ขอถามหน่อยครับ ..ขายึดกล้อง สูง กับ เตี้ย มีผลกับการเซ็ตค่า ไหมครับ
ควรใช้แบบไหนดี
ถ้ามีผล..น่าจะมีผลที่ติดได้ กับ ติดไม่ได้ ครับ... เพราะถ้าเลือกหน้ากล้องกว้าง แล้วเอาขาเตี้ยมาติด โดยไม่มีฐานเสริม ก็จะติดไม่ได้ครับ...55555
ส่วนตัว คิดว่าเอาให้มัน
ใกล้ลำกล้องมากที่สุด น่าจะดีครับ..แต่อันนี้ไม่ยืนยันนะครับ...
... ถูกต้อง ครับ พ่อเลี้ยง
ก่อนอื่น..ขาจะสูงหรือต่ำนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดความโตของเลนส์กล้องเล็ง นะครับ โดยทั่วไป..เมื่อติดตั้งแล้ว..ควรให้
ขอบด้านล่างของกล้องเล็งนั้น..อยู่เตี้ยที่สุด(ถ้าแบบ
สูงชะลูด..ฐานต่ำจะแกร่งถี่ ลักษณะนี้เหมาะกับ"
สนามรัก" ท่าน..อิอิ) อันนี้ก็จากการสังเกตุรูปกล้องติดปืนต่างๆของสนามแข่งขันยิงปืนทั้งในและต่างประเทศก็ได้ ขอรับ
ในกรณีที่ติดตั้งได้ทั้งคู่ ความสูง-ต่ำ จะมีผลต่อการ " ไข้ว" ของกระสุนที่ต้องวิ่งสูงขื้นไปหาเส้นเล็งที่มองจากสายตาเราผ่านเลนส์กล้อง แล้วก็จะโค้งกลับลงมากระทบเป้าตามระยะที่เราได้ตั้งกล้องไว้ ( ขากล้องยิ่งสูง วิถีโค้งของกระสุนก็จะยิ่งมากตาม และจุดตกก็จะไกลขึ้น จะขาสูง หรือ เตี้ย ถ้าตั้งกล้องเล็งในระยะเดียวกัน จุดX ก็จะตกที่เดียวกันครับ )
- ถ้าระยะที่ยิงคงที่ จะขาสูงหรือตุำ ใช้ได้หมด "เพราะจุดตกของกระสุนจะคงที่" ขอให้เราแนบแก้มเล็งแล้วกระชับและถนัดตาจัดท่ายิงง่ายก็ OK แล้วครับ
- แต่ถ้าจะต้องยิงในระยะที่ต่างกัน เช่นการแข่ง FT เราจึงต้องมีการใส่ "ล้อเกวียน"เพื่อที่จะได้ทราบความละเอียดในระยะที่จะยิงและกำหนดขีดระยะยิงนั้นๆไว้แล้ว
สรุป แว่.....! ถ้า
ยิงระยะเดียว ไม่ย้ายปืนไปไหน ( เช่น แข่งพาดแท่น 50 เมตร ) ขากล้องจะสูง หรือ ต่ำ ไม่มีผล ขอให้เล็งแล้วถนัดกับหน้าเราเป็นพอ
และ การ
ยิงแบบต่างระยะ FT ถ้าได้มีการเปลี่ยนขากล้อง ให้สูงขึ้นหรือต่ำลง คุณจะต้องไปเซ็ดค่าจุดกระสุนตกที่ วงล้อ ใหม่หมดทันที
ผมตอบแบบบ้านๆ คงไม่งงกันนะครับ
...อันนี้ก็ ถูกต้อง(แบบบ้านๆ)อีก ครับ คงไม่ต้องขยายความแล้ว
ขอบคุณทั้ง 2ท่าน
ขากล้องสูงต่ำก็ตั้งศูนย์กล้องได้เหมือนกัน แต่ความยากง่ายในการตั้งศูนย์ในระยะนั้นๆ อาจไม่เท่ากัน
ขึ้นอยู่กับกล้องที่ใช้ด้วย
แต่ที่เราเลือกขาสูงขึ้นเพราะแก้ปัญหาว่าหน้าเลนส์มันติดปืน หรือเรื่องรองลงมาก็เพื่อไม่ต้องก้มหน้าเล็งมากเกินไป
ซึ่งปัญหาที่สองถ้าเป็นการยิงล่าสัตว์ไม่ค่อยจะเปลี่ยนขาสูงกัน แต่ถ้าเมื่อยเพราะยิงเป้าเก็บคะแนนก็ต้องการขาสูง
มาเปลี่ยนใส่
วิถีกระสุนปืนมันเป็นวิถีคงที่ ที่เราตั้งศูนย์กล้องคือการปรับกากะบาทกล้องเล็งเข้าไปหาตำหน่งกระสุน
ไม่ใช่เป็นการปรับแนวกระสุนเข้าไปหากากะบาท อันที่จริงมันก็เป็นอันเดียวกันนะ ถ้าจะยึดหลักว่า
ยึดปืนอยู่กับที่ หรือยึดกล้องอยู่กับที่ เหมือนกับการยิงปืนใหญ่ที่ เป้าอยู่กับที่แล้วปรับปืนเขาหาตำแหน่ง
แต่ผมเวลาตั้งศูยน์ก็ตั้งแบบปืนใหญ่นะ คือกากะบาทจับกลางเป้า แล้วปรับคลิกนัดต่อไปก็กากะบาทจับกลางเป้า
เหมือนเดิมซึ่งมันเปลืองกระสุน พอดีเป็นกระสุนปืนอัดลมเคยไม่คิดมาก
แต่ถ้าเป็นปืนกระสุนนัดละ 200 บาท ก็จะมัดปืนกับแท่น
ยิงไปยังเป้าเพื่อให้เกินรูกระสุน แล้วก็ปรับกากะบาทเข้าหารูกระสุน
อันที่จริงจะจบก็ได้ ถ้าไม่แน่ใจก็ยิงนัดต่อไป ถ้ารูเดิมก็จบการตั้งศูนย์ด้วยกระสุนไม่เกิน 2 นัด
ในการแข่งยิงระยะต่างๆกันแบบ FT ซึ่งผมก็ยังไม่เคยแข่งสักที แต่ก็พอจะจับจุดได้ว่า
ใครมีกล้องที่มีกำลังขยายมากทำให้ไวต่อระยะชัดตื้น แบบหมุนนิดก็เบลอไปชัดอีกระยะแล้ว
กล้องแบบนี้จะได้เปรียบ เพราะสามารถกำหนดระยะโฟกัสได้แม่นยำกว่ากล้องกำลังขยายน้อย
ซึ่งให้ความชัดลึกมากกว่าทำให้ระยะยิงอาจคลาดไปหลายเมตร
ไม่ว่าจะเป็นการยิงแบบพาดแท่น หรือ FT หากมีการเปลี่ยนขากล้องให้สูงหรือต่ำลง
ก็จะต้องตั้งศูนย์ใหม่ทั้ง 2 แบบ การตั้งศูยน์กล้องไม่ทำไม่ได้นะครับ ถ้าไม่ทำการตั้งศูนย์
ก็ไม่ต้องทำอะไรกับปืนอีกต่อไป คือนำปืนเก็บไปไว้ในตู้จะดีกว่า
เพียงแต่แบบ FT มันไม่จบแค่การตั้งศูนย์กล้องแค่ระยะเดียวอย่างปืนพาดแท่น
เพราะ FT ต้องตั้งศูนย์ยิงหลายระยะ เพื่อให้สะดวกในการแข่ง