ก่อนอื่นขอให้ความเห็นในเรื่องนี้ก่อนครับ
ตามประมวลกฎหมายอาญา บุคคลจักต้องรับผิดทางอาญาก็ต่อเมื่อกระทำความผิดอาญาโดยเจตนา
เมื่อเจ้าของกระทู้เห็นกลุ่มคนร้ายกำลังขนทรัพย์สินของเราขึ้นรถ และกำลังจะหนีไป เจ้าของกระทู้จึงใช้อาวุธของตน เล็งยิงเข้าใส่รถของคนร้ายเพื่อให้เป็นตำหนิหรือรูปพรรณสัณฐานเพื่อไว้แจ้งความ
ต้องถือในเบื้องต้นก่อนว่า (ย้ำว่าเบื้องต้นก่อนนะครับ) เจตนาของท่านมิได้ประสงค์ต่อชีวิตคนร้าย เพราะเจตนาที่จะยิงรถยนต์ของคนร้าย มิใช่ตัวคนร้าย
จึงถือว่าท่านมีเจตนาต่อทรัพย์สินคือรถของคนร้าย อันเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ มิใช่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่า เพราะท่านไม่มีเจตนาที่จะฆ่าคนร้าย
แต่ประมวลกฎหมายให้ความหมายของคำว่าเจตนา หมายถึงผู้กระทำ กระทำโดยประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นด้วย
๑. ประสงค์ต่อผล คือ เจตนาที่จะยิงคู่อริให้ตาย ทุบรถคนอื่นให้เสียหาย เจตนาชกไปที่ใบหน้าให้ได้รับบาดเจ็บตรงๆ
๒. ย่อมเล็งเห็นผล คือผู้กระทำไม่ประสงค์ที่จะฆ่าหรือทำร้ายผู้อื่น แต่จากการกระทำ ผู้กระทำสามารถที่จะคาดหมายได้ว่า หากกระทำอย่างนั้นไป อาจจะก่อเกิดผลถึงแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของผู้อื่นได้
ยกตัวอย่างในเรื่องนี้ ผู้กระทำไม่มีเจตนาที่จะฆ่าคนร้าย ในเบื้องต้นเพราะเจตนายิงรถของคนร้าย แต่การที่ผู้กระทำเห็นอยู่แล้วว่าคนร้ายอยู่บริเวณรถยนต์ หรือในรถยนต์ซึ่งกำลังจะออกไป การที่ท่านใช้อาวุธปืนยิงใส่รถคนร้าย โอกาสที่กระสุนจะพลาดเป้าหรือทะลุไปโดนคนร้ายย่อมมีอย่างแน่นอน ดังนั้น แม้เจตนาของท่านมิได้ที่จะยิงคนร้ายก็ตาม แต่การยิงปืนใส่รถยนต์ที่มีคนอยู่ในรถ หรือบริเวณรถ ท่านย่อมเล็งเห็นได้ว่ากระสุนอาจไปโดนคนในรถได้ แต่ยังยิงใส่รถไป ตรงนี้อาจจะถือว่า ท่านมีเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยย่อมเล็งเห็นผลได้ครับ
เทียบคำพิพากษาที่ ๓๕๐๙/๒๕๔๕ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงเข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหายนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงแก่ชีวิตได้ มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยยิงปืนเพียงเพื่อขมขู่ผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา ๒๒๘, ๘๐
คดีนี้จำเลยรู้ว่าผู้เสียหายนอนอยู่ในห้อง แต่ไม่เห็นตัวว่าผู้เสียหายอยู่ตรงไหนบริเวณใดของห้อง แต่ก็ยังใช้อาวุธปืนยิงใส่ห้องนอนผู้เสียหาย โดยเจตนาแรกเพื่อข่มขู่เท่านั้น แต่ศาลมองว่าการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปในห้องนอนของผู้เสียหายจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น เมื่อกระสุนไม่โดนผู้เสียหายก็ตาม จำเลยก็ต้องรับผิดฐานพยายามฆ่า มิใช่ข่มขู่เสรีภาพ
ดังนั้นการใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์ในขณะที่คนร้ายอยู่ในรถหรืออยู่บริเวณรถ จึงสุ่มเสี่ยงต่อความผิดฐานเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยเล็งเห็นผลมากครับ