แยกเป็นคลาสได้ดังนี้
1. Low Power Piston Air Rifle ปืนสปริงทุกขนาดที่มีความแรงไม่เกิน 12 ฟุต/ปอนด์
2. High Power Piston Air Rifle ปืนสปริงทุกขนาดที่มีความแรงมากกว่า12 ฟุต/ปอนด์แต่ไม่เกิน 20 ฟุต/ปอนด์
3. Low Power PCP Air Rifle ปืน PCP ทุกขนาดที่มีความแรงไม่เกิน 12 ฟุต/ปอนด์
4. High Power PCP Air Rifle ปืน PCP ทุกขนาดที่มีความแรงมากกว่า12 ฟุต/ปอนด์แต่ไม่เกิน 20 ฟุต/ปอนด์
ขอถามต่ออีกนิด
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าปืนเรานั้นมี ความแรง ดังที่ อ. กล่าวมาข้างต้น
มีหลัก อะไรพอเทียบข้างเคียงได้ใหมครับ เช่น อ้างอิงถึงความเร็ว ในการทดสอบ
(ทราบครับว่า ความเร็วนั้นมีปัจจัยหลายอย่าง ขนาดของลูก และ น้ำหนักของลูกเป็นตัวแปร หลัก)
เกณฑ์ที่เมืองนอกเขาใช้กันก็เอาความเร็วที่วัดได้คูณกับน้ำหนักกระสุนแล้วแปลงหน่วยพลังงานเป็นฟุต-ปอนด์หรือจูล แล้วเทียบกับข้อกำหนดในกติกาว่าต่ำกว่าหรือเกินกว่าเกณฑ์ ครับ
ส่วนวิธีของการแข่งขัน eMatch ก็เอาง่ายๆ แบบลูกทุ่ง คือ
1. ปืนแข่งยิงเป้าทุกชนิดทั้งสปริง อัดลม CO2 และ PCP จัดอยู่ในชั้นความแรงไม่เกิน 12 ฟุต-ปอนด์ทั้งสิ้น
2. ปืนสปริงบางรุ่น บางยี่ห้อ ก็ต้องบอกชื่อรุ่น กระสุนที่ใช้ น้ำหนักกระสุนในตอนส่งผลคะแนน แล้วผมจะไปค้นข้อมูลหาระดับความแรงของปืนมาจัดกลุ่มตามประเภทต่างๆ
3. ปืน PCP ทั่วไปจะจัดเข้าในประเภทความแรงเกิน 12 ฟุต-ปอนด์ และบางรุ่นเกิน 20 ฟุต-ปอนด์เช่น AA S410 ก็ต้องปรับแรงดันลงมาที่ระดับ 3 ครับ
4. ถ้าทราบข้อมูลปืน กระสุนก็พอบอกได้ว่าปืนรุ่นนี้ กระบอกนี้อยู่ในระดับความแรงเท่าใด เช่น RWS 36 350 48 50 54 56 460 จัดอยู่ในพวก High Power Piston Air Rifle ส่วน HW 97/97K 77/77K 50 35 , TX200 ProSport พวกนี้จัดเข้าในรุ่น Low Power Piston Air Rifle ปืน FWB P70FT, Anschuzt 9003, 2025, Steyr LG 100, LG110 FT/HP Air Arms EV2, S200 , CZ200S พวกนี้ก็จัดเข้าใน Low Power PCP Air Rifle ที่เหลือก็เป็น High Power PCP Air Rifle อะไรแบบนี้ครับ