เมื่อมีข่าวเรื่องเครื่องยนต์ 2 เครื่องของเครื่องบินของกองทัพอากาศมาเลเซียหาย ผู้คนที่ได้ยินข่าวก็ฟังกันขำขำ เพราะทุกวันนี้มีข่าวปล่อยทางอินเตอร์เน็ตมากซะจนไม่มีใครเชื่อใครกันแล้วครับ แต่สำนักข่าวเบอริต้าฮาเรียนไม่ขำกับข่าวนี้ บรรณาธิการสั่งสืบสวนหาข่าวจนได้ความจริงว่า เครื่องยนต์ของเครื่องบินขับไล่ F-5E ของกองทัพอากาศมาเลเซีย หายไป เมื่อวันอังคารที่ 26 มิถุนายน 2550 เครื่องหนึ่ง และพอถึงวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ก็หายไปอีกเครื่องหนึ่ง
โถ พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง เครื่องยนต์หาย เครื่องบินก็ต้องจอดแหง็ก อยู่ที่ฐานทัพอากาศกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ย่านสุไหงเบซี ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ และที่ฐานทัพอากาศที่เมืองบัตเตอร์เวิร์ธ รัฐปีนัง
ใครไปสำเร็จการบัญชี การจัดเก็บพัสดุ และการจัดการทรัพย์สิน มาจากมหาวิทยาลัยในประเทศมาเลเซียนี่ ไม่น่าไว้ไจ และไม่น่ารับเข้ามาทำงานในหน่วยงานของท่าน เพราะระบบพวกนี้ของมาเลเซียอ่อนมาก ขนาดเครื่องยนต์หายไปจากเครื่องบินราคาแสนแพง และเป็นสมบัติสำคัญของประเทศชาติ แต่ก็ยังไม่มีใครรู้
นักบินรู้ว่าเครื่องยนต์ของตนหาย ก็หลังจากที่พาเครื่องบินบินขึ้นไปวนไปวนมาบนฟ้าอยู่หลายวัน อ้าว ไอ้นิติภูมินี่ชักจะเขียนหนังสือใจลอย เครื่องยนต์ไม่มีแล้วเครื่องบินมันจะบินขึ้นไปได้ยังไงกัน แหม เอาใหม่ ขอเขียนใหม่ว่า กว่านักบินจะรู้ว่าเครื่องยนต์หายก็ใช้เวลาเป็นเดือน
ของหายนี่ก็แปลกครับ ไม่รู้เป็นยังไง ต้องไปเจอเอาในสถานที่ที่ไปค้นหากันเป็นครั้งสุดท้ายทุกทีไป
การขโมยเครื่องยนต์ของเครื่องบินเป็นฝีมือของพวกทหารอากาศของมาเลเซีย เห็นพวกทหารชั้นผู้ใหญ่โกงได้ ทหารชั้นผู้น้อยอย่างพวกตูก็เอาบ้าง รัฐบาลมาเลเซียจ้างคนสืบสวนหาข่าว เฝ้าติดตามไปทั่วโลกก็จึงถึงรู้ว่า เครื่องยนต์ของเครื่องบินขับไล่ F-5E ทั้งสองเครื่องถูกขายต่อไปยังสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัย บ้านเราเรียกกันง่ายๆ ว่าประเทศอุรุกวัย ซึ่งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้
ตอนนี้รัฐบาลมาเลเซียต้องใช้ พ.ร.บ.ความร่วมมือด้านอาชญากรรม พ.ศ.2545 ขอความช่วยเหลือไปยังสถานเอกอัครราชทูตอุรุกวัยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเรียกคืนเครื่องยนต์อันเป็นทรัพย์สินของราชการทหารกลับประเทศ
นิติภูมิ นวรัตน์
credit :
http://www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/71390