ปล.พี่ชายคุณก็ใช้สิ่งเทียมอาวุธปืนในการข่มขู่มิใช่หรือครับ เพราะไม่มีหลักฐานบันทึกการจับกุมใดๆ รวมทั้งการเข้าค้นบ้านตามหมายศาลก็ไม่พบ อวป.ที่เป็นของกลาง ผมก็แนะนำแบบชาวบ้านว่าให้พี่ชายคุณนำอาวุธปืนปลอมที่ใช้ก่อเหตุในวันดังกล่าว พร้อมทนายความเข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาแล้วใช้หลักทรัพย์ประกันตัวออกมาในวันเดียวกัน เพื่อไปต่อสู้ข้อกล่าวหาตามมาตรา ๓๐๙ โดยปรับใช้"เทคนิค"ตามที่มีผู้แนะนำไว้ก่อนนี้ว่า "คุณปฏิเสธ พยานปฏิเสธ หลักฐานไม่เจอ พยานแวดล้อมไม่มี มีแค่คำให้การผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ
มืดด้วย ก็น่าจะรอดครับ"
อีกนิดหนึ่งครับ
การที่ศาลจะพิจารณาว่าจำเลยได้กระทำความผิดหรือไม่อย่างไร
ขึ้นอยู่พยานหลักฐานของโจทก์ (พนักงานอัยการ ) ว่ามีน้ำหนัก น่าเชื่อถือ และสามารถพิสูจน์ว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงตามฟ้องโจทก์ด้วย
เป็นไปตามหลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา มาตรา ๒๒๗ ที่ว่า
ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน ทั้งปวงอย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริง และจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น
เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ (โจทก์ไม่มีหลักฐาน หรือพยานโจทก์ไม่อาจยืนยันได้อย่างมั่งคงว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดจริง ) ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย
ดังนั้น ในเรื่องการต่อสู้คดี คงต้องแยกออกเป็น ๒ ส่วน ว่าผู้ต้องหาจะสู้แบบไหน คือ
๑.รับว่าทำการข่มขู่จริง แต่ปืนที่ใช้เป็นปืนปลอมโดยนำไปมอบให้พนักงานสอบสวน และเป็นการป้องกัน จำเป็น ฯลฯ
๒.ไม่ได้ทำการข่มขู่ใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่เดินไปพูดคุยเท่านั้น
เมื่อสถานที่เกิดเหตุ ค่อนข้างมีแสงสว่างน้อย ย่อมทำให้การมองเห็นของบุคคล ด้อยลงไปด้วย
ทั้งในการเข้าค้นบ้าน ยังไม่พบสิ่งใดๆเลย ลองเลือกดูละกันครับว่าจะไปแนวทางใดครับ