์

                มี 2 แบบคือถูกลำฟ้าผ่าโดยตรงเมื่อคนหรือสัตว์อยู่ในที่โล่งแจ้งเป็น จุดเด่น หรือมา จากสปาร์คด้านข้างโดยที่ฟ้าผ่าลงต้นไม้หรือสิ่งก่อสร้าง การป้องกันโดยอย่าอยู่ในที่โล่งขณะฝน ฟ้าคะนอง การพายเรือ หรือว่ายน้ำควรหลีกเลี่ยงการหลบฝนใต้ต้นไม้ควรห่างจากต้นไม้ประมาณ2-3เมตร
การหลบ หรือ หาที่กำบัง ขณะฝนฟ้าคะนอง ควรเลือกในที่มีระบบป้องกันฟ้าผ่า




ลำนี้ใหญ่มากๆ คาดว่าคงใกล้และรุนแรงมากครับ   ตกใจ ตกใจ





Volcanic Lightning



Volcanic Lightning เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ อันมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเกิด ภูเขาไฟระเบิด จะเกิด พายุสายฟ้า ขึ้นในเถ้าภูเขาไฟที่กำลังพวยพุ่งขึ้นเหนือ ภูเขาไฟ โดยนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถค้นพบสาเหตุ ของ ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning) โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมุติฐานว่า ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง นั้นน่าจะคล้ายการเกิด พายุสายฟ้า ( Thunderstorms ) และในการสัมนาเกี่ยวกับสภาวะอากาศ TPOD เมื่อ 17 กันยายน 2004 เหล่านักวิทยาศาสตร์ ได้สัมนากันว่าปรากฏการณ์นี้ อาดเกิดจากการที่อนุภาคของเถ้าภูเขาไฟเกิดการพุ่งชนกัน ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต ขึ้นในอนุภาคของเถ้าภูเขาไฟ และเป็นเหตุให้เกิดฟ้าผ่าขี้น ขณะเกิดภูเขาไฟระเบิด และเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีสมมุติฐานใหม่ ว่าอาจเกิดจากที่เม็กม่า ได้ปลดปล่อยความชื้นออกมา

ทำไม จึงเกิดปรากฏหการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง แค่บางครั้ง การระเบิดบางครั้งที่ปล่อยเถ้าภูเขาไฟจำนวนมาก แต่เกิดฟ้าผ่าเพียงเล็กน้อย หรือไม่เกิดฟ้าผ่าเลย แต่การระเบิดบางครั้งที่มีเถ้าภูเขาไฟน้อย แต่เกิดฟ้าผ่าจำนวนมาก หินภูเขาไฟที่พ่นออกมาสามารถอธิบายได้ว่าถ้าหินภูเขาไฟมีความต้านทานไฟฟ้าสูง จะมีโอกาศที่จะเกิด ปรากฎการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง มากขึ้น จึงอาจจะอธิบายได้จากอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน อย่างสายไฟไส้ทองแดง ( ทองแดงมีความต้านทานไฟฟ้าต่ำ ) สายไฟจะไม่เกิดความร้อนและ ประกายไฟขึ้น แต่ถ้ากระแสไฟฟ้าขนาดเท่ากันไหลผ่าน ทังค์สแตน ( ไส้หลอดไฟ ) จะเห็นว่าไส้หลอดจะเกิดแสงสว่าง และความร้อนขึ้น

เหตุการณ์ ภูเขาไฟ Sakurajima ระเบิด เมื่อ 18 พฤษภาคม 1991 พร้อมกับการเกิด ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning) เครดิตรูปภาพโดย Sakurajima Volcananological Observatory



เหตุการณ์ ภูเขาไฟ Pinatubo ในประเทศฟิลิปปินส์ ระเบิด ในปี 1991 พร้อมกับการเกิด ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning)



ภูเขาไฟ Redoubt ระเบิดใน Alaska และเกิด Volcanic Lightning



เหตุการณ์ ภูเขาไฟ Chaitin ในประเทศชิลี ระเบิด เมื่อ 6 พฤษภาคม 2008 พร้อมกับการเกิด ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning)





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2009, 08:52:38 PM โดย ArjunA » บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 21, 2009, 09:36:34 PM »

หากมนุษย์สามารถเก็บประจุไฟฟ้าจากปรากฎการณ์ฟ้าผ่ามาใช้ประโยชน์ได้ก็คงดีนะครับ 
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
เมียหลวงสั่งถอย เมียน้อยสั่งลุย
Sr. Member
****

คะแนน 53
ออฟไลน์

กระทู้: 900


« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 21, 2009, 10:50:20 PM »

น่ากลัวอ่ะ
บันทึกการเข้า
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 21, 2009, 11:42:54 PM »

หากมนุษย์สามารถเก็บประจุไฟฟ้าจากปรากฎการณ์ฟ้าผ่ามาใช้ประโยชน์ได้ก็คงดีนะครับ 
ปัญหาคือเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่ามันจะผ่าลงตรงไหนและเมื่อไหร่ครับพี่  แล้วนอกจากพลังงานไฟฟ้าที่ถูกปล่อยลงมาแล้วยังมีความร้อนอีก 30,000 C

ต้นนี้เป็นผลของการโดนฟ้าผ่าแบบเบาะๆ



แรงหน่อยก็หักโค่น ใบแห้งๆ



ถ้าโดนแบบเต็มเหนี่ยวจังๆ ยูคาต้นนี้สภาพดูไม่จืดเลย แตกยับใบแห้งเกรียม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2009, 11:49:20 PM โดย ArjunA » บันทึกการเข้า
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 21, 2009, 11:57:11 PM »

ขอบคุณมากครับ...

ภาพ Volcanic Lighting งดงามมากครับ...เยี่ยม
บันทึกการเข้า
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 22, 2009, 12:51:15 AM »

ขอบคุณมากครับ...

ภาพ Volcanic Lighting งดงามมากครับ...เยี่ยม
ขอบคุณครับพี่  ไหว้ ไหว้
ผมชอบ2ภาพนี้มากครับ เหมือนเป็นการแสดงแสงสีเมื่อ2สิ่งที่ทรงพลังที่สุดในโลกมาพบกัน ภูเขาไฟ และ สายฟ้า ไหว้ ไหว้



บันทึกการเข้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 22, 2009, 02:03:33 AM »

 Smiley สวย และน่ากลัวมาก
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
khwanphet_NAVY 39
Hero Member
*****

คะแนน 129
ออฟไลน์

กระทู้: 2035


« ตอบ #11 เมื่อ: กันยายน 22, 2009, 04:52:03 PM »

.........น่ากลัวจริงๆครับท่าน........................... ไหว้
บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #12 เมื่อ: กันยายน 22, 2009, 05:51:46 PM »

หากมนุษย์สามารถเก็บประจุไฟฟ้าจากปรากฎการณ์ฟ้าผ่ามาใช้ประโยชน์ได้ก็คงดีนะครับ 
ปัญหาคือเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่ามันจะผ่าลงตรงไหนและเมื่อไหร่ครับพี่  แล้วนอกจากพลังงานไฟฟ้าที่ถูกปล่อยลงมาแล้วยังมีความร้อนอีก 30,000 C

ผ่าตรงไหนนั้นสามารถทำได้ครับ  โดยการใช้เสาล่อฟ้าผ่า  แต่ปัญหามันยู่ที่เราจะเก็บประจุไฟฟ้ายังไง ถ้านักวิทยาศาสตร์ึคิดค้นวิธีเก็บประจุได้

ผมว่าน่าสนใจมากครับ  ผ่า 1 ครั้งเมืองทั้งเมืองน่าจะใช้ได้เป็นอาทิตย์เลยนะครับ  Wink
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #13 เมื่อ: กันยายน 22, 2009, 08:43:26 PM »

ผ่าตรงไหนนั้นสามารถทำได้ครับ  โดยการใช้เสาล่อฟ้าผ่า  แต่ปัญหามันยู่ที่เราจะเก็บประจุไฟฟ้ายังไง ถ้านักวิทยาศาสตร์ึคิดค้นวิธีเก็บประจุได้

ผมว่าน่าสนใจมากครับ  ผ่า 1 ครั้งเมืองทั้งเมืองน่าจะใช้ได้เป็นอาทิตย์เลยนะครับ  Wink

จริงครับที่ว่าเราสามารถดึงให้ฟ้าผ่าในจุดที่เราต้องการ ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองได้ แต่เราต้องไม่ลืมว่าฝนไม่ได้ตกจุดใดจุดหนึ่งสม่ำเสมอ
เอาแค่ในกรุงเทพเองจังหวัดเล็กนิดเดียวฝนตกแยกลาดพร้าว สะพานควายดันไม่ตกทั้งๆที่ห่างกันแค่ไม่กี่กิโล แล้วถ้าไม่ใช่ฤดูที่มีฝนตกฟ้าคะนอง
ไม่มีฟ้าผ่าให้เก็บกระแสไฟก็ตั้งใช้พลังงานสำรองจากที่เก็บไว้ก่อนหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย5เดือน
 
สมมุติว่าเราสามารถขึ้นสถานีรับฟ้าผ่าได้ทั่วบริเวณ เราจะใช้อะไรในการถ่ายกระแสไฟฟ้าแรงดันมหาศาลไปสู่แหล่งเก็บ
ในปัจจุบันแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรองแบบเดี่ยวที่มนุษย์รู้จักก็คือแบตเตอรี่
แบตเตอรี่แบบไหนจำนวนเท่าไหร่ที่จะรับแรงดันมหาศาลความต่างศักย์กว่า หกพันล้านโว้ลท์ ที่ประจุพรวดเข้ามาทีเดียวได้ทันโดยที่ไม่ระเบิดเสียก่อน
พลังงานแฝงอีก 1,000,000,000,000,000 joules เทียบได้กับระเบิดปรมาณู ที่ทิ้งลงที่ฮิโชิมา
ความร้อนกว่า 25,000 องศาเซลเซียสที่แฝงมากับฟ้าผ่าเราจะจัดการอย่างไร ไม่ให้สายส่งละลายเป็นจุลไปซะก่อน 
หากฟ้าผ่าซ้ำลงมาอีกทีติดๆกันความร้อนเพิ่มมาอีก 25,000 องศาเซลเซียส ในขณะที่ความร้อนเดิมยังไม่ได้ถ่ายเทไปไหนเลย
ถ้าเกิดโดนผ่าติดกัน 5ครั้งล่ะความร้อนสะสมเท่าไหร่และก็ไม่มีอะไรรับประกันว่ารอบนี้จะโดนแค่5ครั้ง  เท่าที่ผมทราบโลหะที่ทนความร้อนได้มากที่สุดที่มนุษย์รู้จัก
คือ Uranium carbide จุดหลอมเหลว 2,790 องศาเซลเซียส และ Tungsten carbide จุดหลอมเหลว 2,870 องศาเซลเซียส
ช๊อคเวฟที่เกิดตามมาหลังจากที่ฟ้าผ่าเคลื่อนที่ผ่านอากาศด้วยความเร็ว 60,000 m / s ลำอากาศรอบๆสายฟ้าจะถูกอัดด้วยแรงกดดันมหาศาลจนฉีกตัวออก
กลายเป็นพลาสม่า การขยายตัวอย่างฉับพลันของพลาสม่า ทำให้เกิดช๊อคเวฟ ที่เมื่อเดินทางไประยะหนึ่ง จะลดกำลังลงกลายเป็นคลื่นเสียง

พลังงานจากฟ้าผ่าเป็นพลังงานที่มีปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ และตัวแปรที่เรายังไม่ทราบมากเกินไปครับ พี่Sitthipong การหาพลังงานทางเลือกแบบอื่น
เช่นความร้อนใต้พิภพ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ง่ายกว่ามากครับพี่  ไหว้ ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2009, 09:07:40 PM โดย ArjunA » บันทึกการเข้า
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2009, 05:44:52 PM »

Carcharodon Megalodon





เมกะโลดอน (อังกฤษ: Megalodon ภาษากรีกแปลว่า ฟันใหญ่) ปลาฉลามขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carcharodon megalodon นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีรูปร่างและลักษณะรวมทั้งพฤติกรรมคล้ายคลึงกับปลาฉลามขาว (Carcharodon carcharias) และได้จัดให้อยู่ในสกุล Carcharodon อันเป็นสกุลเดียวกับฉลามขาว แต่ทว่า เมกะโลดอนมีขนาดลำตัวที่ใหญ่กว่ามาก

เมกะโลดอน มีชีวิตอยู่ในช่วงยุคนีโอจีน (Neogene Period) (23-1.81 ล้านปีก่อน) โดยแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรในแถบทวีปอเมริกาใต้ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า
เมกะโลดอนกินอาหารโดยไม่เลือก และอาจจะกินวาฬได้ด้วย เนื่องจากมีการขุดค้นพบกระดูกวาฬที่มีรอบฟันคล้ายรอยฟันของฉลามกัด เชื่อว่าเป็นรอยฟันของเมกะโลดอน

ขนาดของเมกะโลดอน อาจมีความยาวประมาณ 20 เมตรหรือยาวกว่านั้น ฟันของเมกะโลดอน มีความยาวประมาณ 21 เซนติเมตร และมีขนาดกรามใหญ่ถึง 2 เมตร นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเมกะโลดอนที่ยังอ่อน จะอาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเล และตัวใหญ่จะออกหากินตามทะเลเปิดและก้นมหาสมุทร โดยสามารถว่ายน้ำและโจมตีเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน เชื่อว่าเมกะโลดอนได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้วราว 15 ล้านปีก่อน แต่ยังเหลือปลาที่มีความใกล้เคียงกันที่สุดก็คือ ฉลามขาว

ขนาดของเมกะโลดอน เมื่อเทียบกับฉลามขาวตัวเต็มวัย (1ช่องสเกล/1เมตร)



ขนาดของฟันเมกะโลดอน



เทียบขนาดกับฟันของฉลามขาว



ขนาดของขากรรไกรเมื่อเทียบกับมนุษย์
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 ... 11
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 22 คำสั่ง