เนื่องในวันทหารผ่านศึกพระบรมราโชวาท ณ ภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓
ผู้ใดสละชีวิตเป็นชาติพลี เป็นวีรบุรุษผู้รักชาติรักบ้านเกิดเมืองนอนอย่างแท้จริง
และได้ทำหน้าที่ของคนไทยอย่างสมบูรณ์ ควรแก่การยกย่องสรรเสริญเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนจักต้องรักษาเกียรติประวัติของผู้กล้าหาญเหล่านี้ไว้
และถือเอาเป็นแบบฉบับในการปฏิบัติงานเพื่อประเทศชาติตลอดสืบไป
ตำนานดอกป๊อปปี้
ต้นป๊อบปี้ที่ดอกของต้นไม้ล้มลุกนี้เป็นเสมือนสัญลักษณ์สากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับ
นี่คือเครื่องหมายแห่งการรำลึกถึงทหารผ่านศึกผู้เสียสละได้แม้ชีวิตแห่งตนเพื่อปกป้องประเทศชาติอันเป็นที่รักของเขา
ย้อนกลับไปเมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สมรภูมิฟลานเดอร์ส ที่เบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ ณ ที่แห่งนั้น กองกำลังสัมพันธมิตร
ต้องสูญเสียทหารไปอย่างมากมาย มันเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งจอมพล เอิร์ล ออฟ เฮก ผู้บัญชาการรบ เมื่อได้ออกตรวจแนวรบ
และไปยังสมรภูมิแห่งนี้ เพื่อเคารพศพ สหายสงครามที่ทอดกายอยู่ใต้ผืนดิน อันใช้เป็นสุสานที่พักสุดท้ายของทหารกล้า
ท่านจอมพลถึงกับอดกลั้นความสะเทือนใจเอาไว้ไม่ไหวกับภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า มันคือลานโล่งที่แทรกตัวอยู่ในแนวรบ
ที่ปะทะกันสิ้นสุดลงไปแล้ว บริเวณนั้นกลายเป็นสุสานที่แทรกแซมอยู่ด้วยดอกป็อบปี้สีแดง กลีบบางของมันอ่อนไหว
ยามต้องสายลมเหตุการณ์นี้เองที่มีการถือเอาเจ้าดอกป็อบปี้นี้มาเป็นสัญลักษณ์ของนักรบผู้ผ่านศึกแม้ว่าร่างกายจะปลดปลงหรือ
มีชีวิตรอดกลับมาจากแนวรบก็ตาม นับจากนั้นมาโลกก็เริ่มรู้จักดอกไม้วามปลอดภัยจากแนวรั้วของชาติเหล่านี้ไร้ค่า
ซึ่งสมถะดำรงชีพอยู่ตามแนวป่า อาศัยเพียงแสงแดดและน้ำค้างยามเช้าหล่อเลี้ยง เปรียบเสมือนชีวิตทหารที่มาจากทั่วสารทิศ
ไม่มีใครรู้จักพวกเขา แต่หน้าที่และภารกิจนั้นกลับทำไปเพื่อคนส่วนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังจะได้มีความปลอดภัยจากแนวรั้วของชาติเหล่านี้
http://www.yenta4.com/scoop/3feb.php หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือหลังสงครามมหาเอเซียบูรพาสิ้นสุดลง มีทหารไทยจำนวนมากที่ถูกปลดปล่อยจากการเป็นทหาร จึงได้มีเสียงเรียกร้องขอให้ทางการพิจารณาให้ความช่วยเหลือดังนั้น ในปี พ.ศ.2490 กระทรวงกลาโหมอันเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรง จึงได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทหารที่ กลับจากปฏิบัติการรบ และช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในการรบแต่ก็ยังเป็นหน่วยงานที่ไม่เป็นทางการ
ต่อมากระทรวงกลาโหมได้เสนอพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกขึ้น โดยได้ผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาล และได้มีการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2491 จึงได้ยึดเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันทหารผ่านศึก โดยมี พลโท ชมะบูรณ์ ไพรีระย่อเดช เป็นผู้อำนวยการคนแรก ในปี พ.ศ.2510 องค์การทหารผ่านศึกได้ปรับเปลี่ยนฐานะมาเป็นองค์การเพื่อการกุศลของรัฐ และเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย โดยได้รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงกลาโหมและเงินที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นครั้งคราว ภารกิจหลักขององค์การทหารผ่านศึก ได้แก่ การให้การสงเคราะห์แก่ทหารที่ผ่านการปฎิบัติการรบ และครอบครัวของทหารที่ปฏิบัติการรบ ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ประเภท คือ
1. การสงเคราะห์ทางด้านสวัสดิการ เป็นการให้การสงเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไป ที่อยู่อาศัย การศึกษา ตลอดจนให้ความช่วยเหลือด้านอวัยวะเทียม
2. การสงเคราะห์ทางด้านอาชีพ โดยการฝึกอบรมและการฝึกอาชีพ ให้ความช่วยเหลือในทางด้านการทำงาน จัดหางานให้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
3. การสงเคราะห์ด้านนิคมเกษตรกรรม จัดสรรที่ทำกินในด้านเกษตรกรรมให้ และให้ความช่วยเหลือทางด้านเครื่องมือและวิชาการ
4. การสงเคาระห์ด้านกองทุน โดยการจัดหาเงินทุนให้สมาชิกขององค์การทหารผ่านศึกได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพ
5. การสงเคราะห์ด้านการรักษาพยาบาลให้แก่สมาชิก โดยไม่คิดมูลค่า
6. ให้มีการส่งเสริมสิทธิของทหารผ่านศึก โดยการขอสิทธิพิเศษในด้านต่างๆ ให้แก่ทหารผ่านศึก เช่น การขอลดค่าโดยสาร เป็นต้น
ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารผู้เสียสละแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยและอธิปไตยของชาติ ดอกป๊อปปี้ สีแดง นั้น เป็นสัญลักษณ์แทน ทหารผ่านศึก ผู้พิทักษ์รักษาประเทศชาติให้มีเอกราชอธิปไตย สีแดงของดอกป๊อปปี้ คือ เลือดของทหารหาญที่ได้หลั่งชโลมแผ่นดินไว้ด้วยความกล้าหาญ เสียสละอันสูงสุด ดังนั้นวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันที่เราทั้งหลายจะได้เห็นดอกป๊อปปี้บานสะพรั่งไปทั่วราชอาณาจักร
สำหรับประเทศไทยแล้ว การจัดทำดอกป๊อปปี้เพื่อจำหน่ายในวันทหารผ่านศึกเกิดจากดำริของ ท่านผู้หญิง จงกล กิตติขจร ประธานสโมสรสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก หรือมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกในปัจจุบัน ที่ต้องการจะดำเนินการหาทุนมาช่วยเหลือทหาร และครอบครัวทหารผ่านศึก ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศจึงได้เลือกเอาดอกป๊อปปี้สีแดง ซึ่งมีประวัติเกี่ยวโยงถึงสมรภูมิฟลานเดอร์ส สมรภูมิเบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ระหว่างสัมพันธมิตร และเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสงครามในครั้งนั้นทหารพันธมิตรได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากสมรภูมินี้มากที่สุด จอมพลเอิร์ล ออฟ เฮก ผู้บัญชาการรบที่นั่นได้เห็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่น่าพิศวงและน่าพิศมัยเกิดขึ้น ณ สมรภูมิดังกล่าว ในบริเวณหลุมฝังศพทหาร โดยมีดอกป๊อปปี้ป่าขึ้นอยู่เดียรดาษทั่วไป ทำให้เกิดเป็นลานสีแดงฉานสวยงาม ตั้งแต่นั้นมาดอกป๊อปปี้จึงกลายเป็นดอกไม้อนุสรณ์แห่งวีรกรรมของทหารผ่านศึก เตือนใจให้ระลึกถึงเลือดสีแดงของทหารที่ได้เสียสละเพื่อประเทศชาติ
สำหรับประเทศไทยได้ส่งทหารเข้าร่วมรบในสงครามต่างๆ มาแล้ว โดยมีอนุสาวรีย์เชิดชูเกียรติ ปรากฎเป็นอนุสรณ์อยู่ วีรกรรมของนักรบไทยในการรบได้ขจรขจายไปทั่ว ปรากฎ ต่อสายตาชาวโลก ฉะนั้น เพื่อระลึกถึงเกียรติภูมิของนักรบกล้าหาญ จึงได้กำหนดให้ดอกป๊อปปี้เป็นดอกไม้ที่ระลึกสำหรับทหารผ่านศึกไทยเช่นเดียวกับในต่างประเทศ และมีการจำหน่ายในวันที่ระลึกทหารผ่านศึก ตั้งแต่ปี 2511 เป็นต้นมา นับเป็นโอกาสอันดีที่เราท่านทั้งหลายจะได้แสดงความระลึกถึง และช่วยเหลือทหารผ่านศึกและครอบครัว ด้วยการซื้อดอกป๊อปปี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารผ่านศึก ผู้กล้าหาญ และเสียสละ ตลอดจนเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีและวีรกรรมของเหล่าทหารหาญที่ทำให้เราอยู่กันอย่างสงบสุขบนผืนแผ่นดินไทย และมีอธิปไตยมีชาติ บ้านเมือง ให้ได้อยู่อาศัย ตราบชั่วลูกชั่วหลานจวบจนปัจจุบัน
สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
http://www.lib.ru.ac.th/journal/feb/feb03-VeteranDay.html ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใกล้วาเลนไทน์ วันแห่งความรักแล้วครับว่ากันว่าการยิ้มอย่างจริงใจ และการกอดเป็นการแสดงความรักความอบอุ่นต่อกันได้เป็นอย่างดี
อย่าลืมแสดงความรักความห่วงใยคนที่เรารักและรักเรานะครับ
http://www.youtube.com/watch?v=vr3x_RRJdd4&feature=player_embedded#เป็นอะไรที่น่ารักมากครับผมดูไปแล้วก็ยิ้มไป