3. ประเด็นเรื่องการพกพา นั้น เป็นความเห็นส่วนตัวหากพิจารณาจากพฤติการณ์ดังกล่าวและความเป็นคนดีของคุณ jeaw 561 (ในกรณีทีช่วยเหลือนาย ข.) ผมคงมีความเห็นว่า " ไม่ใช่การพกพา ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ ม. 8 ทวิ (ซึ่งการพกพาก็มีรายละเอียดให้ศึกษาอยุ่แล้วในเวปซ์นี้)
ด้วยความเคารพ
หากว่าตามกฎหมาย การพกพา ความผิดสำเร็จเกิดขึ้นก่อนเจอเหตุการณ์ตามกระทู้ จึงเป็นเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ
แม้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวเพื่อช่วยคนอื่น ก็ไม่อาจทำให้ความผิดที่สำเร็จไปแล้วกลายเป็นไม่มีความผิด
เมื่อมีเหตุการฆ่ากันเกิดขึ้น อาวุธที่ท่านใช้ป้องกัน ต้องถูกตรวจสอบจากพนักงานสอบสวน ในข้อหาเจตนาฆ่าและต้องถือว่าเป็นของกลางในคดี
ซึ่งพนักงานสอบจะทำการสอบสวนและมีความเห็นว่าเป็นการกระทำชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ สั่งฟ้องหรือไม่
แม้ปรากฏว่าการยิงคนร้ายเพราะป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ข้อหาพกพาปืนไปในที่สาธารณะก่อนเกิดเหตุยังคงมีอยู่
เพราะการป้องกันไม่อาจลบความผิดที่สำเร็จที่เกิดขึ้นมาแล้ว และเป็นความผิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน
ซึ่งหากพนักงานสอบสวนไม่ดำเนินคดีนี้ ย่อมเป็นความผิดฐานละเว้น
แต่ป้องกันหรือไม่ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในส่วนความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ความดีของท่าน จะส่งผลให้ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่ควรรับโทษทั่วไป เท่านั้นครับ
ขอบคุณในความเห็นครับ ความเห็นทางกฏหมายแตกต่างกันได้ อย่างที่ผมได้แสดงความเห็นไว้ตอนต้นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสมมุติ และการแสดงความคิดเห็นเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวไม่มีข้อยุติ เป็นเพียงการให้มุมมองอีกแง่มุมหนึ่งเท่านั้น เพียงแต่ผม่รู้สึกกังวลใจเมื่อคนเราเวลาเห็นคนอื่นเดือดร้อนแล้วไม่เข้าไปช่วยเหลือ ทั้งที่ที่สามารถจะช่วยได้ แต่คนที่ดีในสังคมเรามีอยู่มากทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว เช่น กรณีแท็กซี่ใจเด็ด ขับรถชนโจรปล้นธนาคาร ทำให้ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ โดยที่ไม่คิดชีวิตเมื่อหลายปีก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดุศักยภาพตัวเองด้วย ว่าสามารถช่วยได้หรือไม่ หรือช่วยได้เพียงใด
ในกระบวนการยุติธรรมได้กำหนดให้มีผู้พิจารณาใช้ดุลพินิจในข้อกฏหมายประกอบด้วย
1. ชั้นพนักงานสอบสวน ประกอบด้วย
- เจ้าพนักงานผุ้จับ
- พนักงานสอบสวน
2. ชั้นพนักงานอัยการ
3. ชั้นศาล ประกอบด้วย
- ศาลชั้นต้น
- ศาลชั้นอุธรณ์
- ศาลฏีกา
และยังมีทนายความซึ่งจะว่าความให้แก่คู่กรณีอีกส่วนหนึ่ง
ถึงแม้ว่าข้อเท็จจริงเดียวกัน ความเห็นในการใช้ดุลพินิจของแต่ละท่าน แต่ละชั้น หลายครั้งมีความแตกต่างกันในรายละเอียด ถึงแม้ผลของการใช้ดุลพินิจจะแตกต่างกันก็ตาม ถ้าการใช้ดุลพินิจนั้นเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบด้วยกฏหมาแล้ว เชื่อว่าคงไม่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เช่น
1. พนักงานสอบสวน สั่งฟ้อง พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง
2. หรือ หลังจากพนักงานพนักงานอัยการสั่งฟ้อง ศาลชั้นต้นยกฟ้อง
3. หรือ ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุธรณ์ลงโทษ
4. หรือ ศาลฏียกฟ้อง หรือ ยืนตามศาลอุธรณ์ก็ีได้
นี่คือกระบวนการยุติธรรม
สำหรับความเห็นส่วนตัวของผมในเรื่องการพกพา นั้น
ผมชอบตามความเห็นของท่าน " นายหินกลิ้ง " ไปในทิศทางเดียวกัน คือ " การพกพา ความผิดสำเร็จเกิดขึ้นก่อนเจอเหตุการณ์ตามกระทู้ จึงเป็นเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระแม้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวเพื่อช่วยคนอื่น ก็ไม่อาจทำให้ความผิดที่สำเร็จไปแล้วกลายเป็นไม่มีความผิด "
แต่ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ สรุปใจความคือ " ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์"
นั่นคือ กฏหมายไม่ได้ห้ามโดยสิ้นเชิง ยังมี " เหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ " สำหรับประชาชน
ซึ่งผมคงต้องยึดหลักคำว่า "เหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามควรแก่พฤติการณ์ "
1. ยึดตามแนวคำพิพากษาฏีกา
2. หากปรากฏข้อเท็จจริงใหม่ จะมีความเห็นเสนอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งแต่ละท่านในกระบวนการยุติธรรมอาจจะไม่เห็นด้วยก็เป็นได้ หรืออาาจจะเป็นก็เป็นแนวใหม่
จากเรื่องสมมุติดังกล่าว ยังไม่ปรากฏเท็จจริงว่า คุณ jeaw 561 พาปืนมาลักษณะใด หากเป็นการพาปืนมาในลักษณะตามคำพิพากษาฏีกา ซึ่งในเรื่องสมมุติไม่มีพยานอย่างอื่น คงต้องฟังคำให้การของคุณ jeaw 561 ว่าพาลักษณะใด เป็นไปตามคำพิพากษาหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามหลักดังกล่าวแล้ว อาจจะผิดข้อหาพกพาฯ ตามที่ท่าน "นายหินกลิ้ง " ได้ให้ความเห็น
แต่หากพฤติการณ์โดยสรุป คุณ jeaw 561 นำพาปืนมาในลักษณะตามคำพิพากษาฏีกา และการใช้อาวุธเป็นการเพื่อป้องกันภยันตรายให้กับตนเองหรือผู้อื่นที่ยังไม่พ้นไป คงต้องฟังจากคำให้การของ คุณ jeaw 561 ซึ่งพฤติการณ์ที่ท่านช่วยเหลือ นาย ข. ย่อมรับฟังและเชื่อได้มาก
ความเห็นส่วนคงเห็นว่า " เป็นเหตุจำเป็นและเร่งด่วน " แต่ส่วนท่านอื่นจะเห็นเป็นประการใดหรือเห็นแย้ง ผมก็ย่อมเคารพในความเห็นครับ
ส่วนในเรื่องละเว้นนั้น คงยังไม่เป็นเรื่องละเว้น เนื่องจากเป็นการ "ใช้ดุลพนิจ ตามหลักกฏหมาย ประกอบฏีกาที่เกี่ยวข้อง โดยสุจริต " แต่ถ้าท่านอื่นจะเป็นว่าเป็นเรื่องละเว้นก็ ขอเคารพครับ
ดังนั้น ยังมีทางออกสำหรับคนดีนะครับ และคิดที่จะทำดี " ทำดีคือดี ทำชั่วคือชั่ว "
- และสำหรับคุณ privacy แค่โทรแจ้ง นั่นก็ดีมากแล้วครับ เว้นแต่การช่วยของ คุณ prevacy สามารถช่วยชีวิต นาย ข. ได้ หากรอเจ้าหน้าที่อาจจะไม่ทันการ "เป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำอย่างหนึ่งอย่างใด " ก็ขอความกรุณา้ทบทวนอีกครั้งหนึ่ง