ไอ้เราจะว่าอะไรสักหน่อย....หมิ่นเจ้าหน้าที่บ้างละ......เสียกำลังใจบ้างละ สำออยจริง.....แล้วไอ้สิ่งที่พวกท่านทำอยู่นะ ท่านเคยคิดถึงผู้ที่เสียภาษีให้เป็นเงินเดือนท่านรึเปล่า.....ผมเชื่อว่าปัญหาที่เกิดอยู่ใบบ้านเราทุกวันนี้.....ก็เพราะว่าท่านไม่ได้ทำตามหน้าที่ของท่าน...ที่ควรจะเป็น....ที่ควรจะทำ
นี่ก็อีกตัวอย่างนึง...ที่ตำรวจไทยภูมิใจเสนอ.....
ชาว อวป.
Full Member
คะแนน 54
ออฟไลน์
เพศ:
อาวุธประจำตัว: เหล็กมีรู
กระทู้: 494
ข่าว: พ.ต.ต. กร่าง! ยกพวกนับสิบตื้บ อาม่าวัย 60 บนโรงพัก
« เมื่อ: วันนี้ เวลา 12:15:36 PM »
--------------------------------------------------------------------------------
http://news.mthai.com/general-news/63107.htmlพ.ต.ต. กร่างยกพวกนับสิบ รุมตื้บอาม่าวัย 60 บนสน.เพชรเกษม หลังลูกน้องโทรตามมาช่วยเคลียร์คดีบุกรุก ถูกรวบทันควันบนโรงพัก ยังเบ่งอ้างเป็นเด็กพล.ต.ท.คนดัง แถมมีบิ๊กตร.โทรขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา ผกก.เพชรเกษมไม่สน สั่งแจ้งข้อหา เหยื่อยันเอาเรื่องถึงทื่สุด
เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ขณะที่ ร.ต.ท.ภานุทัศน์ คิดนอก พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.เพชรเกษม กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ได้มีเจ้าหน้าที่สายตรวจนำคู่กรณีเหตุบุกรุกมาส่งตัวให้ คือ นางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ กิตติชัยเดช เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 11/69 หมู่บ้านนาราศิริ ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางแค กทม. แต่พนักงานสอบสวนเห็นว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจึงปล่อยให้ทั้งคู่นั่งเจรจา กัน โดยพนักงานสอบสวนพยายามจะไกล่เกลี่ยให้ยอมความกัน เนื่องจากบ้านหลังที่เกิดเหตุเดิมเป็นของนางธนิดา แต่ต่อมาได้โอนให้เป็นของ น.ส.อรอนงค์ พินิจพงษ์พันธ์ อายุ 37 ปี ลูกสะใภ้ที่ไม่ได้จดทะเบียนกับลูกชายของตัวเอง ทั้งนี้ บ้านหลังดังกล่าวอยู่ใกล้เคียงกับบ้านของนางธนิดา และปกตินางธนิดาจะเข้าไปดูแลความเรียบร้อยในบ้านเป็นประจำ
กระทั่งก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00 น. นางธนิดาสังเกตเห็นว่าภายในบ้านของลูกสะใภ้เปิดไฟทิ้งไว้ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ จึงเข้าไปดูก็พบ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ อยู่ในบ้านกับเพื่อน โดย ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ ยืนยันว่าได้เช่าบ้านหลังนี้จาก น.ส.อรอนงค์ แล้วโดยจ่ายค่าเช่าในราคาเดือนละ 2 หมื่นบาท และมีการทำสัญญาเช่าถูกต้อง แต่นางธนิดายืนยันว่าไม่ทราบเรื่องและบอกให้รอลูกชาย ซึ่งบวชพระอยู่สึกออกมาเสียก่อน ทำให้การเจรจาไม่เป็นผล จึงเรียกเจ้าหน้าที่สายตรวจมารับตัวไปตกลงกันบนโรงพัก
ระหว่างที่พนักงานสอบสวนซึ่งอยู่ในห้อง 3 คน กำลังสอบสวนผู้ต้องหาคดีอื่น โดยต่างแยกย้ายกันไปสอบสวน เหลือเพียงนางธนิดา และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ อยู่ในห้องกันตามลำพัง ปรากฏว่า ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ได้โทรศัพท์ตามลูกพี่และลูกน้องมา 10 คน ซึ่งเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งหมด นำโดย พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมาถึงหนึ่งในกลุ่มนั้นได้เรียก นายยุทธนา กลิ่นขจร อายุ 33 ปี ลูกเขยของนางธนิดา ที่เดินทางตามมาทีหลังให้ออกมาตกลงกันที่ลานจอดรถข้างโรงพัก แต่นายยุทธนาไม่ยอมไป ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ กรูกันเข้ามาประมาณ 5 คน อีก 5 คน ยืนคุมเชิงและล็อกประตูห้องสอบสวนไว้ ก่อนที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิจะชกนายยุทธนาเข้าที่ปลายคาง ก่อนเข้าตะลุมบอนจนนายยุทธนาได้รับบาดเจ็บและทรุดลงไปกองกับพื้น
จังหวะนั้นนางธนิดาพยายามเข้าห้ามปราม ก็ถูก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ชกเข้าที่ใบหน้าจนหน้าตาบวมช้ำ มีแผลแตกฟุบลงไปกับพื้นก็ถูกเท้าเหยียบหน้าไว้ ระหว่างนั้น ด.ต.วีระ ภู่ฤทธิ์ ตำรวจที่เข้าเวรห้องวิทยุใกล้ห้องพนักงานสอบสวนเห็นจึงเข้ามาห้าม ทำให้กลุ่มของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิแตกฮือแยกย้ายกันหลบหนี แต่ ด.ต.วีระ และ ด.ต.สายัณห์ ศรีสุวรรณ ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม ช่วยกันจับกุม พ.ต.ต.อรรถวุฒิไว้ได้คนเดียว ขณะควบคุมตัวนั้น พ.ต.ต.อรรถวุฒิได้แสดงบัตรตำรวจ อ้างว่าอยู่ในชุดทำงานของ พล.ต.ท.คนหนึ่ง แต่ตำรวจไม่สนใจ ค้นตัวพบอาวุธปืนกล็อก ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ขึ้นลำพร้อมยิง ภายในมีกระสุน 9 นัด และโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง พร้อมแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเบื้องต้นได้ให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นประกันตัวด้วยเงิน 3 หมื่นบาท
หลังจากประกันตัวไป ได้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่โทรศัพท์มาเจรจาขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา แต่ พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม ไม่ยินยอม ก่อนรีบรายงาน พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 รับทราบ พล.ต.ต.กรีรินทร์จึงสั่งดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด เพราะกระทำการเกินกว่าเหตุบนโรงพัก และพิจารณาเงินรางวัลตามโครงการจับทันควันจ่ายทันที 24 ชั่วโมงให้แก่ชุดจับกุม และกำชับพนักงานสอบสวนให้ออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีทั้งหมดเป็น การเร่งด่วน
นายยุทธนากล่าวว่า ไม่คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้บนโรงพัก ในห้องพนักงานสอบสวน ทั้งที่น่าจะปลอดภัยที่สุด และคนกระทำเป็นตำรวจที่บังคับใช้กฎหมาย ลำพังแค่ทำกับตนคนเดียวก็ไม่มีทางสู้อยู่แล้ว แต่ยังไปทำกับแม่ยายที่อายุมากแล้ว ยืนยันจะดำเนินคดีกับตำรวจกลุ่มนี้ให้ถึงที่สุด
พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวว่า ได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างยุติธรรม ไม่เข้าข้างสีเดียวกัน แม้ผู้ต้องหาจะเป็นตำรวจ แต่กระทำการละเมิดกฎหมาย ปกป้องไม่ได้ ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหานั้น ยืนยันว่าเปลี่ยนไม่ได้ กฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล บันทึกการเข้า
--------------------------------------------------------------------------------
..อย่าเดินผิดทาง อย่าวางผิดที่
อย่าดีผิดท่า อย่ากล้าผิดถิ่น
อย่ากินผิดของ อย่าลองผิดจุด
อย่าหยุดผิดกาล อย่าค้านผิดเรื่อง