ข้อ 1 ส่วนใหญ่จะโดนรอลงอาญา แล้ว ข้อ 2 นี่ส่วนใหญ่จะโดนอย่างไรบ้างครับ
ความผิดในข้อ ๒ ผู้ใดมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับ ใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย
ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และ ปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท
เมื่อดูจากอัตราโทษในข้อหาที่ ๒ กฎหมายกำหนดให้จำคุกตั้งแต่ ๖ เดือนถึง ๕ ปี ซึ่งหากโดนข้อหานี่เพียงข้อหาเดียว ก็อาจจะอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะกำหนดรอการลงโทษได้ครับ
แต่คดีนี้ มี ๒ ฐานความผิด ตามที่เจ้าของกระทู้เล่ามา
คือมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับ ใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย จำคุกตั้งแต่ ๖ เดือนถึง ๕ ปี
และในข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในสาธารณะ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี
จึงเข้าใจว่า น่าจะเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ซึ่งต้องลงโทษผู้กระทำทั้งสองฐานความผิด
ดังนั้นโอกาสที่จะรอการลงโทษหรือไม่ ต้องดูอัตราโทษสุทธิที่ศาลกำหนดตามหลักกฎหมายในเรื่องนี้ครับ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินสามปี ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ เมื่อศาลได้คำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และสิ่งแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพความผิดหรือเหตุอื่นอันควรปรานีแล้ว เห็นเป็นการสมควร ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้น มีความผิดแต่รอการกำหนดโทษไว้หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้แล้วปล่อยตัวไป เพื่อให้โอกาสผู้นั้นกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลจะได้กำหนด แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา โดยจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้นั้นด้วยหรือไม่ก็ได้ซึ่งหากรับสารภาพแล้ว โทษที่ลงจะลดลงไปกึ่งหนึ่งก่อน
จากนั้นจึงต้องมาดูว่า ทั้งสองความผิดที่ศาลลงโทษจำคุกนั้น รวมแล้วคงลงโทษจำคุกสุทธิเท่าไหร่ครับ
หากรวมแล้วจำคุกไม่เกิน ๓ ปี ก็อาจจะรอการลงโทษได้ครับ