เหี่ยน
คนเสร็นเหลา จริงๆตั๊วะ
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 493
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3199
น้ำฮักน้ำแฮง
|
|
« ตอบ #585 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2010, 09:00:35 AM » |
|
Re: เชิญชวนสมาชิกมาสนทนาธรรมกันนะครับ (หน้า 35 ) « ตอบ #577 เมื่อ: วันนี้ เวลา 02:49:19 PM ผมสนทนาเปนแต่ทำโมมมมมมมมมมมมมม๊ะ เบิ่งแน่ ๆ สนทนาธรรม บ่แมนเว่าพื่นพระเณร แต่กะแมนอิหลีละเนาะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
somsakbck
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 974
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9670
เรามาเยือนโลกใบนี้แค่เพียงชั่วคราว...แล้วก็จะจากไป
|
|
« ตอบ #586 เมื่อ: กันยายน 05, 2010, 04:03:18 PM » |
|
วันพระเพิ่นบ่ให้ทำโมะเด้อครับ.......ฮา....(เว้นวรรค)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
โลกมีทรัพยากรให้ทุกคนใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างเพียงพอ...แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว : มหาตะมะ คานธี
|
|
|
somsakbck
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 974
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9670
เรามาเยือนโลกใบนี้แค่เพียงชั่วคราว...แล้วก็จะจากไป
|
|
« ตอบ #587 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 10:10:07 AM » |
|
สาระจากเด็กวัดวันนี้ผมมีเรื่องพระประจำวันเกิด มาให้อ่านกันครับ.......เริ่มจากพระประจำวันอาทิตย์ก่อนนะครับ
พระประจำวันอาทิตย์คือ พระปางถวายเนตร โดยมีประวัติดังนี้
เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้แล้ว เสด็จออกจากใต้ร่มโพธิ์ ประทับยืนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) ทอดพระเนตรต้นโพธิ์โดยไม่กระพริบพระเนตร 7 วัน รำพึงถึงคุณประโยชน์ของต้นมหาโพธิ์ที่แผ่กิ่งก้านประทานร่มเงาให้ความชุ่มชื่นร่มเย็นจนได้ตรัสรู้ จึงได้ถือเอาเป็นปางถวายเนตร อันเป็นปางมงคลสำหรับผู้เกิดวันอาทิตย์นั่นแล..........
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
โลกมีทรัพยากรให้ทุกคนใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างเพียงพอ...แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว : มหาตะมะ คานธี
|
|
|
เหี่ยน
คนเสร็นเหลา จริงๆตั๊วะ
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 493
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3199
น้ำฮักน้ำแฮง
|
|
« ตอบ #588 เมื่อ: กันยายน 19, 2010, 07:18:34 AM » |
|
คือนานฮอดวันจันทร์แท่นอครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
somsakbck
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 974
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9670
เรามาเยือนโลกใบนี้แค่เพียงชั่วคราว...แล้วก็จะจากไป
|
|
« ตอบ #589 เมื่อ: กันยายน 21, 2010, 01:07:03 PM » |
|
โอยตาย ขอโทษหลายๆครับ...จนว่าลืมว่าเจ้าของเปิดกระทู้ไว้....มาต่อที่วันจันทร์กันครับ...
เกิดวันจันทร์ พระประจำวันเกิดคือ ปางห้ามญาติ ลักษณะพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้นอยู่ในพระอริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองข้างยกขึ้นเสมอพระอุระ ตั้งฝ่าพระหัตถ์ยื่นออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาทรงห้าม เป็นแบบทรงเครื่องก็มี
มีประวัติดังนี้... ณ พระนครกบิลพัสดุ์ อันเป็นแว่นแคว้นที่ประทับของเจ้าศากยะ ซึ่งเป็นพระญาติข้างฝ่ายพระพุทธบิดา กับพระนครเทวทหะอันเป็นแว่นแคว้นที่ประทับอยู่ของเจ้าโกลิยะ ซึ่งเป็นพระญาติข้างฝ่ายพระพุทธมารดา ทั้งสองพระนครนี้ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโรหิณี ชาวนาของ ๒ พระนครนี้ อาศัยน้ำในแม่น้ำโรหิณีนี้ ทำนาร่วมกันมาโดยปกติสุข ต่อมาสมัยหนึ่งฝนแล้ง น้ำน้อย น้ำในแม่น้ำโรหิณีเหลือน้อย ชาวนาทั้งหมดต้องกั้น ทำนบทดน้ำในแม่น้ำโรหิณีขึ้นมาทำนา แม้ดังนั้นแล้ว น้ำก็ยังไม่พอ เป็นเหตุให้มีการแย่งน้ำกันทำนาขึ้น ขั้นแรกก็เป็นการวิวาทกันเฉพาะเพียงบุคคลต่อบุคคล แต่เมื่อไม่มีการระงับด้วยสันติวิธี การวิวาทนั้นก็ลุกลามมากขึ้นจนถึงคุมสมัครพรรคพวกเข้าไปประหารกัน และด่าว่ากระทบถึงชาติ โคตร และลามปามไปถึงราชวงศ์ ในที่สุดกษัตริย์ผู้เป็นพระญาติของพระพุทธเจ้าทั้งสองเมือง ก็ยกกำลังพลเข้าประชิดกัน เพื่อแย่งน้ำ โดยหลงเชื่อคำยุยุงพูดเท็จของอำมาตย์ที่กำลังเคียดแค้น มิทันได้ทรงวินิจฉัยให้ถ่องแท้แน่นอนว่า เมื่อเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นเกิดขึ้น ควรจะระงับด้วยสันติวิธี พระพุทธเจ้าทรงทราบก็ทรงพระมหากรุณาเสด็จมาห้าม สงครามการแย่งน้ำระหว่างพระญาติทั้งสองฝ่าย โดยทรงแสดงโทษคือความพินาศย่อยยับของชีวิตมนุษย์โดยเหตุอันไม่สมควร ที่พระราชาจะต้องมาล้มตายทำลายเกียรติของตน เพียงเพราะแย่งน้ำกันทำนาเพียงเล็กน้อย ครั้นแล้วพระญาติทั้งสองฝ่ายก็ทำความเข้าใจกันได้และหันมาสามัคคีกัน พระพุทธจริยาที่ทรงโปรดพระญาติ เพื่อห้ามมิให้ทะเลาะวิวาท สู้รบกันเพราะเหตุแห่งการแย่งน้ำนี้ เป็นมงคลแสดงอนุภาพแห่งธรรมที่พระองค์ทรงแสดง พุทธศาสนิกชนผู้หนักในธรรมคำสอน เล็งเห็นคุณอัศจรรย์แห่งอนุสาสนีปาฎิหาริย์ จึงถือเป็นเหตุในการสร้าง พระพุทธรูปขึ้น เรียกว่า ปางห้ามญาติบ้าง ปางห้ามสมุทรบ้างดังนี้แล..............
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
โลกมีทรัพยากรให้ทุกคนใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างเพียงพอ...แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว : มหาตะมะ คานธี
|
|
|
เหี่ยน
คนเสร็นเหลา จริงๆตั๊วะ
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 493
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3199
น้ำฮักน้ำแฮง
|
|
« ตอบ #590 เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 10:29:52 AM » |
|
มื่อนี่วันพระเด้อครับ ละเว้นจักมื่อเนาะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
น้องสาวหล่า
Hero Member
คะแนน 546
ออฟไลน์
กระทู้: 4299
|
|
« ตอบ #591 เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 10:32:19 AM » |
|
ถ่าฟังวันคารยุค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
[img] มองโลกให้เป็นกลาง แล้วทุกอย่างจะดีเอง
|
|
|
somsakbck
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 974
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9670
เรามาเยือนโลกใบนี้แค่เพียงชั่วคราว...แล้วก็จะจากไป
|
|
« ตอบ #592 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 10:03:19 AM » |
|
พระปางประจำคนเกิดวันอังคาร คือ "ปางโปรดอสุรินทราหู (ปางไสยาสน์)" พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถนอนตะแคงขวา พระบาททั้งสองข้างซ้อนทับเสมอกัน พระหัตถ์ซ้ายทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นรับพระเศียรและมีพระเขนย (หมอน) รองรับ บางแบบพระเขนยวางอยู่ใต้พระกัจฉะ (รักแร้) ประวัติย่อ... สมัยหนึ่ง เมือ่พระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ วัดเชตวัน ในพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นอสุรินทราหูจอมอสูร ซึ่งสำคัญว่ามีร่างโตใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า จึงไม่ยอมแสดงความอ่อนน้อม พระพุทธองค์ทรงประสงค์จะลดทิฐิจองอสูร จึงทรงเนรมิตกายให้ใหญ่โตกว่าจอมอสูร จอมอสูรจึงละทิฐิยอมอ่อนน้อมต่อพระพุทธองค์
และถือปางโปรดราหู เป็นปางประจำวันอังคาร ดังนี้แล............
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
โลกมีทรัพยากรให้ทุกคนใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างเพียงพอ...แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว : มหาตะมะ คานธี
|
|
|
BIGbanana
เชื่อผมเหอะ ความรักคือสิ่งที่สวยงาม
Hero Member
คะแนน 2879
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 19482
|
|
« ตอบ #593 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 01:17:08 PM » |
|
วันพะหัดให่แนครับผม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
somsakbck
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 974
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9670
เรามาเยือนโลกใบนี้แค่เพียงชั่วคราว...แล้วก็จะจากไป
|
|
« ตอบ #594 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2010, 04:00:24 PM » |
|
"ปางปาลิไลยก์ (พระประจำวันพุธกลางคืน)" พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถประทับ (นั่ง) บนก้อนศิลา พระบาททั้งสองวางบนดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายวางคว่ำบนพระขนุ (เข่า) พระหัตถ์ขวาวางหงาย นิยมสร้างช้างหมอบใช้งวงจับกระบอกน้ำ อีกด้านหนึ่งมีลิงถือรวงผึ้งถวาย ประวัติย่อ... ครั้งหนึ่ง พระภิกษุในวัดโฆสิตาราม เมืองโกสัมพีทะเลาะกันด้วยเรื่องพระวินัย พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้สามัคคีกันเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเชื่อ เพราะต่างฝ่าย ต่างยึดถือในความคิดของตนเป็นใหญ่ พระพุทธองค์ ทรงรอาพระทัยจึงเสด็จหนีไปจำพรรษาอยู่ในป่ารักขิตวัน แถบหมู่บ้านปาลิเลยยกะ ณ ที่นั่นมีช้างชื่อปาลิเลยยะและลิงตัวหนึ่งคอยอุปัฏฐากอยู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
โลกมีทรัพยากรให้ทุกคนใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างเพียงพอ...แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว : มหาตะมะ คานธี
|
|
|
somsakbck
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 974
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9670
เรามาเยือนโลกใบนี้แค่เพียงชั่วคราว...แล้วก็จะจากไป
|
|
« ตอบ #595 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2010, 04:01:12 PM » |
|
วันพุธตอนกลางวัน "ปางอุ้มบาตร" พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองประคองบาตรราวสะเอว ประวัติย่อ... ครั้งหนึ่ง หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเวสสันดรชาดก โปรดพระพุทธบิดาและหมู่พระญาติทั้งหลาย บรรดาพระประยูรญาติต่างมีความแช่มชื่นโสมนัส จนลืมกราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์ให้มารับภัตตาหารเช้าในพระพราชวัง ดังนั้น ในวันรุ่งขึ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเสด็จออกรับบิณฑบาตจากประชาชนทั่วไปในกรุงกบิลพัสดุ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
โลกมีทรัพยากรให้ทุกคนใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างเพียงพอ...แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว : มหาตะมะ คานธี
|
|
|
somsakbck
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 974
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9670
เรามาเยือนโลกใบนี้แค่เพียงชั่วคราว...แล้วก็จะจากไป
|
|
« ตอบ #596 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2010, 04:02:05 PM » |
|
วันพฤหัสบดี "ปางสมาธิหรือปางตรัสรู้" พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองวางหงายซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระชงฆ์ (แข้ง) ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย
ประวัติและความสำคัญ เมื่อพระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ ทรงกำจัดพญามาร และเสนามารให้ปราชัยด้วยพระบารมี ตั้งแต่เวลาสายัณห์มิทันพระอาทิตย์จะอัสดง ก็ทรงเบิกบานพระทัยได้ปีติเป็นกำลังภายในสนับสนุนเพิ่มพูนแรงปฎิบัติภาวนาให้ยิ่งขึ้น ดังนั้น พระองค์จึงมิได้ทรงพักให้เสียเวลาทรงเจริญสมาธิภาวนาทำจิตใจให้ปราศ จากอุปกิเลสจนจิตสุขุมเข้าโดยลำดับ ไม่ช้าก็ได้บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน อันเป็นส่วนรูปสมบัติตามลำดับ ต่อจากนั้น ก็ทรงเจริญญานอันเป็นองค์ปัญญาชั้นสูง ๓ ประการ ยังองค์พระโพธิญาณให้เกิดขึ้นเป็นลำดับ ตามลำดับแห่งยามสามอันเป็นส่วนราตรี นั้นคือ ในปฐมยาม ทรงบรรลปุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกอดีตชาติที่พระองค์ทรงบังเกิดมาแล้วทั้งสิ้นได้ ในมัชฌิมยาม ทรงบรรลุจตูปปาตญาณ หรือทิพจักขุญาณ สามารถหยั่งรู้การเกิด การตาย ตลอดจนการจุติและปฎิสนธิของสัตว์ทั้งหลายได้หมด ในปัจฌิมยาม ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ ทรงพระปรีชาสามารถทำอาสวะกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้นไป ด้วยปัญญาพิจารณาในปัจจยาการแห่งปฏิจจสมุปบาท โดยอนุโลมและปฏิโลมทั้งฝ่ายเกิดและฝ่ายดับ สาวไปข้างหน้าและสาวกลับไปมาแล้ว ทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเวลา ปัจจุสสมัยรุ่งอรุโณทัย ทรงเบิกบานพระหฤทัยอย่างสูงสุดในการตรัสรู้อย่างไม่เคยมีมาก่อน ถึงกับทรงเปล่งอุทานเย้ยตัณหา อันเป็นตัวการก่อให้เกิดสงสารวัฏฏทุกข์แก่พระองค์หลายเอนกชาติว่า "นับแต่ตถาคตท่องเที่ยวสืบเสาะหานายช่างเรือนคือตัณหา ตลอดชาติอันจะนับประมาณมิได้ ก็มิได้พบท่านเลย นับแต่นี้ไป ท่านจะทำเรือนให้ตถาคตไม่ได้อีกแล้ว กลอนเรือนเราก็ได้รื้อเสียแล้ว ช่อฟ้าเราก็ทำลายแล้ว จิตของเราปราศจากสังขารเครื่องปรุงแต่งมีกิเลสไปปราศแล้ว เราถึงความดับสิ้นไปแห่งตัณหาแล้ว" ในขณะนั้นมหาอัศจรรย์ก็บังเกิดมีขึ้น กล่าวคือ พื้นมหาปฐพีอันกว้างใหญ่ก็หวั่นไหว พฤกษาชาติทั้งหลายก็ผลิตดอกออกช่องามตระการตา เทพเจ้าทุกข์ชั้นฟ้าก็แซ่ซ้องสาธุการโปรยปรายบุปผามาลัยทำสักการะบูชา เปล่งวาจาว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก ด้วยปีติยินดีเป็นเหตุอัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เรื่องนี้จึงเป็นมูลเหตุให้มีการสร้างพระพุทธรูปปางตรัสรู เพื่อเป็นพุทธานุสสติ ฉะนี้แล
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 04, 2010, 04:13:53 PM โดย somsakbck-รักในหลวง »
|
บันทึกการเข้า
|
โลกมีทรัพยากรให้ทุกคนใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างเพียงพอ...แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว : มหาตะมะ คานธี
|
|
|
somsakbck
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 974
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9670
เรามาเยือนโลกใบนี้แค่เพียงชั่วคราว...แล้วก็จะจากไป
|
|
« ตอบ #597 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 01:04:37 PM » |
|
พระประจำวันศุกร์ คือ"ปางรำพึง" พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองประสานกันยกขึ้นประทับที่พระอุระ (อก) พระหัตถืขวาทับพระหัตถ์ซ้าย ประวัติย่อ... ภายหลังจากที่ตรัสรู้ได้ไม่นาน พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งประทับอยู่ภายใต้ต้นไทร (อชปาลนโครธ) ก็ได้ทรงรำพึงถึงธรรมที่ได้ตรัสรู้นั้นว่าเป็นธรรมที่ละเอียดลึกซึ่งยากแก่การเข้าใจ จึงทรงรู้สึกอ่อนพระทัยในการที่จะนำออกแสดงโปรดสัตว์ แต่เพราะพระมหากรุณาคุณของพระองค์ ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าสรรพสัตว์มีภูมิต่างกัน จึงทรงพระดำริที่จะแสดงธรรม ตามภูมิชั้นแห่งปัญญาสรรพสัตว์นั้นๆเช่นนี้แล..........
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
โลกมีทรัพยากรให้ทุกคนใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างเพียงพอ...แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว : มหาตะมะ คานธี
|
|
|
somsakbck
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 974
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9670
เรามาเยือนโลกใบนี้แค่เพียงชั่วคราว...แล้วก็จะจากไป
|
|
« ตอบ #598 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 01:06:46 PM » |
|
พระประจำวันเสาร์ คือ"ปางนาคปรก" พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ หงายพระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาซ้อนทับพระหัตถ์ซ้ายเหมือนปางสมาธิ แต่มีพญานาคขนดร่างเป็นวงกลมเป็นพุทธบัลลังก์และแผ่พังพานปกคลุมอยู่เหนือพระเศียร ประวัติย่อ... ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับเสวยวิมุตติสุขอยู่ใต้ต้นจิก (มุจจลินท์) บังเอิญในช่วงนั้นมีฝนตกพรำๆ ตลอด ๗ วัน พระยานาคมุจลินท์ได้เลื้อยมาทำขนดล้อม พระวรกายของพระพุทธองค์ ๗ ชั้นแล้วแผ่พังพานปกไว้ในเบื้องบนเหมือนกั้นฉัตร ด้วยประสงค์จะกำบังลมฝนมิให้ต้องพระวรกาย.....ดังนี้แล....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
โลกมีทรัพยากรให้ทุกคนใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างเพียงพอ...แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว : มหาตะมะ คานธี
|
|
|
ลุงโฮ
กะหย่าดอก
Full Member
คะแนน 28
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 399
ปืนขี้เมี่ยงหนึ่งกะบอก ยามมีภัย ซ่ำมีหมู่เป็นซาว
|
|
« ตอบ #599 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2010, 02:19:07 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
.........สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบเฮ็ดเอาเอง เด้อครับเด้อ .........
|
|
|
|