โอ้... สำหรับท่านที่เพิ่งซื้อแผ่น หรือยังไม่ได้ดู ไม่ต้องกลัวว่านายสมชายเฉลยหนังตอนจบแล้วจะทำให้เสียอรรถรสนะครับ...
นายสมชายว่าคุณภาพหนังเรื่องนี้ล้นเหลือสำหรับลุ้นรอบสุดท้ายออสการ์... แต่จะได้ออสการ์(รางวัลรวม)หรือไม่ นั่นมีอีกหลายปัจจัยครับ...
คืออยากบอกอย่างคุณโทนบอกแหละครับ ว่าแฟนหนังแผ่นเตรียมซื้อแผ่นเก็บได้เลย... หนังระดับนี้ถึงแม้เรารู้จะว่าจบยังไง(ดิลลิงเจอร์ถูกยิงตายตามประวัติศาสตร์จริงครับ)ก็ยังดูสนุกครับ...
ปล. นายสมชายกำลังรอคุณต๊อกมาวิจารณ์... เย้...
ฮา สวัสดีครับพี่สมชาย ลอยมาแล้วครับ อิ อิ
เรื่องนี้ผมว่าสร้างได้ดีมาก นำเสนอเนื้อหาและอารมณ์ของเรื่อง ตามที่ต้องการ ได้เป็นอย่างดี ที่ว่าเป็นอย่างดีนั้นก็เพราะว่า เนื้อหารายละเอียดบางอย่างถูกต้อง แต่ก็ได้สร้างผิดบิดเบือนขั้นตอนทางประวัติศาสตร์ไปมากพอดูครับ แต่นั่นละครับในความเป็นภาพยนต์ผมว่าสร้างได้ดีมาก บันเทิงดีและมีศิลปะทางภาพยนต์ใหม่ๆ ที่สะดุดตาด้วย คือการใช้ภาพและเสียงดิบๆ จากกล้องในฉากยิงกันที่ ลิ้ตเติล โบฮีเมีย ได้อารมณ์ดีมากไปอีกแบบ เหมือนกับดึงผู้ชมเข้าอยู่ในเหตุการณ์จริง ดีกว่าฉากสโลโมชั่น หรือฉากหมุนกล้องให้ผู้ชมเห็นภาพในมุมที่ไม่สามารถเห็นได้จริง และในฉากนี้ รัฐวิสคอนซินตอนอากาศหนาว เวลาพูดจะมีควันออกปาก ตอนที่เบเบี้เฟสโดนยิงตาย สร้างให้มีควันจากลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกมาด้วย
อารมณ์ของเรื่องเป็นการสร้างเกียรติภูมิให้กับโจร (อีกแล้ว) อย่างว่าละครับ ภาพยนต์บันเทิงมิใช่สารคดี คณะโจรจริงๆ ไม่ได้เท่/สวย และปล้นเก่งอย่างนั้น ที่ทำงี่เง่าก็มีมาก เช่น จอดรถลงไปปล้นจอดไม่ดีโดนคนอื่นมาจอดขวาง ออกมากว่าจะเข็นออกได้ทุลักทุเล ในการปล้นบางครั้งมีการให้ชาวบ้านเก็บเงินส่วนตัวคืนจริง แต่ก็ยิงชาวบ้านคนบริสุทธิ์ตายไปมาก ตามสัจธรรมว่า ไม่ว่าอย่างไรอาชญากรรมนั้นเป็นเรื่องสกปรก
อย่างไรก็ตามในส่วนของเจ้าหน้าที่ FBI ในเรื่องก็ละเว้นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงไว้เหมือนกัน เช่น ในการยิงกันที่ ลิ้ตเติ้ล โบฮีเมีย นั้น ที่จริงไม่ได้ยิงโจรสำคัญตายสักคนเลยครับ ดิลลิงเจอร์ โดดหนีออกหลังบ้านได้ เบบี้เฟส ก็ขับรถหนีไปได้ ฯลฯ ที่แย่ที่สุดคือ คนที่ถูกยิงตายในรถที่ขับออกจากร้านตอนแรกนั้นที่จริงเป็นประชาชนบริสุทธธิ์ครับ เป็นคนงานแถวนั้นนั่นเอง
ขอคุยเกร็ดทางประวัติศาสตร์สักนิดครับ
ตามท้องเรื่อง ยุคนั้น FBI เป็นหน่วยงานที่ยังต่างจากปัจจุบันมากๆ เจ้าหน้าที่มีอำนาจสืบสวนแต่ถ้าจะจับกุมต้องให้หน่วยงานท้องถิ่นจับให้ และ FBI ไม่สามารถพกอาวุธตามกฎหมายได้ครับ (บางคนแอบพกเอง) เมื่อต้น ทศวรรษที่ 30 โดนเฉพาะในปี 1933 เกิดคดีรุนแรงหลายคดี เช่น การยิงเจ้าหน้าที่ตายที่สถานีรพไฟแคนซัสซิตี้เพราะต้องการชิงตัวนักโทษ (ยิงกันจนนักโทษก็ตาย) FBI จึงต้องพัฒนารูปแบบองค์กรตามที่เห็นว่า ในเรื่องถึงมีตอนที่บอกว่าบัดนี้จะให้พกอาวุธด้วย หัวหน้าหน่วยคือ นาย เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ ผู้โด่งดัง นาย ฮู ดังทั้งฝีมือการบริหาร บทบาทการสร้างองค์กรระดับชาติ และเรื่องส่วนตัว เพราะแกเป็นชายนะฮ้า ซึ่งเฮ้ย เก่งด้วย แกชอบแอบแต่งตัวชุดหญิง แถมมีนิสัยจุกจิกในการควบคุมลูกน้องและมีอัตตคติส่วนตัว เช่น แกไม่ชอบคนที่มีเหงื่อออกที่มือ เวลาจับมือใครแล้วพบว่คนนั้นมีเหงื่อออกแกจะรู้สึกว่าคนนั้นอารมณ์ไม่มั่นคงถึงเหงื่อออก เชื่อถือไม่ค่อยได้ แต่ถ้าแกชอบใครก็จะชอบมากเลย และก็ชอบให้ลูกน้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษตามแบบของยุคนั้น ต้องแต่งตัวเนี๊ยบ เชิ๊ตขาว ห้ามกินเหล้าในวันทำงาน เช่น มีงานเลี้ยงกลางวันแล้วมีการดื่มกับอาหาร โทษถึงขั้นไล่ออก
นาย เพอวิส ในเรื่องเป็นลูกน้องที่ นายฮู รักมากคนหนึ่ง เพอวิส เป็นคนเมกันภาคใต้ มาดดี รสนิยมหัวสูง เมื่อย้ายไปประจำการที่ชิคาโก แกเอาม้าไปฝากเลี้ยงไว้ที่คอกในเมืองตัวหนึ่ง ใช้ขี่เล่นวันหยุด พนายเพอวิสตัวเล็กสูง 5 ฟุต 7 ประมาณ 170 ซม. ฟอร์มเนี๊ยบ แถมยังเป็นขาลุยด้วย ถูกใจ นายฮู ยิ่งนัก
หลายสิบปีต่อมาที่ นายเพอวิส ยิงตัวตายนั้น ใช้ปืนกระบอกที่ยิงดิลลิงเจอร์นั่นเอง