เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 27, 2024, 01:18:06 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8 9
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โดนด่าน ตร.ตรวจค้น อวป.ในรถ..ขอถามเพื่อนสมาชิกที่เป็น ตร./ ท. ด่วนครับ  (อ่าน 20859 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 9 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
JJ-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 386
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9425


« ตอบ #90 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 05:31:26 PM »

กฎหมายที่เขียนโดยการปล้นอำนาจมา ส่วนตัวผมไม่รับครับ ขอบคุณครับ
ผมไม่ใช่นักกฎหมายนะครับ
แต่กฎหมายที่เขียนจากใครก็ช่าง ก็เป็นกฎหมายที่เราต้องปฏิบัติตามไม่ใช่เหรอครับ
บันทึกการเข้า
พีระพงษ์
Full Member
***

คะแนน 59
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 173


« ตอบ #91 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 05:51:35 PM »

การอ้างถึง สิทธิ ของบุคคล ในรัฐธรรมนูญ บุคคลนั้นต้องไม่ทำการ ละเมิด หรือทำผิดกฎหมาย
และ ต้องไม่กระทำละเมิดสิทธิ ของบุคคลอื่น ด้วยครับ
ถ้าได้กระทำผิดกฎหมาย ต้องใช้ สิทธิผู้ต้องหาแทนครับ เยี่ยม

หมายความว่าเมื่อเป็นผู้ต้องหาแล้ว  สิทธิบุคคลทั้งปวงได้หมดสิ้นไป  เหลือแต่สิทธิของผู้ต้องหา  หรือครับ
บันทึกการเข้า

Shoot first !
Ask question later.
seiya-รักในหลวง
"ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 206
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1134


to make a friend, be a friend...


« ตอบ #92 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 06:58:17 PM »

ใช้กฏหมายคนละฉบับ  มี"รับได้" กับ"รับไม่ได้" ด้วยหรือ  งอน
บันทึกการเข้า

"Protection" is much better than "Correction".
กรุณารักษา"สิทธิ" ในการปกป้องตนเองและคนที่เรารัก
http://youtu.be/KYGScnPo8HQ
banana man
ศิษย์หลวงพ่อมงคลนิมิตร
Full Member
***

คะแนน 13
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 111


"นอกตำรา" แต่ไม่ "นอกแถว"


« ตอบ #93 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 07:45:17 PM »

กฎหมายที่เขียนโดยการปล้นอำนาจมา ส่วนตัวผมไม่รับครับ ขอบคุณครับ

ขอโทษจริงๆครับ ผมเป็นคนไม่ค่อยติดตามข่าวสารบ้านเมืองเลย
คือผมอยากรู้มากเลยครับว่า ใครปล้นใคร แล้วปล้นกันยังไงครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

  ความผิดพลาดในชีวิตเกิดขึ้นได้กับทุกคน จงอย่าท้อ และอย่าเสียใจ เริ่มต้นใหม่แก้ไขและยอมรับความจริงนั้น
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #94 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 09:10:05 PM »

การอ้างถึง สิทธิ ของบุคคล ในรัฐธรรมนูญ บุคคลนั้นต้องไม่ทำการ ละเมิด หรือทำผิดกฎหมาย
และ ต้องไม่กระทำละเมิดสิทธิ ของบุคคลอื่น ด้วยครับ
ถ้าได้กระทำผิดกฎหมาย ต้องใช้ สิทธิผู้ต้องหาแทนครับ เยี่ยม

หมายความว่าเมื่อเป็นผู้ต้องหาแล้ว  สิทธิบุคคลทั้งปวงได้หมดสิ้นไป  เหลือแต่สิทธิของผู้ต้องหา  หรือครับ

ไม่มีคำว่าสิทธิผู้ต้องหา ในรัฐธรรมนูญหรอกครับอาจารย์
มีบัญญัติเรื่องสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ไว้ในส่วนที่ ๔ ซึ่งมีสองมาตรา
มีการแยกส่วน และบัญญัติเป็นข้อย่อยแสดงสิทธิไว้ชัดแจ้ง
ระบุกระทั่ง สิทธิในการไม่ให้ถ้อยคำเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง  Cool

ผมงงว่าอ่านตกหล่น"สิทธิผู้ต้องหา" ตรงไหน ก็ถามดู เมื่อให้ผมไปอ่านให้ครบถ้วนยันบทเฉพาะกาล ก็ไปอ่าน แต่ไม่เจอ
เพิ่งเห็นว่าคงรับและใช้รัฐธรรมนูญต่างฉบับออกไป กฎหมายก็คงตามแต่จะคิดเอาที่ถูกใจ ก็ไม่ว่ากันครับ  ขำก๊าก

บันทึกการเข้า
พีระพงษ์
Full Member
***

คะแนน 59
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 173


« ตอบ #95 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 09:59:03 PM »

การอ้างถึง สิทธิ ของบุคคล ในรัฐธรรมนูญ บุคคลนั้นต้องไม่ทำการ ละเมิด หรือทำผิดกฎหมาย
และ ต้องไม่กระทำละเมิดสิทธิ ของบุคคลอื่น ด้วยครับ
ถ้าได้กระทำผิดกฎหมาย ต้องใช้ สิทธิผู้ต้องหาแทนครับ เยี่ยม

หมายความว่าเมื่อเป็นผู้ต้องหาแล้ว  สิทธิบุคคลทั้งปวงได้หมดสิ้นไป  เหลือแต่สิทธิของผู้ต้องหา  หรือครับ

ไม่มีคำว่าสิทธิผู้ต้องหา ในรัฐธรรมนูญหรอกครับอาจารย์
มีบัญญัติเรื่องสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ไว้ในส่วนที่ ๔ ซึ่งมีสองมาตรา
มีการแยกส่วน และบัญญัติเป็นข้อย่อยแสดงสิทธิไว้ชัดแจ้ง
ระบุกระทั่ง สิทธิในการไม่ให้ถ้อยคำเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง  Cool

ผมงงว่าอ่านตกหล่น"สิทธิผู้ต้องหา" ตรงไหน ก็ถามดู เมื่อให้ผมไปอ่านให้ครบถ้วนยันบทเฉพาะกาล ก็ไปอ่าน แต่ไม่เจอ
เพิ่งเห็นว่าคงรับและใช้รัฐธรรมนูญต่างฉบับออกไป กฎหมายก็คงตามแต่จะคิดเอาที่ถูกใจ ก็ไม่ว่ากันครับ  ขำก๊าก

ผมก็ว่ามันแปลก ๆ อยู่ครับ  อาจจะหมายถึงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  ที่เป็นคนละเล่มกันด้วย
คือผมไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ก็เคยเรียน วิอาญา และเคยทำงานที่ต้องใช้ วิอาญา มานานหลายสิบปีเหมือนกัน
ไม่เคยเจอคำว่า "บันทึกจับกุม"  มีแต่หมายจับ หรือไม่ก็บันทึกการจับ


ในบันทึกจับกุมนั้น มี ยศ ชื่อ ของผู้จับกุม และพฤติการณ์การจับกุมอยู่แล้วครับ และท่านก็ไม่ต้องจดอะไรไปหรอกครับ
เพราะตาม ป.วิ อาญา ท่านให้มอบสำเนาให้ผู้ที่ถูกจับกุม 1 ฉบับ
ปล.ถ้ากฎหมาย ซึ่งก็ไม่ได้ออกโดย เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติ แต่ออกโดย ฝ่ายนิติบัญญัติ เจตนาเพื่อให้ทุกคนมีกฎกติกาอยู่ร่วมกันโดยปกติสุข ถ้าไม่สามารถบังคับใช้ได้กับทุกๆบุคคลให้เท่าเทียมกัน ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมีกฎหมาย ครับ
บันทึกการเข้า

Shoot first !
Ask question later.
EVE2009
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #96 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 10:30:18 PM »

สวัสดีค่ะสมาชิกใหม่ค่ะ
บันทึกการเข้า
SA-KE
เมื่อเดินผิด ย่อมมิใช่มนุษย์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 702
ออฟไลน์

กระทู้: 3612


เรารักในหลวง


« ตอบ #97 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 10:44:29 PM »

หมาดๆ เลยครับ ผมเพิ่งโดนเมื่อคืนวานเอง  เเบบเต็มๆครับ ผมอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายเเดนใต้ ปรกติก็โดนเป็นตรวจประจำครับเเถวบ้าน เเต่ก็นานๆครั้งที่ผมจะเอาปืนเก็บใว้ในรถ  ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ที่บ้านเสียมากกว่า   ก็เพราะว่ากลัวจะโดนตรวจอาวุธ  ทั้งๆที่อยากจะพามันไปด้วยทุกครั้ง  เเต่ว่าหากโดนตรวจเเละหากจนท ตรวจเจอ  ...หากเจอ จนท ที่ไม่เห็นใจเราก็เดือดร้อนเเน่
   เเต่ไมเคยเจอเเบบเต็มฉบับ เเบบหนนี้เลย   เรื่องมันมีอยู่ว่ากลับมาจากพาลูก ๆไปเที่ยวทางอีสานกันมาประมาณเกือบสองอาทิตย์ ช่วงเด็กปิดเทอม   พอครบกำหนดก็ขับรถกลับเเบบจะพยามรีบๆให้ถืงบ้าน โดยมีเเฟนนั่งด้านหน้า เเละลูกๆอีก 3 คน นอนหลับเพราะว่ามันดึกมากเเล้ว  อีกไม่กี่ ชม.ก็จะถึงบ้านเเล้ว   ก็มาเจอด่านตรวจนี้เข้าครับ            จนท ระดับสํญญาบัตรท่านหนึ่ง ก็ขอตรวจรถผมแบบสุภาพ เเละให้ผมลงมาจากรถ เเละตรวจดูใต้เบาะอะไรต่างๆก็ไม่พบอะไร ก็หันมาถามผมว่าในรถมีปืนใหม  ผมก็บอกว่ามี  เเกก็ขอให้ผมไปเอามาให้เเก  (ปืนผมขนาด 9 มม. เก็บเอาไว้ในกระเป๋าเจมส์บอนด์เเละเก็บไว้ที่บนเบาะเเถวสาม โดยมีกระสุนสิบนัดบันจุในเเมกกาซีนเเต่ไม่ได้ขื้นลำครับ) เเละผมก็มีสำเนา ป.4 ให้ด้วย เเละตอนที่ จนท ท่านอื่นตรวจค้นรถผมอยู่นั้น จนท ท่านนี้ก็ได้บอกว่าให้ผมดูด้วย  โดยเเกก็พูดจาสุภาพดีครับ  เเละบอกว่าการนำพาอาวุธมาด้วยมันผิดกฏหมาย ผมก็บอกท่านว่าผมก็เข้าใจครับ  เเต่ที่ผมเอามาติดรถเพราะว่าเวลวกลับเข้าในพื้นที่ หากมีมันก็ทำให้เราอุ่นใจได้มาก เพราะหากมีเหตุการณ์ไมเข้าท่าขึ้นกับบุคคลในครอบครัวผม อย่างน้อยผมก็มีอาวุธพอที่จะดูเเลได้บ้าง   เเต่ท้ายที่สุดท่านก็ต้องทำตามหน้าที่ของท่านครับ ท่านให้ลูกน้องของท่านบันทึกเหตุการณ์ลงในกระดาษทางการเเผ่นนึง  เเละเเจ้งให้ผมรู้ว่าผมจะต้องไปพบกับร้อยเวร  เเละให้นำเงินไปประมาณ 2-3 หมื่นบาทเพื่อที่จะประกันตัวออกไป   ท้องใส่มันปั่นป่วนเลยครับ  นึกน้อยใจมากครับ ว่าก็เราเป็นพลเมืองดีคนนึง ไม่เคยสร้างเรื่องไม่ดี   เเต่ต้องมาเจอกับเรื่องร้ายๆ เเละต้องขึ้นศาลเเน่เที่ยวนี้ ท่านถามผมทำงานอะไร ผมบอกว่าผมทำงานเป็น พนง เอกชน ส่วนเเฟนรับราชการซีเจ็ด

ผมขอจบเเค่นี้ก่อนครับ  เเต่ก็นึกเเบบเข้าข้างตัวเองว่าท่านน่าจะเห็นใจเราบ้าง    เเต่ก็ขอโทษด้วยครับหากว่าความรู้สึกส่วนต้วของผมอาจจะไม่ถูกไม่ควรอยู่บ้าง



ตรงที่ขีดเส้นใต้และตัวแดงไว้นั้น ผมว่าคุณKLEAWทำผิดนะครับ  หัวเราะร่าน้ำตาริน
จากประสบการณ์ของผม จนท.ที่ถามคำถามแบบนี้มีแนวโน้มที่จะใช้หลักนิติศาสตร์ มากกว่าที่จะใช้หลักรัฐศาสตร์
ถ้าไม่ตั้งใจหาเหตุ ไม่มาตีกินถามคำถามแบบนี้ ...... ตอบมีเอาปืนให้ กับตอบไม่มีแล้วค้นเจอ .... ก็ไม่ได้ทำให้ผลตอนท้ายเปลี่ยนไป
ยืนยันว่าผมลองมาแล้ว....ให้เหตุผลอย่างไรก็ไม่ฟัง...จนต้องแสดงป.๑๒     จนท.บอก อ้าว....แล้วทำไมไม่บอก.......ก็ท่านไม่ได้ถามนี่ครับ  ขำก๊าก

ตัวผมและคุณKLEAWเป็นคนดีประกอบสัมมาชีพ ไม่คุ้นเคยกับการโกหก หรืออาจเข้าใจว่าถ้าโกหกว่าไม่มี เกิดค้นเจอจะเป็นความผิดอีกกระทง
เรากำลังจะเป็นผู้ต้องหา/จำเลยในคดีอาญาต้องให้การเอาตัวรอดครับ ไม่มีโทษเพิ่มหรอก เป็นคนละเรื่องกับความผิดฐานแจ้งความเท็จ

ต้องบอกคนดีให้โกหก.....กรณีพูดจริงเป็นโทษ....ขออภัยจนท.ดีๆในที่นี้ และท่านนักกฎหมายด้วยครับ
ไม่ต้องห่วงคนร้ายจะโกหกบ้าง....เพราะคนร้ายโกหกเป็นนิจศีลอยู่แล้ว....โกหกออกทีวียังได้เลย  Cheesy


อ่านกระทู้นี้ของ "คุณ KLEW" ถ้าเป็นผมสงสัยคงตอบเช่นเดียวกัน เพราะคิดว่าบริสุทธิ์ ใจ  แต่พออ่านที่ " พี่ธำรง" ตอบ 
ถ้าเกิดขึ้นจริง คิดหนักเหมือนกัน จะเอาอย่างไร?ดีหว่า ?  เพราะตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เมื่อมีเรื่อง  แต่ที่แน่ๆตอนนี้เอกสารอะไร?
ที่ใช้ประกันได้ จะบุคคลหรือนิติบุคคล ผมจับใส่ในรถหมด ..กำลังรออยู่ว่าเมื่อไหร่จะมีข้อกำหนดให้ใช้บัตรเครดิตรูดประกันได้เหมือนบางกรณีสักที
จะได้ไม่ต้องพกเอกสาร  กลัวว่าล้วงเอกสารเมื่อจะใช้จริงเมื่อไหร่?  ตอนมีเรื่อง อ้าว..เก็บไว้จนหมดอายุ ถึงตอนนั่นจริงๆ ซวยเลยเรา.. Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า

คนต่างกับสัตว์ที่ "ความคิด"  ,  คนต่างกับมนุษย์ที่ "ศีลธรรม"
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6569


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #98 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 10:47:33 PM »

กฎหมายที่เขียนโดยการปล้นอำนาจมา ส่วนตัวผมไม่รับครับ ขอบคุณครับ

อ้างรัฐธรรรมนูญฉบับนั้นไปสู้ในศาลคงหงายครับ....

กฎหมายจะใครเขียนไม่ทราบ แต่ถ้าทำผิดก็ต้องว่าตามนั้น...

ถ้าอยากไม่รับก็เข้าไปแก้กฎหมายครับ

บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
polo_p13
Jr. Member
**

คะแนน 10
ออฟไลน์

กระทู้: 34


« ตอบ #99 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 11:01:48 PM »

อ้างจากคุณ  KLEAW.....ผมก็เสียใจด้วยครับ.......นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่อยากให้ใครค้นเจอ อวป....ถ้าบังเอิญ ดวงเราไม่ดีอยู่แล้วดันไปเจอกับคนตรงเถร  ผมว่าคงไปตามแก้กันยาวถึงศาล...สู้ให้ไม่ต้องเจอของผมดีกว่า....เหตุผลที่สำคัญ.....ที่ผมตั้งกระทู้นี้มาไม่ได้ต้องการที่จะสร้างความแตกแยกให้  จนท.รัฐทุกท่านน่ะครับ....ยังงัยก็ขออนุญาตพูดคุยแชร์ความรู้และเหตุผลกัน  อย่าเก็บมาเป็นอารมณ์.....เพราะตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้ว......( หน้าที่เหนือสิ่งอื่นใด)
     ยินดีร่วมกับเจ้าของกระทู้นี้ครับ ผมดีใจมากที่เจ้าของกระทู้เข้าใจอย่างที่ผมอยากจะสื่อสาร   การมีกระทู้นี้ทำให้มีการแสดงข้อคิดเห็นต่างๆ  มองให้ดีผมว่าดีครับจะได้รอบรู้กันทั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่และสิทธิของประชาชน  ขอเพียงแต่ให้การปฏิบัติให้ตรงกับกฏหมาย  ในประเด็นของเจ้าของกระทู้น่าจะจบด้วยความเข้าใจอันดีต่อกันและนะครับ
      ทีนี้มีประเด็นที่ต้องร่วมแสดงความคิดเห็นอีกบางส่วน
1.  ในประเด็นการตรวจค้นนั้น  ตามความเห็นของท่านธำรงค์ฯ ผมเห็นชอบด้วยคือ ตาม ป.วิ.อาญาฯ มาตรา 93  บัญญัติไว้ว่า " ห้ามมิให้ทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถาน เว้นแต่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ตรวค้นในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิดหรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด"
      ผู้ปฏิบัติหน้าที่  ควรต้องทำคือ
      -  สอบถามภารกิจกับผู้บังคับบัญชาให้ดีว่า การตั้งด่านตรวจครั้งนี้เพื่อทำสิ่งใด หรือหากต้องค้นบุคคลตาม ป.วิ.อาญา ฯ มาตรา 93 คือ ค้นหาสิ่งใด
      -  เมื่อมีรถผ่านมา  ท่านต้องคำถามตัวเองในใจด้วยว่า " เหตุอันควรสงสัย " นั้นคืออะไร  เช่น กิริยา ท่าทาง ลักษณะการขับรถ แววตา คำพูดข่มขู่ เป็นต้น  ซึงคำว่าเหตุอันควรสงสัยเป็นเหตุที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติพบกับตัวเอง  กฏหมายไม่ได้กำหนดไว้ว่า "เหตุอันควรสงสัย " มีอะไรบ้าง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ วิชาความรู้ของผู้ปฏิบัติ   แต่ต้องกระทำการค้นตามระเบียบ สุภาพ และถูกต้องตามยุทธวิีธี
        -  หากท่านผู้เกียรติฯที่ต้องถูกตรวจค้น  ถามว่าท่านมีเหตุอันควรสงสัยใด  การตอบคำถามนี้ไม่ใช่เรื่องลำบาก  ก็ขอให้ตอบให้ท่านได้เข้าใจว่าเราสงสัยสิ่งใดในตัวท่าน
2.  เมื่อทำการตรวจค้นพบ " อาวุธปืน "   ให้สอบถามผู้ถูกตรวจค้นว่า
     1. อาวุธปืนมี ป.4 หรือไม่   หากมี
     2. มีใบ ป.12 หรือไม่   หากไม่มี
     3. พิจารณาสภาพแวดล้อม  และจุดที่พบปืน สภาพของอาวุธปืน ว่า"เป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วน"  ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ หรือไม่   โดยสามารถดูแนวคำพิพากษาฎีกา และ  ตามบันทึก  ตร.ที่ 0501 /30476 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2517 กำหนดแนวทาง
ในการปฏิบัติของข้าราชการตำรวจ  ให้ใช้ดุลพินิจในการตรวจค้น  จับกุม         ว่าเป็นไปตามนั้นหรือไม่ ซึ่งสามารถดูรายดูรายละเอียดได้จาก  http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=33376.0  หากผู้มีเกียรติที่ถูกตรวจค้นได้ทำตามแนวดังกล่าวแล้ว   ก็ไม่ควรที่จะจับกุมเป็นเหตุให้ประชาชนผู้สุจริตต้องเดือดร้น  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น " เป็นดุลพินิจของท่านผู้ตรวจค้น "
     4.  เมื่อท่านใช้ดุลพินิจแล้ว และดุลพินิจของท่านคือ การจับกุมดดำเนินคดี ท่านต้องปฏิบัติตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 83  
           วรรคหนึ่ง " ในการจับนั้น เจาพนักงานหรือราษฎรซึ่งทำการจับ ต้องแจ้งแก่ผู้ที่จะถูกจับนั้นว่าเขาต้องถูกจับ แล้วสั่งให้ผู้ถูกจับไปยังไปที่ทำการของพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ถูกจับพร้อมด้วยผู้จับ.....แต่ถ้าจำเป็นก็ให้จับตัวไป"
           วรรคสอง " ในกรณีที่เจ้าพนักงานเป็นผู้จับ ต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับทราบ ...พร้อมทั้งแจ้งสิทธิด้วยว่า .... ในการนี้ให้เจ้าพนักงานผู้จับนั้นบันทึกการจับดังกล่าวไว้ด้วย"
          วรรคสาม  " ถ้าบุคคลซึ่งจะถูกจับขัดขวางหรือจะขัดขวางการจับ หรือหลบหนี หรือพยายามจะหลบหนี  ผู้ทำการจับมีอำนาจใช้วิธีหรือความป้องกันทั้งหลายเท่าที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องการจับนั้น
5.   ให้นำผุ้ถูกจับไปังที่ทำการของของพนักงานสอบสวนทันที ตาม ป.วิ.อาญา ฯ ม.84 วรรค 1 และ มอบสำเนาบันทึการจับแก่ผู้ถูกจับ ตาม ป.วิ.อาญา ม.84( 1 )   ส่วนถ้อยคำหรือการลงลายมือชื่อใดๆ ที่ผู้ถูกจับให้ไว้ต่อพนักงานผู้จับ หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจในชั้นจับกุม....มิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน... ดังนั้นการลงลายมือชื่อรับสารภาพในชั้นจับกุมไม่ค่อยมีผลเท่าใดนัก
      ถ้าผู้ถูกจับไม่ยอมลงลายมือชื่อ ก็ให้บันทึกไว้ว่า ผู้ถูกจับไม่ลงลายมือชื่อ
       ในปัจจุบันเทคโนโลยีราคาถูก หากเป็นไปได้ให้บันทึกภาพทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวในการนั้นไว้เพื่อเป็นหลักฐานชี้แจงต่อผู้บังคับบัญชา และให้การตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
       ถ้าหากผู้ถูกจับต้องการทราบชื่อผู้ปฏิบัติ หรืออยากจดชื่อ  ก็ขอให้ยืดอก  และบอกยศ ชื่อ ตำแหน่งไป    
6.   เมื่อมาถึงที่ทำการพนักงาสอบสวน  ให้ส่งตัว และลงบันทึกประจำวัน  
       เป็นอันเสร็จขั้นตอนของผู้ถูกจับกุม


        ส่วนเมื่อมาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวนแล้วเป็นการดำนเินินการของพนักงานสอบสวน
1. การสอบสวน เช่น การสอบปากคำ การพิมพ์มือ การยื่นเอกสาร หลักฐาน  ต่างๆ ซึ่งหากพนักงานสอบสวนเห็นว่ามีหลักฐานพอฟ้องก็จะส่งไปยังพนักงานอัยการ
2. หากพนักงานอัยการ เห็นว่ามีหลักฐานพอฟ้อง  ก็ส่งฟ้องไปยัง ศาล
3. ศาลเห็นว่ามีความผิด ก็พิจารณาตัดสิน ซึ่งก็มีศาลชั้นต้น  อุธรณ์ ฏีกา
 
      
        
บันทึกการเข้า
polo_p13
Jr. Member
**

คะแนน 10
ออฟไลน์

กระทู้: 34


« ตอบ #100 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 11:08:28 PM »

     ส่วนกรกณีคุณ kleaw นั้น  ในความเห็นผมซึ่งไม่ได้อยู่ในสถาการณ์ทางภาคใต้  ผมย่อมไม่รู้สภาวะเช่นว่า เจ้าหน้าต้องเจอกับอะไร และมีสภาพแวดล้อมอย่างไร ผมเห็นว่าเป็นการไม่ยุติธรรมกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติท่านนั้น  หากต้องมาตัดว่าเขาทำผิดหรือไม่ผิดอย่างไร เนื่องจากเป็นคำบอกเล่าของคุณ kleaw เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งอาจจะมีเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นหรือมีข่าวทางทหาร ตำวจอีกก็ได้
      แต่เท่าที่ฟังจากคุณ Kleaw เจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติต่อคุณเขี้ยวอย่างสุภาพ  และให้เกียรติ  รวมถึงอาจใจดีบอกด้วยว่าให้เตรียมเงินประกัน  ทั้งที่จริงๆแล้ว  การเรียกหลักทรัพย์ประกันเป็นหน้าของพนักงานสอบสวน  ซึ่งต้องเสนอให้ผู้บังคับบัญชาอนุมัติให้ประกัน 
       แต่กรณีนี้  อาจจะมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม หรือมีผู้ที่ให้การรับประกันที่น่าเชื่อถือ  จึงทำการการพิจารณา การใช้ดุลพินิจเปลี่ยนไป
บันทึกการเข้า
polo_p13
Jr. Member
**

คะแนน 10
ออฟไลน์

กระทู้: 34


« ตอบ #101 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 11:11:37 PM »

   ส่วนกรณี รัฐธรรมนูญนั้น   เมื่อมีผลบังคับใช้แล้ว ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตาม  ถึงแม้ว่าที่มาอาจจะไม่ชอบธรรม(ในมุมมองของหลายคน ) แ่ต่ในเรื่องของจิตใจไม่สามารถไปบังคับได้ว่าจะให้เค้ายอมรับ  ถึงแม้ว่าจะเอาปืนมาจ่อหัว  ปากอาจจะบอกว่ารับ แต่ใจอาจจะไม่รับก็ได้  ดังเช่นผลการลงมติว่าจะใช้รัฐธรรมนูญปี 50 หรือไม่  ซึ่งคนโหวตไม่รับก็ีมีจำนวนไม่น้อย
     Wink
บันทึกการเข้า
polo_p13
Jr. Member
**

คะแนน 10
ออฟไลน์

กระทู้: 34


« ตอบ #102 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2009, 11:40:45 PM »

   ผู้ปฏิบัตหน้าีที่รักษากฏหมายต้อง
      เข้มแข็ง  แต่ไม่แข็งกระด้าง 
      อ่อนโยน  แต่ไม่อ่อนแอ
      เข้มแข็งในหลักการ
     " เอาความสุจริต เป็นเกราะคุ้มภัย "
บันทึกการเข้า
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #103 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2009, 04:49:19 AM »

จริงๆแล้ว กระทู้นี้ทุกท่านได้ให้ความเห็นไว้อย่างดี และความเห็นของทุกท่าน ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นประโยชน์อย่างมากครับ
จึงมาขอเก็บความรู้อย่างเดียว

แต่  กฏหมาย ก็คือกฏหมายครับ เมื่อผ่านขั้นตอนการพิจารณาและแก้ไขตามกระบวนการ
และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ย่อมมีผลบังคับต่อทุกคน ไม่ว่า ยาก ดี มี จน หรือรวยล้นฟ้า

ส่วนกระบวนการออกกฏหมายนั้น จะออกโดยฝ่ายใด แม้ไม่ถูกใจหรือไม่อย่างไร แต่เมื่อออกมาและมีผลบังคับใช้แล้ว
ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฏหมายฉบับนั้นเหมือนกัน

ยิ่งบุคคลในกระบวนการยุติธรรมด้วยแล้ว ผู้พิพากษา อัยการ ทนาย พนักงานสอบสวน ตำรวจ  แม้แต่ผู้ที่กำลังเรียนนิติศาสตร์อยู่
ก็ต้องใช้หรือศึกษา กฏหมายที่มีผลบังคับทุกฉบับ โดยไม่สามารถมานั่งเลือกใช้บังคับเฉพาะกฏหมายที่ตนเองรับได้หรือไม่ได้

หมาดๆ เลยครับ ผมเพิ่งโดนเมื่อคืนวานเอง  เเบบเต็มๆครับ ผมอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายเเดนใต้ ปรกติก็โดนเป็นตรวจประจำครับเเถวบ้าน เเต่ก็นานๆครั้งที่ผมจะเอาปืนเก็บใว้ในรถ  ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ที่บ้านเสียมากกว่า   ก็เพราะว่ากลัวจะโดนตรวจอาวุธ  ทั้งๆที่อยากจะพามันไปด้วยทุกครั้ง  เเต่ว่าหากโดนตรวจเเละหากจนท ตรวจเจอ  ...หากเจอ จนท ที่ไม่เห็นใจเราก็เดือดร้อนเเน่..............
เเต่ก็ขอโทษด้วยครับหากว่าความรู้สึกส่วนต้วของผมอาจจะไม่ถูกไม่ควรอยู่บ้าง Cheesy

อยู่ 3 จังหวัดภาคใต้ น่าจะลองสู้คดีนะครับ   เพราะรัฐไม่สามารถคุ้มครองประชาชนได้ (ลำพังตัวเองยังเอาตัวไม่ค่อยจะรอด)   การพกอาวุธจึงเป็นความจำเป็น

ด้วยความเคารพนะครับ
หากสู้คดีโดยให้ศาลพิจารณาว่าจำเป็นหรือไม่

ลองยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๑ ให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาและวินิจฉัยไปด้วยสิครับ ว่า
มาตรา ๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ที่ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์

เป็นกฏหมายที่ขัดและแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

เมื่อ มาตรา ๓๒ ของรัฐธรรมนูญ กำหนดให้บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย
และมาตรา ๒๘ กำหนดบุคคลย่อมอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือใช้สิทธิและเสรีภาพของตนได้เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ หรือไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน และบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้ สามารถยกบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้เพื่อใช้สิทธิทางศาลหรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีในศาลได้

ดังนั้น การที่เราซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนจากนายทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย
ย่อมมีสิทธิใช้อาวุธปืนที่ตนได้รับอนุญาตถูกต้องจากนายทะเบียนให้มีและใช้ ปกป้องชีวิตและร่างกายของตนเองและครอบครัวจากเหตุร้ายหรือภยันตรายต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้
และสามารถนำอาวุธปืนที่ตนได้รับอนุญาตให้มีและใช้ ติดตัวเพื่อป้องกันขีวิตและร่างกายจากเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา  ไม่อาจจำกัดเพียงในเคหสถาน หรือที่พักอาศัยได้

เมื่อการพกพาอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง ผู้ร้องนำติดตัวไปโดยมิได้นำไปใช้ก่อเหตุใดๆ หรือนำไปละเมิดสิทธิและเสรีภาพของคนอื่น
แต่เป็นการติดตัวไว้เพื่อป้องกันสิทธิในชีวิตและร่างกายตนเองตามรัฐธรรมนูญแล้ว มาตรา ๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ จึงเป็นบทบัญญัติที่จำกัดสิทธิของบุคคล
ในอันที่จะใช้สิทธิป้องกันชีวิตและร่างกายตามรัฐธรรมนูญแลัว ยังขัดต่อหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งเป็นการจำกัดการใช้สิทธิและเสรีภาพของผู้ร้อง ตามมาตรา ๓๒ และมาตรา ๒๘ อันขัดและแย้งกับรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน 

ทั้งมาตรา ๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ เป็นกฏหมายที่ใช้จำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้
อันเป็นกฏหมายบัญญัติกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพอย่างร้ายแรง ซึ่งมาตรา ๒๙ บัญญัติว่า การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ นั้นจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้
 
เมื่อมาตรา ๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ขัดและแย้งกับรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
บทบัญญัติของกฎหมายมาตรา ๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ จึงไม่อาจนำมาใช้บังคับ และลงโทษจำเลยมิได้ ตามมาตรา ๖ แห่งรัฐธรรมนูญ

อะไรแบบนี้ น่าจะดีไหมครับ  Grin เผื่อเป็นทางออกให้สุจริตชนได้บ้าง
_______________________________________

ปล. มาตรา ๒๑๑ ในการที่ศาลจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายบังคับแก่คดีใด ถ้าศาลเห็นเองหรือคู่ความโต้แย้งพร้อมด้วยเหตุผลว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา ๖ และยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับบทบัญญัตินั้น ให้ศาลส่งความเห็นเช่นว่านั้นตามทางการเพื่อศาลรัฐธรรมนูญจะได้พิจารณาวินิจฉัย ในระหว่างนั้นให้ศาลดำเนินการพิจารณาต่อไปได้แต่ให้รอการพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าคำโต้แย้งของคู่ความตามวรรคหนึ่งไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาก็ได้

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ใช้ได้ในคดีทั้งปวง แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุดแล้ว

 
บันทึกการเข้า
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #104 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2009, 08:04:05 AM »


 Cheesy ชอบใจและขอบคุณความเห็นของท่านสิงห์กลิ้ง  ไหว้  นอนดึกนะครับ หรือว่าตื่นเช้า  Wink

ขออนุญาตเติมอีกนิด ผมชอบใจมาตรา ๘ ทวิ อยู่ไม่น้อยในการที่ศาลอาจใช้กำหราบคนพาลอภิบาลคนดี
จากบทกำหนดโทษ ในมาตรา ๗๒ ทวิ ...............ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา ๘ ทวิ วรรคสองด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท...........

ที่เห็นมาสำหรับคนดีที่พาปืนติดตัวด้วยเจตนาบริสุทธิเพียงเพื่อป้องกันตัว อาจได้รับโทษเพียงปรับ หากมีโทษจำ ศาลท่านก็ให้รอฯ
ขณะที่คนร้าย หรือผู้พาปืนไปก่อเหตุ นอกจากโทษจากเหตุนั้นแล้ว ยังอาจได้รับโทษจำคุกถึงห้าปี

ตัวผมเอง(เคย)มีป.๑๒ทั่วราชอาณาจักรมานานกว่า๑๐ปี มีโอกาสทดสอบว่าควรพกซ่อนอย่างไร การเจรจา กิริยาอย่างไร ให้ผลอย่างไร
รวมทั้งเคยเป็นตกเป็นผู้ต้องหาว่าฝ่าฝืนมาตรา ๘ ทวิ นี้ด้วย
ก็เห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร หากถูกจับจากการพาปืนไปด้วยเจตนาสุจริต กลับเห็นดีว่าใครเอาปืนไปก่อเหตุจะได้ถูกเพิ่มโทษจำคุกได้

ที่ชาวปืนเดือดร้อนเป็นวิตกกันนักหนา มักเป็นเรื่องการประกันตัว กลัวถูกนำเข้าห้องควบคุม กับกลัวว่าปืนจะหมอง Grinกว่าจะได้คืน
ผมคิดต่างไป.... ว่าหากจำเป็นต้องพาปืนก็ไปขอป.๑๒ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็พกไปโดยเหตุผลของตัวเองว่า จำเป็นและเร่งด่วน
แล้วผมใช้ปืนหลายกระบอก.....ปืนป้องกันตัวยิ่งทำใจไว้ว่าจะไปอยู่ในสภาพใดก็ได้ไม่ยึดติด   แล้วก็เตรียมเงินให้พอประกันตัว
ตั้งแต่ปี๔๖ มีการระงับป.๑๒ ค่าธรรมเนียมปีละ๑๐๐๐ผมจึงไม่ต้องจ่าย หลายปีแล้ว ถือว่าถ้าโดน..จ่ายค่าปรับก็ยังคุ้ม  Grin

คิดว่าสักวันต้องเป็นผู้ต้องหา/จำเลย ก็เตรียมการไว้พร้อมแล้ว .... แลกกับโอกาสการมีชีวิตกลับบ้านมาดูแลลูกเมีย เสียภาษีให้รัฐ
ผมกราบพระก่อนออกจากบ้านทุกวัน ..... ขอคุณพระคุ้มครองให้ได้มากราบใหม่ในวันพรุ่ง  ไหว้

การสู้ความหากตกเป็นจำเลย ผมก็คงปากแข็งไม่รับผิด ขออ้างต่อศาลท่าน ก็เพียงเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามที่เป็นจริง
อยากให้ผู้จับกุมได้ไปศาลด้วย ........ เคยเห็นศาลดุ....ว่า .... ไปจับเขาทำไม ....... แล้วรู้สึกดี  ขำก๊าก

ผมเห็นด้วยกับท่านสิงห์กลิ้ง
ว่าวันใดตกเป็นจำเลย....น่าลองสู้ด้วยบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ ที่ปัจจุบันมีผลทำให้"กฎ"บางเรื่องใช้ไม่ได้อีกต่อไป
แต่จริงๆแล้วคงไม่ทำ ..... เพราะจะกลายเป็นเปิดทางให้คนไม่สุจริตพลอยได้รับประโยชน์ไปด้วย  ไหว้

เป็นอย่างนี้แหละดีแล้วครับ  Grin

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.114 วินาที กับ 22 คำสั่ง