สงสัยคุณ G99 คงปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก อาจจะไม่มีเวลาเข้ามาตอบคำถามอย่างที่หลายท่านสงสัย
ผมเลยคิดเอาเองว่า คุณ G99 นั้น เข้าใจในเรื่องสิทธิของประชาชน เป็นอย่างดี เพียงแต่สิ่งที่อยากจะสื่อสารและลักษณะการแสดงความคิดเห็น อาจจะทำให้สมาชิกเข้าใจคลาดเคลื่อนไปบ้างหรือเกิดเป็นความสงสัย
สิ่งที่ท่่านสมาชิกชิกถามคุณ g99 “ เมื่อเป็นผู้ต้องหาแล้ว สิทธิบุคคลทั้งปวงได้หมดสิ้นไป เหลือแต่สิทธิของผู้ต้องหา หรือไม่”
ในความเห็นของผม
“ สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย” นั้นเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมีบัญญัติทั้ง รัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 เพียงแต่ รัฐธรรมนูญ 2550 จะมีเพิ่มเป็นพิเศษในส่วนของการเมือง การชุมนุมต่างๆ ซึ่งผลของกฎหมายรัฐธรรมนูญนั้น มีผลให้กฎหมายต่างๆรวมทั้งการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต้องปรับเปลี่ยนตามไป อาทิ ป.วิ.อาญา ที่ต้องออกตาม รัฐธรรมนูญ 2540(ฉบับประชาชน) ในเรื่องของ การจับ การค้น การควบคุมตัวผู้ต้องหา สิทธิของผู้ต้องหาต่าง ๆ เป็นต้น
ซึ่ง “ ในคดีอาญา ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด ก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำผิดมิได้”
ผู้ถูกจับ ผู้ต้องหา จำเลย ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ย่อมมีสิทธิเหมือนปวงชนชาวไทยทั่วไป แต่เมื่อมี “
ความผิดอาญาเกิดขึ้น” ซึ่งเกิดความเสียหายต่อชนชาวไทยท่านอื่น และรัฐ
จะต้องมีการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมต่างๆ เพื่อให้ผู้กระผิดได้รับการลงโทษตามกฏหมาย ในการบวนการยุติธรรมส่วนหนึ่งทำให้
สิทธิของชนชาวไทยที่ต้องตกเป็น ผู้ถูกจับ ผู้ต้องหา และจำเลย ต้องเสียสิทธิบางอย่างไป อาทิ สิทธิในอิสรภาพ ที่จะต้องถูกบังคับโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเหตุตาม ป.วิ.อาญา ม.66 และ78 ให้ผู้ถูกจับ ผู้ต้องหา จำเลย ต้องถูกจับ ถูกควบคุม โดยมีสาระของเหตุดังกล่าว ประกอบด้วย
1. เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี หรือ
2. มีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น
3. ถ้าบุคคลนั้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี
4. เมื่อบุคคลนั้นได้กระทำความผิดซึ่งหน้า ดังบัญญัติไว้ใน ป.วิ.อาญามาตรา 80
5. เมื่อพบบุคคลโดยมีพฤติการณ์อันควรสงสัยว่าผู้นั้นจะก่อเหตุร้ายให้เกิดภยันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมีเครื่องมือ อาวุธ หรือวัตถุอย่างอื่นอันสามารถใช้ในการกระทำความผิด
แต่กฎหมายได้คำนึงถึงสิทธิในการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมของ ผู้ถูกจับ ผู้ต้องหาและจำเลย ซึ่งยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ตั้งแต่ถูกจับกุมตัว โดยบัญญัติถึงสิทธิต่างของผู้ถูกจับ และบังคับให้พนักงานหรือราษฎรซึ่งทำการจับ ต้องแจ้งแก่ผู้ถูกจับถึงสิทธิ ตาม ป.วิ.อาญา ม.83 อันประกอบด้วย
1. ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การก็ได้และถ้อยคำของผู้ถูกจับนั้นอาจใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีได้
2. ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะพบและปรึกษาทนายความ หรือผู้ซึ่งจะเป็นทนายความ
3. ถ้าผู้ถูกจับประสงค์จะแจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจทราบถึงการจับกุมที่สามารถดำเนินการได้โดยสะดวกและไม่เป็นการจัดขวางการจับหรือการควบคุมผู้ถูกจับหรือทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด
ซึ่งเมื่อมาถึงที่ทำการพนักงานสอบสวน กฏหมายยังบังคับให้ดำเนินการแจ้งสิทธิต่างตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 7/1 , 84
ดังนั้น สิทธิของผู้ถูกจับ ผู้ต้องหา จำเลย ไม่หมดสิ้นไป ยังคงมีสิทธิที่ชนชาวไทยมีโดยสมบูรณ์เนื่องจากยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิด แต่อาจจะต้องเสียสิทธิในอิสรภาพของตนและอื่นๆ เมื่อมีเหตุตามที่กฎหมายกำหนด ในระหว่างต่อสู้คดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนตามกระบวนยุติธรรม แต่กฏหมายได้ให้ความคุ้มครอง ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาให้ได้รับสิทธิในกระบวนการยุติธรรม โดยกฏหมายบัญญัติให้เจ้าหน้าที่ มีหน้าที่ต้องแจ้งให้ผู้ถูกจับ หรือผู้ต้องทราบถึงสิทธิของตนในการต่อสู้คดีตามกระบวนยุติธรรม ผมรู้สึกขอบคุณ คุณ G99 ซึ่งเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมากที่ได้ศึกษากฏหมาย และได้ทราบถึงสิทธิของผู้ต้องหาดังกล่าว เชื่อว่าผู้ต้องหาจะได้รัีบการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมจากคุณ G99 ครับ ปล. งานไม่หนักเท่าไหรครับ แค่ตั้งด่านตรวจอาวุธ หรือ สิ่งของผิดกฎหมายแทบทุกคืนครับ ทนได้ครับเพื่อสังคมที่ดี